โรคมือเท้าปาก หนึ่งในโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนและช่วงที่เด็กๆ ไปโรงเรียน แม้ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงถึงชีวิต แต่ก็สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือภาวะช็อกได้
บทความนี้เราจะพาคุณรู้จักโรคมือเท้าปากแบบละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน วัคซีนโรคมือเท้าปาก และแนวทางดูแลเด็กอย่างถูกต้อง
สารบัญ
โรคมือเท้าปาก คืออะไร?
โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot and Mouth Disease: HFMD) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม Enterovirus ที่ทำให้เกิดผื่นหรือตุ่มพองใสบริเวณมือ เท้า ปาก และบางครั้งที่ก้นหรือเข่า โดยไวรัสที่ทำให้เกิดโรคนี้ที่พบบ่อย ได้แก่
- Coxsackievirus A16
- Coxsackievirus A6
- Enterovirus 71 (EV71) (สายพันธุ์ที่อาจทำให้เกิดอาการรุนแรง)
กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษ คือ เด็กเล็ก ที่มักอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือโรงเรียนอนุบาล โดยจากข้อมูลล่าสุด พบว่าในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคมือเท้าปากมากกว่า 1 แสนราย โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 0-4 ปี โดยกว่า 50% เกิดจากการติดเชื้อ EV71 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อันตรายที่สุด
สาเหตุของการเกิดโรคมือเท้าปาก
โรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่ติดต่อกันค่อนข้างง่าย โดยเชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จากหลายช่องทาง ได้แก่
- สัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ น้ำจากตุ่มพอง
- ไอจามใส่กัน
- สัมผัสของเล่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัส
- ใช้สิ่งของร่วมกัน
- อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ
ทั้งนี้ไวรัสจะอยู่บนพื้นผิวได้นานหลายชั่วโมง ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ และอาจจะไม่ระวังในการจับหรือสัมผัสสิ่งของ
อาการของโรคมือเท้าปาก
หากเกิดการติดเชื้อ มักจะเริ่มมีอาการภายใน 3–7 วัน แบ่งเป็นระยะต่างๆ ดังนี้
อาการช่วงเริ่มต้น
- มีไข้ต่ำๆ ถึงปานกลาง
- อ่อนเพลีย ซึม เบื่ออาหาร
- เจ็บคอ น้ำลายไหลมากขึ้น
- เริ่มมีแผลในปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กกินได้น้อยลง
- มีผื่นหรือตุ่มพองใส บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น บางครั้งที่ลำตัว แขน หรือขา
อาการที่ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็ว
- มีไข้สูงมากกว่า 3 วัน
- เด็กดื่มน้ำไม่ได้จนเสี่ยงขาดน้ำ
- อาเจียนบ่อย
- ซึมหรือง่วงผิดปกติ
- หอบเหนื่อย หายใจผิดจังหวะ
- ชัก
โรคมือเท้าปากอันตรายแค่ไหน?
ส่วนใหญ่โรคนี้มักไม่รุนแรงถึงชีวิต และมักหายเองได้ แต่หากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ EV71 อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- สมองอักเสบ
- ระบบหายใจล้มเหลว
- หัวใจวายเฉียบพลัน
- ช็อก
อาการเหล่านี้พบไม่บ่อย แต่ต้องเฝ้าระวังอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กที่มีอาการผิดปกติหรือซึม
วิธีรักษาโรคมือเท้าปาก
ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาเฉพาะ แต่จะเป็นการรักษาเป็นแบบประคับประคอง ได้แก่
การดูแลที่บ้าน
- พยายามให้เด็กดื่มน้ำมากๆ
- ใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (ห้ามใช้แอสไพริน)
- ให้กินอาหารอ่อน เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย
- รักษาความสะอาดแผลและผื่น
- ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวทุกวัน
- พยายามให้เด็กพักผ่อนให้มากที่สุด
แต่หากอาการไม่ดีขึ้น และมีแนวโน้มรุนแรง เช่น มีไข้สูงเกิน 3 วัน แม้กินยาลดไข้แต่ก็ไม่ลดลง เด็กซึมผิดปกติ อาเจียนบ่อย มีผื่นหรือแผลลุกลาม ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
วิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก
การป้องกันโรคมือเท้าปาก ทำได้ด้วยการรักษาความสะอาด หมั่นล้างมือเด็กบ่อยๆ ทำความสะอาดของเล่นและของใช้ แยกสิ่งของส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว หากเด็กป่วยให้หยุดเรียนทันที และกำชับเด็กให้ล้างมือก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
สำหรับโรงเรียนควรมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น ทำความสะอาดห้องเรียนทุกวัน ทำความสะอาดของเล่นด้วยน้ำยาทำความสะอาด ตรวจคัดกรองเด็กก่อนเข้าห้องเรียน หากมีเด็กป่วยต้องแยกออกทันที และจัดให้มีแอลกอฮอล์เจลตามจุดต่างๆ
ทั้งนี้อีกหนึ่งวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก
วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากคืออะไร?
คือวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอ็นเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71: EV71) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสตัวหลัก ที่ก่อโรค โดยวัคซีนชนิดนี้ มีข้อดีคือ
- ลดโอกาสเกิดโรคมือเท้าปากจากเชื้อ EV71
- ลดอัตราการป่วยรุนแรง เช่น ชัก ซึม ไม่รู้สึกตัว
- ลดการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของ EV71
ทั้งนี้วัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ทุกสายพันธุ์ แต่ช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากสายพันธุ์ EV71 ได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคมือเท้าปาก
- ผู้ใหญ่เป็นโรคมือเท้าปากได้ไหม?
ตอบ: เป็นได้ แต่พบน้อยกว่าเด็กมาก และมักมีอาการไม่รุนแรง - ถ้าเคยเป็นแล้ว จะเป็นซ้ำได้ไหม?
ตอบ: มีโอกาสเป็นอีกได้ เพราะไวรัสมีหลายสายพันธุ์ อาจจะติดสายพันธุ์อื่นได้อีก - การทำความสะอาดสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ ต้องทำยังไง?
ตอบ: ทำความสะอาดด้วยสบู่ น้ำยาทำความสะอาดทั่วไป หรือแอลกอฮอล์ 70% ก็สามารถฆ่าเชื้อได้ - ถ้าเด็กหายป่วยแล้ว จะกลับไปโรงเรียนได้เมื่อไร?
ตอบ: เมื่อไม่มีไข้และแผลแห้งสนิทแล้ว โดยทั่วไปประมาณ 7-10 วัน
โรคมือเท้าปากเป็นโรคที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก แม้ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย แต่บางกรณีก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
ฉะนั้นการรักษาสุขอนามัย หมั่นให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดของเล่น คือ กุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดได้ และอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กที่มีประสิทธิภาพ คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ปกครอง ลดความกังวลว่าเด็กจะมีอาการป่วยรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล

