หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele) คือภาวะที่มีหลอดเลือดดำขอดในถุงอัณฑะ อาจสังเกตได้จากอัณฑะบวม อัณฑะปูด ขนาดอัณฑะไม่เท่ากัน พบได้โดยทั่วไปในผู้ชายทุกช่วงอายุ และยังเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะมีบุตรยากในผู้ชาย
การรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอดที่ต้นเหตุทำได้ด้วยการผ่าตัด เทคนิคหนึ่งคือ การผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง (Laparoscopic Varicocelectomy) ผู้รับการผ่าตัดวิธีนี้จะมีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก บอบช้ำน้อย เจ็บน้อยกว่า ระยะเวลาพักฟื้นสั้นกว่า และแผลหายเร็วกว่ารักษาด้วยการผ่าตัดแบบเปิด
สารบัญ
- ขั้นตอนการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง
- ข้อดีของผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง
- การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- การดูแลหลังผ่าตัด
- ใครบ้างที่เหมาะกับการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด
- ข้อจำกัดการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด
- ความเสี่ยง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้
- อัตราความสำเร็จของการผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง
ก่อนผ่าตัด แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดผู้ป่วยเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ รวมถึงอาจให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด แล้วจึงวางยาสลบเพื่อระงับความรู้สึกระหว่างผ่าตัด โดยทั่วไปจะมีการใส่ท่อช่วยหายใจกับสายสวนระบายปัสสาวะด้วย
เมื่อเริ่มผ่าตัด แพทย์จะเจาะรูเล็กๆ ประมาณ 3 รู โดย 2 รูอยู่บริเวณผิวหนังหน้าท้อง กับอีกรูอยู่เหนืออัณฑะผู้ป่วย เพื่อเป็นทางใส่อุปกรณ์ผ่าตัดและกล้องกำลังขยายสูง ซึ่งกล้องนี้จะฉายภาพออกมาทางจอขนาดใหญ่ในห้องผ่าตัด เมื่อร่วมกับการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าในช่องท้องผู้ป่วยเพื่อขยายพื้นที่ผ่าตัด แพทย์จะเห็นอวัยวะภายในผู้ป่วยได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ
เมื่อเข้าถึงหลอดเลือดที่มีปัญหาได้แล้ว แพทย์จะผ่าตัดเอาออก โดยมีการอุดปิดปลายหลอดเลือดด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กหรือจี้ด้วยความร้อน เลือดจะยังไหลเวียนในอัณฑะได้ โดยจะไปใช้เส้นเลือดเส้นอื่นที่ยังมีสุขภาพดีแทน
เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น อุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกนำออกจากช่องท้อง จากนั้นแพทย์จึงเย็บปิดแผลที่ผิวหนังผู้ป่วย
การผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง ใช้เวลาผ่าตัดทั้งสิ้น 1-2 ชั่วโมง
ข้อดีของผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง
การผ่าตัดแบบส่องกล้องมีข้อดีดังนี้
- เป็นการผ่าตัดที่รุกรานน้อย (Minimal Invasive)
- ถ้ามีหลอดเลือดขอดในอัณฑะสองข้าง สามารถรักษาได้ในการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว
- ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วหลังผ่าตัด
- ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายมีน้อย
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- แจ้งประวัติสุขภาพอย่างละเอียด ทั้งโรคประจำตัว อาการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ประวัติการแพ้ยา รวมถึงรายการยารักษาโรค วิตามิน หรืออาหารเสริมที่รับประทานอยู่ เพื่อให้แพทย์พิจารณาปรับยาหรือหยุดยาในบางชนิดหากจำเป็น
- งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนระหว่างการดมยาสลบ เช่น การสำลักอาหารเข้าสู่ปอด
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เพราะทั้งสองปัจจัยอาจส่งผลต่อกระบวนการสมานแผลและการไหลเวียนของเลือด
- จัดเตรียมผู้ดูแลหรือญาติในวันผ่าตัด เพื่อช่วยดูแลและพากลับบ้านหลังผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ ผู้ป่วยจะถูกนำไปพักดูอาการให้แน่ใจว่าฟื้นขึ้นจากฤทธิ์ยาสลบอย่างปลอดภัย ท่อช่วยหายใจที่ใส่ไว้ในช่องคอและสายสวนปัสสาวะที่ใช้ระหว่างผ่าตัดจะถูกนำออก
เมื่อแพทย์ตรวจดูแล้วว่าผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายใดๆ จะให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน แล้วค่อยนัดตรวจติดตามอาการ โดยถ้าต้องมีการตัดไหมเย็บแผลมักจะนัดภายใน 7 วัน
ข้อควรปฏิบัติระหว่างพักฟื้นหลังผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง ได้แก่
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งและดูแลแผลให้แห้งสะอาด
- ถ้าจะประคบเย็นบริเวณอัณฑะเพื่อลดบวม ควรทำครั้งละไม่เกิน 10 นาที และห้ามใช้น้ำแข็งสัมผัสโดยตรงกับอัณฑะ ควรใช้ผ้าขนหนูสะอาดห่อน้ำแข็งไว้ก่อน
- ห้ามอาบน้ำโดยให้น้ำโดนแผลผ่าตัดโดยตรง ห้ามว่ายน้ำ แช่อ่างอาบน้ำ หรือกิจกรรมอื่นใดที่ทำให้แผลโดนน้ำนานๆ จนกว่าแพทย์จะพิจารณาว่าทำได้แล้ว
- ห้ามยกของหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความดันในช่องท้อง
- ถ้ามีปัญหาการขับถ่ายที่ทำให้ต้องออกแรงเบ่ง ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีปัญหาเรื่องการอุจจาระ แพทย์อาจสั่งยาที่ช่วยให้อุจจาระนิ่มลง ให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
- หลีกเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเองหลังผ่าตัดใหม่ๆ โดยเฉพาะถ้ารับประทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วง
ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ควรสังเกตสัญญาณที่บอกว่าการผ่าตัดอาจมีปัญหา ได้แก่
- มีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส
- สังเกตพบว่าบริเวณแผลผ่าตัดมีลักษณะบวม แดง ร้อน เจ็บปวดไม่หายหรือเป็นมากกว่าเดิม หรือพบของเหลวมีกลิ่นเหม็นไหลออกมา
- อาการเจ็บปวดจากการผ่าตัดรุนแรงขึ้น แม้จะรับประทานยาแก้ปวดก็ไม่หาย
- อาการบวมที่อัณฑะไม่ยุบลง
- ปัสสาวะติดขัด
- คลื่นไส้อาเจียนไม่หาย
- มีอาการปวดบวมที่ขา
ถ้าพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด
ใครบ้างที่เหมาะกับการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด
ภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดมักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด บางคนอาจมีภาวะนี้โดยพบความผิดปกติใดๆ จึงไม่จำเป็นต้องรักษาทันที
อย่างก็ตามความรุนแรงของหลอดเลือดอัณฑะขอดอาจรุนแรงขึ้น หรือนำไปสู่ความผิดปกติอื่นๆ ทำให้ควรผ่าตัดรักษา เช่น
- หลอดเลือดอัณฑะขอดนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก
- หลอดเลือดอัณฑะขอดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเนื้องอกที่เจริญเติบโตผิดปกติภายในอัณฑะ (กรณีนี้ส่วนใหญ่เกิดในอัณฑะข้างขวา)
- หลอดเลือดอัณฑะขอดส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายลดลง (สังเกตได้จากน้ำหนักขึ้น ความต้องการทางเพศลด)
- หลอดเลือดอัณฑะขอดเป็นมากจนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า (เกรด 2-3)
ข้อจำกัดการผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด
แม้การรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอดด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้องจะเป็นวิธีที่ใช้กันบ่อย แต่ผู้ป่วยบางรายอาจไม่เหมาะกับการผ่าตัดเทคนิคนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอด ภาวะสุขภาพ และลักษณะโครงสร้างร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน เช่น ผู้ที่แพ้ยาสลบอาจไม่สามารถรับการผ่าตัดด้วยเทคนิคนี้ได้
จำเป็นต้องรับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์ก่อน แล้วจึงจะทราบว่าเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุดคืออะไร
ความเสี่ยง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้
แม้ว่าการรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด ด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง จะถือเป็นเทคนิคที่ใช้กันโดยทั่วไป และมีความปลอดภัย แต่ก็ไม่ต่างจากการผ่าตัดทั่วไป คือยังมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น
- ติดเชื้อ
- เกิดลิ่มเลือด หรือเลือดไหลไม่หยุด
- กลับมาเป็นหลอดเลือดอัณฑะขอดซ้ำ
- ผ่าตัดแล้วแต่ยังไม่สามารถแก้ไขภาวะมีบุตรยากได้
- มีของเหลวคั่งในอัณฑะ
- อัณฑะหดตัว
- เส้นประสาท เส้นเลือด และอวัยวะรอบข้างบริเวณผ่าตัดเกิดความเสียหาย
- ปริมาณสเปิร์มลดลง (แต่เป็นภาวะที่มักเกิดเพียงชั่วคราว)
- เจ็บปวดเรื้องรัง
- ความเสี่ยงอื่นๆ ที่เกิดจากยาสลบ
นอกจากนี้ในบางกรณี การผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้องอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิด ถ้าแพทย์พิจารณาว่าผู้ป่วยจะปลอดภัยกว่า กรณีนี้แพทย์จะกรีดเปิดแผลบริเวณหน้าท้องหรือขาหนีบ โดยก่อนผ่าตัดแพทย์จะเป็นผู้อธิบายความเสี่ยงและความเป็นไปได้เหล่านี้ให้ผู้ป่วยทราบ
อัตราความสำเร็จของการผ่าตัด
การผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอดด้วยการผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้อง ถือเป็นการผ่าตัดที่มีอัตราความสำเร็จสูง โดยสามารถลดอาการเจ็บปวดได้ 80-90% ทำให้ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะมีบุตรยาก (พิจารณาจากจำนวนสเปิร์ม การเคลื่อนไหวของสเปิร์ม และความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์ม) ดีขึ้นประมาณ 60-70%
นอกจากนี้ อัตราการกลับมาเป็นซ้ำของภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดหลังจากผ่าตัดยังจัดว่าต่ำ โดยอยู่ที่ประมาณ 3-15% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและภาวะสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละคนด้วย
หลอดเลือดอัณฑะขอดรักษาได้ การผ่าตัดส่องกล้องที่ช่องท้องเป็นเทคนิคหนึ่งที่ใช้กันบ่อย ผู้ที่สังเกตพบอัณฑะบวม อัณฑะปูด สังเกตผิวที่อัณฑะเหมือนมีสปาเกตตีขดอยู่ด้านใน โดยเฉพาะถ้าความผิดปกติเหล่านั้นเกิดร่วมกับปัญหามีบุตรยาก น่าสงสัยว่าเป็นหลอดเลือดอัณฑะขอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยเฉพาะทาง และจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ต้องผ่าตัดรักษาหลอดเลือดอัณฑะขอด แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกวิธีไหนดี? ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจผ่าตัดไส้เลื่อน จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย


