Default fallback image

ตอบทุกคำถามพบบ่อยของ หลอดเลือดอัณฑะขอด

หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele) หรือเส้นเลือดขอดในถุงอัณฑะ เป็นความปกติที่พบได้ทั่วไป อาจไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ เลยก็ได้ หรืออาจส่งผลต่อการเจริญของอวัยวะสืบพันธุ์ ไปจนถึงทำให้มีภาวะมีบุตรยากได้ ขึ้นอยู่กับว่าเกิดความผิดปกติเมื่อไหร่ และความรุนแรงแค่ไหน หลอดเลือดอัณฑะขอดรักษาได้ ปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดที่แผลเล็ก เจ็บน้อย มีประสิทธิภาพสูง

เนื่องจากเป็นการผ่าตัดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ผู้ป่วยจึงอาจมีความกังวลว่าจะกระทบกับสมรรถภาพทางเพศหรือความสามารถในการมีบุตรหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ

1. หลอดเลือดอัณฑะขอด เป็นยังไง เหมือนเส้นเลือดขอดทั่วไปไหม?

ตอบ: หลอดเลือดอัณฑะขอด เหมือนกับเส้นเลือดขอดบริเวณอื่นๆ แต่กรณีนี้เกิดกับเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ในถุงอัณฑะ ถ้าเป็นไม่มากอาจไม่พบความผิดปกติใดๆ กรณีเป็นมากขึ้นอาจสัมผัสพบพื้นผิวอัณฑะที่ไม่เรียบ หรือถ้าเป็นอย่างรุนแรงจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าถุงอัณฑะมีลักษณะเหมือนบรรจุขดเส้นสปาเกตตีอยู่ หรือในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าอัณฑะสองข้างมีขนาดไม่เท่ากัน ร่วมกับอาจรู้สึกเจ็บปวดได้

2. หลอดเลือดอัณฑะขอด เกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากหรือไม่?

ตอบ: หลอดเลือดอัณฑะขอด เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชายที่มีภาวะมีบุตรยาก แต่ไม่ใช่ว่าผู้มีหลอดเลือดอัณฑะขอดทุกคนจะต้องมีบุตรยาก

ความเกี่ยวข้องระหว่างหลอดเลือดอัณฑะขอดกับภาวะมีบุตรยาก ได้แก่ การมีหลอดเลือดขอดในอัณฑะทำให้อุณหภูมิในอัณฑะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลต่อปริมาณสเปิร์มและการสร้างสเปิร์ม นอกจากนี้ ยิ่งหลอดเลือดที่ขอดมีขนาดใหญ่ ยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ลดต่ำลง นำไปสู่ปัญหาลูกอัณฑะหดตัว ความต้องการทางเพศลดลง มวลกล้ามเนื้อลดลง ไปจนถึงมีผลต่อภาวะซึมเศร้า ในผู้มีหลอดเลือดอัณฑะขอดบางคน ยังอาจมีภาวะ Azoospermia หรือภาวะที่ไม่มีตัวสเปิร์มในน้ำเชื้ออีกด้วย

กรณีที่มีภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดตั้งแต่อายุยังน้อย ภาวะนี้อาจไปขัดขวางการเจริญเติบโตของลูกอัณฑะ ทำให้สเปิร์มมีปริมาณน้อย เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้เช่นกัน

3. เมื่อไหร่ถึงต้องผ่ารักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด?

ตอบ: ผู้เป็นหลอดเลือดอัณฑะขอดที่ไม่รุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา โดยทั่วไปแล้วแพทย์มักแนะนำให้ผ่าตัดหลอดเลือดอัณฑะขอดเมื่อผู้ป่วยมีหลอดเลือดอัณฑะขอดอย่างรุนแรง สังเกตเห็นความผิดปกติชัด มีอาการเจ็บปวด หรือทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ หรืออีกกรณีคือผู้ป่วยต้องการมีบุตร และตรวจพบว่าหลอดเลือดอัณฑะขอดเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก

4. ถ้าไม่ผ่า เส้นเลือดขอดในอัณฑะจะหายเองไหม?

ตอบ: โดยทั่วไปแล้วหลอดเลือดอัณฑะขอดจะไม่หายไปเอง เนื่องจากหลอดเลือดมีปัญหาไปแล้ว ยิ่งได้รับแรงดันเพิ่มก็จะยิ่งเป็นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าตรวจพบหลอดเลือดอัณฑะขอดตั้งแต่อาการยังไม่เป็นมาก อาจปรับพฤติกรรมเพื่อให้ภาวะเส้นเลือดขอดไม่แย่ไปกว่าเดิม หรือทำให้เส้นเลือดขอดรุนแรงขึ้นช้าลง

ถ้าเป็นหลอดเลือดอัณฑะขอดในระยะที่สังเกตเห็นด้วยตาเปล่าแล้ว หรือเห็นชัดเจนว่าอัณฑะข้างหนึ่งใหญ่กว่าอีกข้าง อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หรือหัตถการอื่นๆ เพื่อปิดทางเดินเลือดไม่ให้ไปเลี้ยงส่วนของเส้นเลือดที่ขอดเท่านั้น

5. ผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด มีแบบไหนบ้าง?

ตอบ: การผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด แบ่งกว้างๆ ออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ ผ่าตัดแบบเปิด กับผ่าตัดแบบส่องกล้อง

การผ่าตัดแบบเปิด คือการผ่าตัดแบบดั้งเดิมที่แพทย์จะกรีดเปิดแผลขนาดใหญ่ 1 แผลบนผิวหนังผู้ป่วย โดยอาจเป็นที่บริเวณลูกอัณฑะ ขาหนีบ หรือช่องท้องผู้ป่วย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเส้นเลือดขอด การผ่าตัดแบบเปิดมีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะเสียเลือด เจ็บแผล และระยะเวลาฟื้นตัวยาวนานกว่าผ่าตัดแบบส่องกล้อง

ส่วนการผ่าตัดส่องกล้องรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด คือ การผ่าตัดที่แพทย์จะใช้วิธีเจาะเปิดแผลบนผิวหนังผู้ป่วยเป็นรูเล็กๆ 2-3 แผล แล้วใส่เครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กกับกล้องขนาดเล็กกำลังขยายสูงเข้าไป ภาพจากกล้องจะถูกฉายทางจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ทำให้แพทย์เห็นอวัยวะภายในของผู้ป่วยอย่างชัดเจน ทำให้ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ

การผ่าตัดส่องกล้องยังแบ่งย่อยออกเป็นผ่าตัดส่องกล้องที่ขาหนีบ กับ ผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง

แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าผู้ป่วยควรรับการผ่าตัดแบบไหน โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอด บริเวณเส้นเลือดขอด โรคประจำตัว ความผิดปกติอื่นๆ ที่มีบริเวณอัณฑะ อายุ สุขภาพของผู้ป่วย ฯลฯ

6. หลังผ่าตัดเส้นเลือดที่ขอดออกไปแล้ว เลือดจะไหลเวียนอย่างไร?

ตอบ: เส้นเลือดในอัณฑะมีหลายเส้น แม้ว่าจะผ่าตัดเอาส่วนที่ขอดออกไป หรือใช้หัตถการอื่นๆ เพื่ออุดปิดทางไหลเวียนเลือด ไม่ให้เข้าไปเลี้ยงส่วนเส้นเลือดขอด เลือดก็จะยังสามารถไหลเวียนได้ โดยจะเปลี่ยนทางไปใช้เส้นเลือดอื่นๆ ข้างเคียงที่ยังมีสุขภาพดีแทน

7. ผ่าตัดหลอดเลือดอัณฑะขอดจะส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศไหม?

ตอบ: ในผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาฮอร์โมนเพศชายต่ำ จนอาจมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศ นอกจากการผ่าตัดหลอดเลือดอัณฑะขอดจะไม่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงแล้ว ยังช่วยให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ทุกการผ่าตัดมีความเสี่ยง การผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอดก็มีความเสี่ยงที่อวัยวะเนื้อเยื่อ หรือเส้นประสาทจะเสียหายได้เช่นกัน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อย 

8. ผ่าตัดหลอดเลือดอัณฑะขอดจะทำให้เป็นหมัน มีลูกยาก หรือเปล่า?

ตอบ: การเป็นหมัน หรือมีลูกยาก ไม่ใช่ความเสี่ยงหลักที่จะเกิดขึ้นจากการผ่าตัดหลอดเลือดอัณฑะขอด โดยทั่วไปแล้วการผ่าตัดยังมักเป็นการรักษาภาวะมีบุตรยากที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอดด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ใช้บ่อย หลังผ่าตัดแล้วพบว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยาก (พิจารณาจากจำนวนสเปิร์ม การเคลื่อนไหวของสเปิร์ม และความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์ม) ดีขึ้นประมาณ 60-70% 

แม้การผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอดจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ผู้ป่วยยังควรสอบถามแพทย์อย่างละเอียดถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากภาวะนี้ที่เกิดในแต่ละคนอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไป

ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลอดเลือดอัณฑะขอดใช่ไหม? ไม่รู้จะถามใครดี ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที

Scroll to Top