ตรวจ ThinPrep หาความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูก ไม่เจ็บ แปลผลเร็ว และแม่นยำ

โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคร้ายอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกไปแล้วหลายล้านราย กระบวนการตรวจคัดกรองเพื่อหาความเสี่ยงโรคนี้จึงเป็นการตรวจที่ขาดไม่ได้ในผู้หญิงทุกคน และหนึ่งในกระบวนการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกที่นิยมใช้กันในปัจจุบันก็คือ “การตรวจ Thin Prep”

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจThinPrep? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ตรวจ Thinprep คืออะไร?

การตรวจตินเพร็พ (Thin Prep) หรือ “การตรวจตินแพร็พ แป๊บ เทสต์ (ThinPrep Pap Test) คือ วิธีการตรวจคัดกรองหาความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูกด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์ด้วยของเหลว (Liquid-Based Cytology: LBC)

ภาพรวมของการตรวจ Thin Prep เริ่มต้นจากการขึ้นเตียงขาหยั่ง แล้วแพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกด้วยอุปกรณ์พิเศษที่คล้ายกับแปรงขนาดเล็ก จากนั้นนำตัวอย่างเซลล์ไปเก็บไว้ในน้ำยารักษาสภาพเซลล์ แล้วส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการทางการแพทย์

หากตรวจพบความผิดปกติที่เซลล์เยื่อบุดังกล่าว ก็อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในอนาคตได้

ข้อดีของการตรวจ ThinPrep ดีกว่าการตรวจ Pap Smear อย่างไร?

การตรวจ Thin Prep มักถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบคู่กับการตรวจ Pap Smear เนื่องจากเป็นการตรวจที่ต้องเก็บเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกเหมือนกัน แต่จะให้ผลตรวจที่ละเอียด แม่นยำ และรอผลสั้นกว่าการตรวจ Pap Smear

เพราะการตรวจ Thin Prep เมื่อมีการเก็บเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกออกมาแล้ว จะยังไม่นำไปป้ายลงที่แผ่นสไลด์เพื่อเตรียมตรวจวิเคราะห์ในทันทีเหมือนกับการตรวจ Pap Smear แต่จะมีการนำตัวอย่างเซลล์ไปแช่ไว้ในน้ำยารักษาสภาพเซลล์ และคัดแยกตัวอย่างเซลล์ที่ปนเปื้อนหรือบดบังเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกออกไปเสียก่อน

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการจึงค่อยตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งจากการคัดกรองเซลล์เยื่อบุผิวที่ละเอียดมากขึ้น จะทำให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ได้เห็นตัวอย่างเซลล์เยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกชัดเจนกว่าเดิม ส่งผลให้การแปลผลมีความแม่นยำ ลดโอกาสเกิดผลตรวจลวงได้

นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถใช้ตัวอย่างเซลล์เยื่อบุผิวที่ปากมดลูกที่ได้จากการตรวจ Thin Prep ไปใช้ในการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV เพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องเก็บตัวอย่างเซลล์เพิ่มอีกด้วย

ใครควรตรวจ ThinPrep?

ผู้หญิงทุกคนควรรับการตรวจ Thin Prep กันทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น

หลายคนอาจคิดว่า ต้องเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกเท่านั้นที่ควรตรวจ Thin Prep เช่น ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้ที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก แต่ความจริงแล้วโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ไม่สามารถควบคุมให้เกิดหรือไม่ให้เกิดในร่างกายใครได้ทั้งนั้น ผู้หญิงทุกคนจึงควรตรวจคัดกรองโรคนี้ด้วยกันหมดทุกคน

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจThinPrep? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ควรตรวจ ThinPrep เมื่ออายุเท่าไร?

การตรวจ Thin Prep สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 21 ปี หรือ 3 ปีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก

ควรตรวจ ThinPrep บ่อยแค่ไหน?

หลังจากตรวจ Thin Prep ครั้งแรกแล้ว หากผลตรวจออกมาไม่พบความผิดปกติ โดยทั่วไปแพทย์จะให้แนะนำให้ผู้เข้ารับบริการเข้ามาตรวจ Thin Prep ซ้ำอีกทุก 3 ปีอย่างสม่ำเสมอ แต่หากตรวจพบความผิดปกติ ก็อาจต้องมาตรวจเร็วกว่านั้น และรับการตรวจที่ละเอียดด้วยวิธีอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์

ตรวจ ThinPrep เจ็บไหม?

โดยทั่วไปการตรวจ Thin Prep จะไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด เพียงแต่อาจเผชิญความรู้สึกไม่สบายตัวบริเวณจุดซ่อนเร้นได้บ้างในระหว่างการตรวจครั้งแรก

การเตรียมตัวก่อนตรวจ ThinPrep

การเตรียมตัวก่อนตรวจ Thin Prep มีแนวทางคล้ายกับการตรวจ Pap Smear ได้แก่

  • ทำความสะอาดช่องคลอดและเช็ดให้แห้ง งดการทาแป้งหรือฉีดผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นจุดซ่อนเร้นก่อนมารับบริการ
  • ไม่จำเป็นต้องโกนขนอวัยวะเพศมา เพราะการโกนขนอาจทำให้ผิวปากช่องคลอดระคายเคืองหรือเกิดการติดเชื้อจนการแปลผล Thin Prep คลาดเคลื่อนได้
  • สวมกระโปรงหรือกางเกงที่ถอดออกง่าย เนื่องจากการเก็บตัวอย่างเยื่อบุผิวบริเวณปากช่องคลอดจะต้องมีขึ้นนอนบนเตียงขาหยั่งคล้ายกับการตรวจภายใน
  • นัดหมายวันตรวจ Thin Prep อย่าให้ตรงกับวันที่มีประจำเดือน หรือทางที่ดีควรนัดหมายในช่วงหลังประจำเดือนรอบล่าสุดหมดไปแล้วประมาณ 10-20 วัน
  • งดการใช้ยากิน ยาสวน หรือยาทาบริเวณปากช่องคลอด 2-3 วัน หรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการงดยาล่วงหน้าก่อนรับบริการ
  • งดมีเพศสัมพันธ์และงดการใช้สารหล่อลื่นในช่องคลอด 48 ชั่วโมงก่อนรับบริการ

ขั้นตอนการตรวจ ThinPrep

การตรวจ Thin Prep จะมีขั้นตอนคล้ายกับการตรวจ Pap Smear ดังนี้

  1. ผู้เข้ารับบริการถอดกางเกงหรือกระโปรง ตามด้วยกางเกงชั้นใน จากนั้นขึ้นนั่งบนเตียงขาหยั่ง
  2. หลังจากนั้นแพทย์จะสอดอุปกรณ์คล้ายกับแปรงขนาดเล็กเข้าไปในปากช่องคลอด ลึกถึงตำแหน่งปากมดลูก
  3. แพทย์จะป้ายเก็บตัวอย่างเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวออกมา แล้วถอดหัวแปรงใส่ลงไปในกระบอกใส่น้ำยารักษาสภาพเซลล์ หมุนหัวแปรงไปมาในน้ำยาประมาณ 10 นาที
  4. นำกระบอกน้ำยาส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ต่อไป

การดูแลตัวเองหลังตรวจ ThinPrep

หลังจากตรวจ Thin Prep แล้ว ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติโดยไม่ต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ

ฉีดวัคซีน HPV แล้วต้องตรวจ ThinPrep ไหม?

ยังต้องตรวจอยู่เช่นเดิม เพราะวัคซีน HPV ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ทุกสายพันธุ์ ผู้หญิงทุกคนจึงยังต้องมารับการตรวจ Thin Prep ตามกำหนดการที่แพทย์แนะนำอย่างสม่ำเสมอ

ตรวจ ThinPrep พร้อมฉีดวัคซีน HPV ได้ไหม?

สามารถตรวจและฉีดภายในวันเดียวกันได้ การฉีดวัคซีน HPV ภายในวันเดียวกันจะไม่ได้ทำให้ผลตรวจ Thin Prep คลาดเคลื่อนแต่อย่างใด

ใจความสำคัญของการตรวจ Thin Prep คือความสม่ำเสมอในการมาตรวจกับแพทย์ตามกำหนดการ และอย่าชะล่าใจคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงน้อยจึงไม่มาตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก เพราะหากตรวจพบในระยะที่เชื้อมะเร็งลุกลามรุนแรงไปแล้ว ก็อาจยากต่อการรักษาให้หายได้โดยไม่กระทบต่อสุขภาพส่วนอื่นๆ ได้


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจโรคมะเร็งผู้หญิง

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจThinPrep? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ