Default fallback image

ตรวจระบบทางเดินหายใจ ตรวจปอด ตรวจอะไรบ้าง

ระบบทางเดินหายใจเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย หากระบบนี้เกิดปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพในวงกว้าง การตรวจสุขภาพระบบทางเดินหายใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการตรวจระบบทางเดินหายใจ การตรวจปอด รวมถึงวิธีคัดกรองความเสี่ยงว่าเราควรตรวจอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

สารบัญ

ความสำคัญของการตรวจระบบทางเดินหายใจ

ระบบทางเดินหายใจคืออะไร?

ประกอบด้วยจมูก ช่องปาก คอหอย กล่องเสียง หลอดลม และปอด หน้าที่หลักคือการนำอากาศเข้าสู่ร่างกายและแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์

เหตุผลที่ควรตรวจสุขภาพระบบทางเดินหายใจ

  • เพื่อป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น ถุงลมโป่งพอง ปอดอักเสบ หอบหืด หรือมะเร็งปอด
  • ตรวจหาความผิดปกติจากฝุ่น PM2.5 หรือสารเคมี
  • เฝ้าระวังหลังติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจส่งผลต่อปอดในระยะยาว

ใครควรตรวจบ้าง?

  • ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ผู้สูบบุหรี่
  • ผู้ที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงงาน ฝุ่น ควัน
  • ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว
  • ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น หอบเหนื่อย ไอเรื้อรัง แน่นหน้าอก

การตรวจระบบทางเดินหายใจและปอด มีอะไรบ้าง?

1. การซักประวัติและตรวจร่างกายทั่วไป

การตรวจเบื้องต้นโดยแพทย์ เหมาะสำหรับทุกคนที่มีอาการผิดปกติ หรือในโปรแกรมตรวจสุขภาพทั่วไป ในขั้นตอนนี้จะรวมถึง

  • ซักประวัติอาการ เช่น ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะ หายใจหอบ เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก
  • ประวัติการเจ็บป่วย เช่น เคยเป็นโรคปอดอักเสบ หอบหืด วัณโรค หรือโรคประจำตัวอื่น
  • การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้/สารเคมี เช่น การทำงานในโรงงาน สูดควันพิษ หรือมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน
  • ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ฟังเสียงหายใจด้วยเครื่อง Stethoscope สังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอกตอนหายใจ

2. การเอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray)

เป็นการตรวจดูภาพรวมของปอด หัวใจ และช่องอก เหมาะกับการคัดกรองเบื้องต้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการ หรือสูบบุหรี่จัด

การเอกซเรย์ทรวงอกสามารถพบภาวะปอดอักเสบ มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง หรือ ฝีในปอดได้ ช่วยประเมินขนาดและรูปร่างของหัวใจและหลอดเลือด ใช้เวลาไม่นาน และไม่เจ็บ

3. การตรวจสมรรถภาพปอด (Spirometry)

เป็นการวัดการทำงานของปอดโดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกผ่านอุปกรณ์ เพื่อประเมินว่า ลมหายใจเข้าออกได้ดีแค่ไหน แนะนำให้ทำโดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย หรือสูบบุหรี่ ช่วยวินิจฉัยโรค เช่น

  • หอบหืด (Asthma)
  • ถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
  • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

4. การวัดความอิ่มตัวของออกซิเจน (Oxygen Saturation)

เป็นวิธีการใช้เครื่องวัดที่ปลายนิ้ว เรียกว่า Pulse Oximeter ตรวจว่าร่างกายรับออกซิเจนเพียงพอหรือไม่ ค่า ปกติควรอยู่ที่ 95–100% ถ้าต่ำกว่า 94% อาจมีภาวะพร่องออกซิเจน หรือปอดทำงานผิดปกติ เหมาะกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หอบหืด หรือปอดอักเสบ 

5. CT Scan ปอด (Low-dose CT Scan)

เป็นการสแกนภาพตัดขวางของปอดด้วยเครื่อง CT ที่ใช้รังสีน้อย ซึ่งเป็นวิธีคัดกรองมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นได้แม่นยำมาก ช่วยให้ตรวจพบ ก้อนเนื้อขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถเห็นจาก X-ray ควรทำปีละครั้งในกลุ่มเสี่ยง เพื่อเพิ่มโอกาสตรวจพบมะเร็งในระยะแรกเริ่ม เหมาะกับกลุ่มเสี่ยง เช่น

  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
  • ผู้ที่สูบบุหรี่จัด
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด

6. ตรวจเลือดเพื่อดูค่าการอักเสบหรือค่าการทำงานของร่างกาย

เป็นการตรวจดูการอักเสบ การติดเชื้อ หรือความผิดปกติของร่างกาย ใช้ประกอบกับผลตรวจอื่น เพื่อประเมินภาพรวมของสุขภาพปอด ตัวอย่างการตรวจ ได้แก่

  • CRP (C-reactive Protein): บ่งชี้การอักเสบในร่างกาย
  • WBC (White Blood Cell Count: WBC): หรือการตรวจเม็ดเลือดขาว หากมีค่าสูงจะบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อ
  • LDH (Lactic dehydrogenase): บ่งบอกถึงภาวะเนื้อเยื่อเสียหาย เช่น ในกรณีของโรคปอดบางชนิด

อาการเตือนภัย ที่ไม่ควรละเลย

การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนจากร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาการบางอย่างอาจดูเหมือนไม่รุนแรง แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับปอด และระบบทางเดินหายใจ เช่น มะเร็งปอด วัณโรค หรือโรคถุงลมโป่งพอง หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ชัด

1. ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์

อาการไอเรื้อรังถือเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่พบบ่อยของโรคปอดหลายชนิด หากไอมีเลือดปน อาจบ่งชี้ถึงมะเร็งปอด วัณโรค หรือภาวะหลอดเลือดฝอยในปอดแตก นอกจากนี้อาการไอมีเสมหะหนา เหนียว อาจเป็นสัญญาณของ หลอดลมอักเสบเรื้อรัง หรือ COPD

2. หายใจหอบ เหนื่อยง่ายแม้ไม่ออกแรง

หากคุณเริ่มเหนื่อยขณะทำกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินขึ้นบันได หรือแม้แต่นั่งอยู่เฉยๆ ก็รู้สึกหายใจไม่อิ่ม นั่นคือสัญญาณของปอดที่ทำงานผิดปกติ อาจเกิดจาก ถุงลมโป่งพอง ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ หัวใจทำงานผิดปกติ

3. แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอกขณะหายใจ

ความรู้สึกแน่นหน้าอก หรือเจ็บแปลบเมื่อหายใจลึก เป็นอาการที่ควรระวัง เพราะอาจเกี่ยวข้องกับเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ปอดรั่ว หรือก้อนเนื้อในปอดกดเบียดเนื้อเยื่อ

4. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากน้ำหนักลดมากกว่า 5 กิโลกรัมในเวลาไม่กี่เดือน โดยที่ไม่ได้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย อาจเป็นอาการแฝงของ มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้น หรือการติดเชื้อเรื้อรัง เช่น วัณโรค ควรตรวจวินิจฉันร่วมกับอาการอื่น เช่น เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย

5. เสียงแหบหรือกลืนอาหารลำบาก

อาการเสียงแหบเรื้อรังอาจเกิดจากเส้นเสียงอักเสบ หรือก้อนเนื้อกดทับเส้นประสาทควบคุมเสียง ส่วนอาการกลืนลำบากอาจบ่งชี้ว่า ก้อนเนื้อในปอดหรือทรวงอกลุกลามไปกดหลอดอาหาร อาการนี้หากเกิดขึ้นร่วมกับไอเรื้อรังหรือเจ็บหน้าอก ต้องรีบพบแพทย์

หากคุณมีอาการเหล่านี้ร่วมกัน หรือมีอาการใดอาการหนึ่งเป็นระยะเวลานาน อย่านิ่งนอนใจ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโดยเร็ว เพราะการตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มโอกาสฟื้นตัวได้รวดเร็ว

หายใจติดขัด เหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง ใช่แค่หวัดหรือเปล่า? สงสัยว่าอาจเป็นโรคเกี่ยวกับปอด หรืออยากตรวจคัดกรองระบบทางเดินหายใจตั้งแต่เนิ่นๆ ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top