หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele) หรือมีเส้นเลือดขอดในอัณฑะ เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไป บางคนอาจมีภาวะนี้โดยไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพ แต่ในบางคนอาจมีปัญหามีบุตรยากได้
ถ้าสงสัยว่าเป็นหลอดเลือดอัณฑะขอด ซึ่งสังเกตได้จากอาการรู้สึกหน่วงๆ ในอัณฑะ เห็นอัณฑะของข้างมีขนาดแตกต่างกัน หรือสังเกตอัณฑะดูเหมือนมีสปาเกตตีขดๆ อยู่ด้านใน สามารถพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยได้ การตรวจมักเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการให้ตรวจเฉพาะทางเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล
สารบัญ
การตรวจหลอดเลือดอัณฑะขอดด้วยการตรวจร่างกาย
โดยส่วนใหญ่แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดอัณฑะขอดได้จากการดูด้วยตาเปล่าและคลำตรวจด้วยมือ โดยอาจมีการให้ผู้รับการตรวจนอนลงหรือยืนขึ้นเพื่อให้เห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน ซึ่งเวลายืน แพทย์จะให้ผู้รับการตรวจหายใจแบบ Valsalva หรือหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ แล้วออกแรงเบ่งคล้ายเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ
การตรวจเฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยหลอดเลือดอัณฑะขอด
การตรวจเฉพาะทางที่แพทย์อาจสั่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลหลอดเลือดอัณฑะขอด หรือเพื่อวินิจฉัยระดับความรุนแรงของภาวะนี้ ได้แก่
1. ตรวจหลอดเลือดอัณฑะขอดด้วยวิธีอัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน (Pelvic Ultrasound)
วิธีนี้ใช้บ่อยที่สุดสำหรับวินิจฉัยหลอดเลือดอัณฑะขอด เป็นการตรวจที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ ภาพอัลตราซาวด์ช่วยให้แพทย์เห็นรายละเอียดเส้นเลือดในอัณฑะ รวมถึงขนาดของเส้นเลือดขอด (ถ้ามี) อย่างชัดเจน
2. ตรวจน้ำเชื้อ (Semen Analysis)
วิธีนี้มักใช้เมื่อแพทย์สงสัยว่าภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดจะส่งผลกระทบต่อภาวะมีบุตรยาก ขั้นตอนการตรวจ แพทย์จะให้ผู้รับการตรวจหลั่งน้ำเชื้อใส่ภาชนะ จากนั้นนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อดูสุขภาพโดยรวมของสเปิร์ม
3. ตรวจเลือด (Blood Test)
การตรวจเลือดเป็นอีกการตรวจที่แพทย์อาจให้ทำเมื่อภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดนั้นอาจเกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยาก
เจ้าหน้าที่จะเจาะเลือดผู้รับการตรวจในปริมาณน้อยๆ จากนั้นส่งไปยังห้องปฏิบัติการ เพื่อให้นักเทคนิคการแพทย์จะตรวจสอบระดับฮอร์โมนเพศ ซึ่งรวมถึงฮอร์โมน FSH และฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน
4. ฉีดสีตรวจหลอดเลือดอัณฑะขอด (Venography)
วิธีนี้แพทย์จะฉีดสารทึบรังสีเข้าทางเส้นเลือดบริเวณขาหนีบหรือคอของผู้รับการตรวจ จากนั้นทำการเอกซเรย์
การฉีดสีตรวจหลอดเลือดอัณฑะขอดช่วยให้เห็นการไหลเวียนของเลือดอย่างชัดเจนและแม่นยำ แต่เป็นวิธีที่ใช้ไม่บ่อยนัก เพราะต้องมีการผ่าตัดขนาดเล็ก
5. ตรวจหลอดเลือดอัณฑะขอดด้วยวิธีตรวจจับความร้อน (Thermography)
เมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ วิธีนี้ถือเป็นวิธีใหม่ที่ใช้ตรวจหลอดเลือดอัณฑะขอด แพทย์จะใช้กล้องถ่ายภาพอินฟราเรดถ่ายอัณฑะเพื่อจับอุณหภูมิ บริเวณที่มีเส้นเลือดขอดมักจะมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณอื่น
ระดับความรุนแรงของหลอดเลือดอัณฑะขอด
หลอดเลือดอัณฑะขอดสามารถแบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่
- เกรด 0 – เป็นหลอดเลือดอัณฑะขอดขนาดเล็กที่สุด แพทย์ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติได้จากการตรวจร่างกาย แต่เห็นเส้นเลือดขอดได้จากการอัลตราซาวด์
- เกรด I – แพทย์ตรวจแล้วไม่เห็นเส้นเลือดขอด แต่จะสัมผัสความผิดปกติได้เมื่อผู้ป่วยหายใจแบบ Valsalva (กลั้นหายใจและเบ่ง)
- เกรด II – แพทย์ตรวจแล้วไม่เห็นเส้นเลือดขอด แต่สัมผัสความผิดปกติได้ แม้ผู้ป่วยไม่ได้หายใจแบบ Valsalva
- เกรด III – เป็นหลอดเลือดอัณฑะขอดขนาดใหญ่ที่สุด แพทย์สามารถเห็นความผิดรูปของถุงอัณฑะผู้ป่วยได้อย่างชัดเจน
การทราบระดับความรุนแรงของภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดให้ประโยชน์ต่อการวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน
หลอดเลือดอัณฑะขอดพบได้ทั่วไป บางคนอาจไม่มีอาการใดๆ เลย ถ้าเป็นระยะไม่รุนแรงอาจไม่ต้องรักษา อย่างไรก็ตาม หลอดเลือดอัณฑะขอดก็เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในผู้มีภาวะมีบุตรยากได้ ถ้าสงสัยว่าอาจมีภาวะนี้จึงควรรับการตรวจวินิจฉัย เพื่อจะได้รักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
อยากเช็กให้ชัวร์ ว่าอาการแบบนี้ผิดปกติหรือเปล่า? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย


