Default fallback image

7 สัญญาณเตือน ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เหนื่อยง่าย เสี่ยงโรคมะเร็งปอด

โรคมะเร็งปอด เป็นโรคที่อาการเริ่มแรกมักไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ตรวจพบเมื่อโรคลุกลามแล้ว การสังเกตสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หรือเหนื่อยง่าย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายที่ต้องรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับ 7 สัญญาณเตือน ที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งปอด พร้อมแนะนำขั้นตอนการตรวจและแนวทางเบื้องต้นในการดูแลตัวเอง

มะเร็งปอดคืออะไร? ใครเสี่ยงมากที่สุด?

มะเร็งปอด (Lung Cancer) คือมะเร็งที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อปอด โดยมักเริ่มจากเซลล์ในหลอดลมหรือถุงลม แล้วลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หากไม่ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก มะเร็งปอดอาจลุกลามได้รวดเร็วและยากต่อการรักษา

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวัง ได้แก่

  • ผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่
  • ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีควันพิษ สารเคมี ฝุ่น หรือมลภาวะ
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี โดยเฉพาะเพศชาย

มะเร็งปอดมี 2 ชนิดหลัก

  1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer): มักพบในผู้สูบบุหรี่ และลุกลามได้รวดเร็ว
  2. มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer): พบบ่อยกว่า ลุกลามช้ากว่า และมีแนวทางรักษาที่หลากหลายกว่า

การรู้จักโรคนี้และเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากตรวจพบเร็ว โอกาสในการรักษาให้หายขาดก็จะเพิ่มมากขึ้น

7 สัญญาณเตือนมะเร็งปอดที่ไม่ควรมองข้าม

แม้ว่าโรคมะเร็งปอดมักไม่มีอาการแรกเริ่มที่ชัดเจน แต่ผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด

1. ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์

หากคุณมีอาการไอที่ไม่หายไปภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากไม่ได้เป็นหวัดหรือภูมิแพ้ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

อาการไออาจเป็นลักษณะไอแห้ง หรือมีเสมหะ และมักเกิดตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงกลางคืนหรือตอนตื่นนอน หากอาการไอรุนแรงขึ้น หรือมีเสียงแหบร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์

2. ไอเป็นเลือด

อาการไอแล้วมีเลือดปนในเสมหะ แม้เพียงเล็กน้อย เป็นสัญญาณเตือนที่ต้องพบแพทย์ทันที โดยเลือดอาจมีลักษณะเป็นเส้นๆ สีแดงสด หรือปนมากับเสมหะหนืด สาเหตุอาจเกิดจากเส้นเลือดฝอยแตก หรือโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งปอด

3. หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายกว่าปกติ

หากรู้สึกเหนื่อยง่ายเมื่อต้องออกแรง เช่น เดินขึ้นบันได หรือทำกิจวัตรประจำวัน มีอาการหายใจลำบาก หรือหอบเหนื่อย โดยไม่มีประวัติภูมิแพ้หรือโรคหัวใจ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เนื่องจากอาการเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดได้เมื่อก้อนเนื้อมะเร็งขัดขวางทางเดินหายใจ

4. เจ็บหน้าอกเรื้อรัง

อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหรือกระดูก และมักเกิดในตำแหน่งเดิมซ้ำๆ เจ็บลึกภายในทรวงอก หรือเจ็บเวลากลืนอาหารหรือไอ เป็นสัญญาณว่ามะเร็งอาจลุกลามไปยังเยื่อหุ้มปอด

5. น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

ผู้ที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างชัดเจนภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน ทั้งที่ไม่ได้ควบคุมอาหาร ร่วมกับมีอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย หรือไม่มีแรง ควรรีบหาสาเหตุให้แน่ชัด เพราะอาจเป็นผลจากการที่เซลล์มะเร็งไปกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติ รวมถึงไปรบกวนระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานโดยไม่รู้ตัว

6. มีเสียงในลำคอหรือเสียงเปลี่ยน

หนึ่งในอาการที่ตรวจพบได้ในผู้ป่วยมะเร็งปอด คือ สังเกตว่าเสียงพูดเปลี่ยนไป เช่น เสียงแหบลง พูดไม่ชัด หรือเสียงมีโทนต่ำลงเรื่อยๆ โดยอาจเกิดจากมะเร็งกดทับเส้นเสียง ดังนั้น หากอาการเสียงแหบไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ควรตรวจหาสาเหตุโดยละเอียด

7. มีภาวะติดเชื้อในปอดบ่อยครั้ง

หากเป็นโรคปอดบวม หรือติดเชื้อทางเดินหายใจซ้ำๆ หลายครั้งภายในช่วงเวลาไม่นาน อาจเกิดจากก้อนมะเร็งอุดกั้นทางเดินลมหายใจ ทำให้เสมหะสะสมและติดเชื้อได้ง่าย ควรตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยการเอกซเรย์ปอด หรือ CT scan

การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งปอดมีอะไรบ้าง?

การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด มีดังนี้

  • เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray): เป็นการตรวจเบื้องต้นเพื่อดูภาพรวมของปอด
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan): ตรวจหาขนาดและตำแหน่งของก้อนมะเร็งได้แม่นยำมากขึ้น
  • การส่องกล้องหลอดลม (Bronchoscopy): แพทย์จะสอดกล้องเข้าไปทางหลอดลมเพื่อดูรอยโรคและเก็บชิ้นเนื้อ
  • การตรวจเสมหะ (Sputum cytology): ตรวจหาเซลล์มะเร็งจากตัวอย่างเสมหะ
  • การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy): เจาะเก็บเนื้อเยื่อเพื่อตรวจยืนยันการเป็นมะเร็ง

การเลือกใช้วิธีตรวจวินิจฉัยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อาการที่ผู้ป่วยแสดงออก ประวัติสุขภาพ ความเสี่ยงส่วนบุคคล เช่น การสูบบุหรี่ หรือประวัติครอบครัว รวมถึงผลการตรวจเบื้องต้น หากพบสิ่งผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาให้ตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีที่ละเอียดขึ้น เพื่อยืนยันผลและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

  • หากมีอาการข้างต้นอย่างน้อย 1–2 ข้อ โดยเฉพาะไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เหนื่อยง่าย หรือเจ็บหน้าอก
  • หากมีประวัติสูบบุหรี่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง เช่น อยู่ใกล้ฝุ่น ควัน หรือสารเคมี
  • หากอายุเกิน 40 ปี และมีความเสี่ยงทางพันธุกรรมควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเป็นประจำ

แม้ว่าอาการเบื้องต้นของโรคมะเร็งปอด อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่การใส่ใจสังเกตความเปลี่ยนแปลงในร่างกายสามารถช่วยให้ตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งมีโอกาสรักษาได้สูงกว่า หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่เข้าข่ายข้างต้น อย่ารอช้า รีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง และรับการรักษาอย่างทันท่วงที

สัญญาณมาครบ อยากตรวจให้แน่ชัด ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจมะเร็งปอด จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top