Default fallback image

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า เป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างเรื้อรัง เมื่อเป็นระยะแรกมักยังบรรเทาอาการได้ด้วยยา แต่ผู้ป่วยมักมีอาการดื้อยามากขึ้น จนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีหลากหลายเทคนิค แต่ละเทคนิคมีข้อดี-ข้อเสีย ประสิทธิภาพ และความเสี่ยง แตกต่างกัน

บทความนี้จะช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ป่วยเลือกวิธีรักษาได้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด

สารบัญ

1. โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า คืออะไร?

ตอบ: โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia) คือ โรคที่ใบหน้าไวต่อความรู้สึกมาก ทำให้เกิดความเจ็บปวดใบหน้าอย่างเรื้อรัง

อาการปวดจะเป็นแบบไฟช็อต หรือแบบถูกเข็มแทง มีสาเหตุหลักมาจากมีเส้นเลือดไปกดทับเส้นประสาทไตรเจมินัล (Trigeminal) ซึ่งเส้นประสาทนี้ทำหน้าที่ควบคุมความรู้สึกบริเวณใบหน้า จนฉนวนของเส้นประสาทนี้สึกหรอไป ทำให้เส้นประสาทไวต่อความรู้สึกอย่างมาก เพียงแค่การเคี้ยวอาหาร พูด ยิ้ม แปรงฟัน ล้างหน้า โกนหนวด ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวด

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า แม้ไม่อันตรายถึงชีวิตแต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้นอนไม่หลับ รับประทานอาหารได้น้อยหรือรับประทานไม่ได้ รวมถึงก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้

2. โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า วิธีรักษามีอะไรบ้าง?

ตอบ: วิธีรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ได้แก่

  • การรับประทานยาบรรเทาอาการ มักเป็นยากลุ่มกันชัก หรือยาแก้ปวด
  • การยิงรังสีแบบแม่นยำสูงบริเวณสมอง (Gamma Knife) เพื่อทำลายเส้นประสาทโดยไม่ผ่าตัด
  • การผ่าตัดเจาะรูเล็ก (Rhizotomy) เพื่อเข้าไปปิดกั้นการส่งสัญญาณประสาท มีเทคนิคย่อยไปอีกหลายเทคนิค เช่น ผ่าตัดเจาะรูเล็กเพื่อฉีดกลีเซอรอล เจาะรูเล็กเพื่อนำบอลลูนเข้าไปกดทำลายเส้นประสาท เจาะรู้เล็กแล้วจี้เส้นประสาทด้วยคลื่นความถี่วิทยุ เป็นต้น
  • การผ่าตัดสมองเพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการผ่าตัดเลาะแยกเส้นเลือดที่กดทับออกจากเส้นประสาทไตรเจมินัล (Microvascular Decompression – MVD)

3. การรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าด้วย Gamma Knife การผ่าตัดเจาะรูเล็ก และผ่าตัดแยกเส้นเลือดออกจากเส้นประสาท (MVD) ให้ผลต่างกันไหม?

ตอบ: ในแง่เป้าหมายการรักษา การรักษาด้วย Gamma Knife กับการผ่าตัดเจาะรูเล็ก (Rhizotomy) มีเป้าหมายคือทำลายเส้นประสาทไตรเจมินัล เพื่อหยุดการส่งสัญญาณความเจ็บปวดที่ใบหน้าผู้ป่วย

เมื่อเป็นการทำลายเส้นประสาท นอกจากจะทำให้ไม่เจ็บปวดแล้ว อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความรู้สึกหรือชาใบหน้าได้หลังจากรักษา

ส่วนการผ่าตัดแยกเส้นเลือดที่กดทับออกจากเส้นประสาทไตรเจมินัล (Microvascular Decompression – MVD) มีเป้าหมายคือแยกเส้นเลือดและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใดๆ ที่กดทับเส้นประสาทออก รวมทั้งวางนวมคั่นไม่ให้เส้นประสาทถูกเสียดสีอีก หลังรักษาผู้ป่วยมักหายจากอาการเจ็บปวดใบหน้าทันที รวมถึงไม่มีอาการชาเพราะเส้นประสาทไม่ได้ถูกทำลายไป

ในแง่ประสิทธิภาพของการรักษาอาการเจ็บปวดใบหน้า เมื่อเปรียบเทียบกันใน 3 วิธีนี้

วิธีที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดคือ การผ่าตัด MVD (อัตราความสำเร็จประมาณ 90% ผู้ป่วยมักอาการดีขึ้นทันทีหลังผ่าตัด)

รองลงมาคือ Gamma Knife (อัตราความสำเร็จประมาณ 70-80% ผู้ป่วยจะค่อยๆ ดีขึ้นหลังรักษา อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนจึงจะเห็นผลเต็มที่)

ตามด้วยการผ่าตัดรูเล็ก (อัตราความสำเร็จประมาณ 65%)

ส่วนโอกาสกลับมาเป็นโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าซ้ำ การผ่าตัด MVD เมื่อทำแล้วผู้ป่วยมักไม่ค่อยกลับเป็นโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าซ้ำ ส่วนการรักษาด้วย Gamma Knife กับผ่าตัดเจาะรูเล็กทำแล้วอาจกลับมาเป็นโรคซ้ำอีกได้ภายใน 3-5 ปี อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นอีกก็สามารถรักษาด้วยวิธีเดิมอีกได้

4. ผ่าตัดสมองเพื่อรักษาโรคเส้นประสาทใบหน้า ทำอย่างไร?

ตอบ: การผ่าตัดสมองเพื่อรักษาโรคเส้นประสาทใบหน้า คือวิธีที่เรียกว่า Microvascular Decompression – MVD หรือ ผ่าตัดเลาะแยกเส้นเลือดที่กดทับออกจากเส้นประสาทไตรเจมินัล

ขั้นตอนการผ่าตัดเริ่มจาก แพทย์วางยาสลบผู้ป่วย จากนั้นเปิดแผลเล็กๆ ที่กะโหลกศีรษะบริเวณด้านหลังใบหูของผู้ป่วย เพื่อเข้าถึงเส้นประสาทไตรเจมินัล จากนั้นจึงผ่าตัดเลาะเส้นเลือดรวมถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ ที่กดทับเส้นประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเจ็บปวดใบหน้า พร้อมทั้งวางนวมคั่นระหว่างเส้นเลือดกับเส้นประสาท เพื่อป้องกันการเสียดสีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะใช้แผ่นไทเทเนียมปิดบริเวณกะโหลกแทนกระดูกกะโหลกศีรษะที่ถูกผ่าตัดออกไป แล้วเย็บปิดผิวหนังชั้นนอก

5. รักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ไหม?

ตอบ: มีหลากหลายวิธีไม่ผ่าตัดที่ใช้สำหรับโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า แต่มักเป็นเพียงการช่วยบรรเทาอาการให้ความเจ็บปวดน้อยลง ไม่ได้รักษาให้หายจากโรค

ถ้าผู้ป่วยมีอาการไม่มาก ยังสามารถรับมือกับอาการโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าได้ หรือแนวทางรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น กินยากลุ่มกันชัก กินยาแก้ปวด ยังใช้ได้ผล ก็ยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด

6. ผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ใช้เวลานานไหม?

ตอบ: การผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าแบบเจาะรูเล็ก ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที โดยทั่วไปเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องวางยาสลบ ไม่จำเป็นต้องพักค้างคืนที่โรงพยาบาล

ส่วนการผ่าตัดเลาะแยกเส้นเลือดที่กดทับออกจากเส้นประสาทไตรเจมินัล ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เป็นการผ่าตัดที่มีการวางยาสลบ ผู้ป่วยจึงต้องเตรียมตัวที่โรงพยาบาลก่อนผ่า และต้องพักฟื้นดูอาการหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 วัน

7. ควรดูแลตัวเองอย่างไรหลังผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า?

ตอบ: หลังผ่าตัด ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเจ็บปวดแผล จึงควรมีผู้ดูแลใกล้ชิดในวันแรกๆ ควรดูแลแผลให้สะอาด งดการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด

นอกจากนี้ควรสังเกตอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อ เช่น แผลมีลักษณะบวม แดง ร้อน มีของเหลวไหลออกจากแผล มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรติดต่อแพทย์หรือกลับไปพบแพทย์โดยเร็ว 

8. ผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อันตรายไหม เจ็บไหม?

ตอบ: การผ่าตัดเป็นวิธีปกติในการรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยเมื่อทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการ ภายในสถานพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครัน แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาด้วยวิธีนี้เมื่อรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล

ระหว่างผ่าตัด แพทย์จะมีการให้ยาระงับความเจ็บปวด สำหรับการผ่าตัดแบบเจาะรูเล็กมักให้เป็นยาชาเฉพาะที่ ส่วนการผ่าตัดสมองเพื่อแยกเส้นเลือดที่กดทับเส้นประสาทออกนั้นจะใช้ยาสลบ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บ

9. ผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง จะเป็นอัมพาตไหม ปากเบี้ยวไหม?

ตอบ: แม้ว่าการผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าจะค่อนข้างปลอดภัย มีทางให้เลือกทั้งการผ่าตัดแบบเจาะรูเล็กซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบรุกรานน้อย (Minimal Invasive) และการผ่าตัดแบบเปิดช่องที่กะโหลกศีรษะหลังใบหูเพื่อเลาะแยกเส้นเลือดออกไม่ให้กดทับเส้นประสาท (MVD) อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดใดๆ ก็อาจเกิดผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนขึ้นได้

ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการรักษาโรคปวดเส้นประสาท ด้วยวิธีผ่าตัดเจาะรูเล็ก คือ อาการชาใบหน้า ส่วนการผ่าตัดแยกเส้นเลือดที่กดทับออกจากเส้นประสาทนั้น อาจมีผลข้างเคียงคือเกิดปัญหาการได้ยิน หรือมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหลังผ่าตัด ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าได้อย่างปกติ อาจทำให้ดูเหมือนปากเบี้ยวได้

นอกจากความเสี่ยงทั่วไปจากการผ่าตัดแล้ว ความรุนแรงของโรคและภาวะสุขภาพของผู้ป่วยที่แตกต่างกันยังอาจทำให้มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดแตกต่างกันออกไป ควรพูดคุยกับแพทย์ให้เข้าใจถึงความเป็นไปได้เหล่านี้ก่อนตัดสินใจผ่าตัด

10. ผ่าตัดแล้ว โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าจะหายขาดไหม?

ตอบ: แม้จะผ่าตัดรักษาโรคปวดเส้นประสาทใบหน้าไปแล้ว แต่ยังมีโอกาสที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นโรคนี้ซ้ำ

วิธีผ่าตัดที่ทำแล้วผู้ป่วยมีโอกาสกลับเป็นโรคซ้ำน้อยที่สุด ณ ปัจจุบัน คือ การผ่าตัดแยกหลอดเลือดออกจากเส้นประสาท (MVD) ส่วนการผ่าตัดแบบเจาะรูเล็กนั้นผู้ป่วยอาจกลับมาเป็นโรคซ้ำได้ภายใน 3-5 ปี

อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เคยรับการผ่าตัดแบบเจาะรูเล็กสามารถผ่าตัดซ้ำอีกได้ หรืออาจเปลี่ยนไปผ่าตัดรักษาแบบ MVD ก็ได้เช่นกัน

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าสามารถรักษาได้ มีทั้งวิธีผ่าตัดและไม่ผ่าตัด อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีรักษาอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค บริเวณเส้นประสาทที่มีปัญหา รวมถึงภาวะสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละคน จำเป็นต้องรับการตรวจประเมินโดยละเอียดจากแพทย์ก่อนจึงจะสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมใช่ไหม? ไม่รู้จะถามใครดี ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top