รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันข้อเข่าเสื่อมเริ่มพบได้บ่อยตั้งแต่คนอายุน้อยๆ ต่อให้ยังเป็นวัยรุ่น แต่ไม่ดูแลเข่าให้ดี เข่าก็เสี่ยงเสื่อมได้ก่อนวัยอันควรได้เช่นกัน…ยังมีเรื่องควรรู้เกี่ยวกับข้อเข่าเสื่อมอะไรอีกที่เราควรรู้ เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้เข่าเสื่อมก่อนวัย เรารวบรวมไว้ให้คุณแล้ว
สารบัญ
- 1. โรคข้อเข่าเสื่อม แบ่งออกได้กี่ระยะ?
- 2. โรคข้อเข่าเสื่อม อาการเป็นอย่างไร?
- 3. โรคข้อเข่าเสื่อม เมื่อไรต้องหาหมอ?
- 4. โรคข้อเข่าเสื่อม หายเองได้ไหม?
- 5. โรคข้อเข่าเสื่อม กินอะไรหาย กินคอลลาเจนหายไหม?
- 6. โรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ควรทำอะไร?
- 7. โรคข้อเข่าเสื่อม สควอทได้ไหม?
- 8. ข้อเข่าเสื่อม เป็นแล้วไปนวดได้ไหม?
- 9. ข้อเข่าเสื่อม ป้องกันได้อย่างไร?
1. โรคข้อเข่าเสื่อม แบ่งออกได้กี่ระยะ?
ตอบ: โรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 4 ระยะ ได้แก่
- ระยะที่หนึ่ง: กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเริ่มสึกหรอประมาณ 10% ผู้ป่วยจะยังสามารถใช้ข้อเข่าได้ตามปกติ แต่เมื่อใช้งานอย่างหนักก็จะเริ่มมีอาการปวดเข่า
- ระยะที่สอง: พื้นที่เชื่อมต่อระหว่างกระดูกข้อเข่าเริ่มแคบลงจากกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าที่หายไปมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มปวดเข่าได้ง่ายขึ้นแม้ในเวลาปกติ และจะใช้งานข้อเข่าทำงานหนักไม่ได้อีก
- ระยะที่สาม: กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าสึกมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงกระดูกข้อเข่าจะเริ่มงอกผิดรูปมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีรูปขาที่โก่งผิดรูปไปด้วย รวมถึงมีอาการปวดรุนแรงจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
- ระยะที่สี่: กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าสึกหรอเกินกว่า 60% พื้นที่ระยะห่างระหว่างกระดูกข้อเข่าแคบติดกันจนกระดูกต้องชนกันระหว่างรับน้ำหนักร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงในแทบทุกอิริยาบถ ไม่ว่านั่งหรือยืน และจะไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เลย รวมถึงต้องอาศัยเครื่องช่วยพยุงเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย
2. โรคข้อเข่าเสื่อม อาการเป็นอย่างไร?
ตอบ: โรคข้อเข่าเสื่อมมีอาการหลักอยู่ที่อาการปวดเข่าซึ่งจะรุนแรงขึ้นตามระยะของโรค นอกจากนี้ยังมักก่อให้เกิดอาการข้อเข่าฝืดติด เข่าบวม ขามีลักษณะผิดรูป ลีบ โก่งงอ หรือเบี้ยว เข่ามีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากภายใน
3. โรคข้อเข่าเสื่อม เมื่อไรต้องหาหมอ?
ตอบ: เมื่อพบอาการปวดเข่าเกิดขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยอาการทิ้งเอาไว้จนรุนแรงขึ้น เพราะจะยิ่งทำให้ข้อกระดูกที่เริ่มสึกหรอเกิดความเสื่อมมากกว่าเดิม และยังมีโอกาสที่กระบวนการรักษาจะซับซ้อนขึ้นไปอีกด้วย
4. โรคข้อเข่าเสื่อม หายเองได้ไหม?
ตอบ: โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่ต้องอาศัยคำแนะนำเรื่องวิธีรักษาจากแพทย์เท่านั้น จึงจะช่วยรักษาหรือชะลอความเสื่อมที่เกิดขึ้นให้ช้าลงได้
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยตนเองโดยปราศจากคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง มักเพิ่มความเสี่ยงทำให้ผลการรักษาไม่มีประสิทธิภาพ และจะยิ่งทำให้ความเสื่อมของกระดูกข้อเข่ารุนแรงขึ้น
อีกทั้งการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมยังไม่จำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัดเสมอไปอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ในผู้ป่วยที่ยังข้อเข่าเสื่อมไม่รุนแรงยังสามารถรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ได้อีก เช่น การใช้ยากินหรือยาฉีด การออกกำลังกาย การทำกายภาพบำบัด การใช้อุปกรณ์เสริมอย่างผ้ารัดเข่าหรือเฝือกพยุงเข่า
5. โรคข้อเข่าเสื่อม กินอะไรหาย กินคอลลาเจนหายไหม?
ตอบ: นอกจากยาสำหรับรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว ผู้ป่วยยังสามารถกินอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพกระดูกข้อเข่าให้กลับมาแข็งแรงมากขึ้นได้ รวมถึงช่วยลดอาการปวดและช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูกข้อเข่า เช่น
- อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย รวมถึงที่กระดูกข้อต่อ และยังช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของกระดูกได้ มักพบได้ในอาหารประเภทปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า
- อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือเบตาแคโรทีนสูง มีส่วนช่วยบำรุงความแข็งแรงของกระดูก มักแฝงอยู่ในอาหารประเภทผักต่างๆ เช่น ผักโขม ผักคะน้า ผักกระเฉด ถั่วงอก บรอกโคลี
- อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในกระดูกอ่อน นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และช่วยป้องกันการเสื่อมของกระดูก พบได้ในอาหารกลุ่มผลไม้ เช่น ส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี มะละกอ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- อาหารที่มีแคลเซียมสูง เนื่องจากแคลเซียมเป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างและบำรุงกระดูกให้แข็งแรง รวมถึงเป็นกำลังสำคัญในการช่วยชะลอความเสื่อมของกระดูก พบได้ในนม โยเกิร์ต และชีสที่มีไขมันต่ำ อัลมอนด์ งาดำ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้
- อาหารที่มีแมกนีเซียมสูง ช่วยลดอาการเจ็บของกล้ามเนื้อรอบกระดูกข้อเข่า และยังช่วยบำรุงความแข็งแรงของสุขภาพกระดูก พบได้ในพืชตระกูลถั่ว เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ธัญพืชทั้งเมล็ด เมล็ดเจีย หรือผักตระกูลฟักทอง ฟัก แฟง
ส่วนการกินคอลลาเจนเพื่อรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากแพทย์ ผู้ป่วยไม่ควรซื้อคอลลาเจนมากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจมีอาการข้างเคียงจากกินคอลลาเจนที่ไม่พึงประสงค์ได้
6. โรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ควรทำอะไร?
ตอบ: พฤติกรรมหลักๆ ที่ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
- งดการนั่งในท่าที่ทำให้เข่าถูกกดทับและงอ เช่น ท่านั่งพับเพียบ นั่งคุกเข่า นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ ทางที่ดีควรนั่งกับเก้าอี้ สะโพกและเข่างอประมาณ 90 องศาจะดีที่สุด
- งดเดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
- งดยกของหนัก เพราะจะยิ่งทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณข้อเข่ามากขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องยกของหนักและเดินขึ้นลงบันไดหรือทางต่างระดับ ให้หลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด
- ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์
- ใส่เฝือกพยุงเข่า ที่พยุงเข่า หรือใช้อุปกรณ์เสริมระหว่างเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ เพื่อลดการลงน้ำหนักลงที่ข้อเข่า และเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- งดเล่นกีฬาและการออกกำลังกายในลักษณะที่ทำให้เข่าโดนแรงกระแทก เช่น การขี่จักรยานที่มีแรงต้านสูง กีฬาแบดมินตัน บาสเกตบอล ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล เทควันโด ทางที่ดีควรเล่นกีฬาและออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุด
- หากมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่ส่งผลทำให้กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติ ควรควบคุมและรักษาโรคดังกล่าวให้ดี เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเก๊าท์
7. โรคข้อเข่าเสื่อม สควอทได้ไหม?
ตอบ: ยังทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การจัดท่าทางที่ถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากท่าสควอทเป็นท่าที่ยังต้องอาศัยการลงน้ำหนักที่ข้อเข่า หากทำไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ก็จะเสี่ยงทำให้กระดูกข้อเข่าได้รับบาดเจ็บกว่าเดิมได้
8. ข้อเข่าเสื่อม เป็นแล้วไปนวดได้ไหม?
ตอบ: นวดได้ แต่ต้องเป็นการนวดโดยนักกายภาพบำบัดที่มีความเข้าใจต่อโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อของข้อเข่า สามารถนวดในระดับแรงกดและใช้ท่านวดที่ไม่ทำให้ข้อเข่าได้รับบาดเจ็บกว่าเดิม
9. ข้อเข่าเสื่อม ป้องกันได้อย่างไร?
ตอบ: เราสามารถลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ ผ่านการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
- หมั่นการออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อต้นขาและบริเวณเข่า
- การควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์
- งดการทำท่าทางและการทำกิจกรรมที่สร้างแรงกดต่อข้อเข่า เช่น การกระโดด การคุกเข่า การนั่งยองๆ การนั่งไขว่ห้าง การนั่งไขว้ขา การยกของหนัก การขึ้นลงบันไดบ่อยๆ
- เล่นกีฬา และการออกกำลังกายที่ทำให้เกิดแรงกระแทกต่อข้อเข่าอย่างระมัดระวัง เช่น แบดมินตัน บาสเกตบอล ฟุตบอล อเมริกันฟุตบอล เทควันโด หรือหากกระดูกข้อเข่ายังไม่แข็งแรงหรือกำลังได้รับบาดเจ็บ ก็ให้หลีกเลี่ยงก่อนและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อความปลอดภัย
- หลีกเลี่ยงอย่าให้ข้อเข่าเสี่ยงได้รับบาดเจ็บ เช่น ขับขี่พาหนะอย่างระมัดระวัง เดินขึ้นลงบันไดอย่างระมัดระวัง จัดสิ่งแวดล้อมหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านให้โล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวางจนเสี่ยงล้มหรือเกิดอุบัติเหตุ
โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยค่อนข้างมาก ทำให้การลุก นั่ง เดินเป็นไปได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดอาการปวดจนใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบาก เราจึงควรถนอมรักษาสุขภาพข้อเข่าให้แข็งแรงยืนยาวที่สุด เพื่อชะลอไม่ให้ตนเองต้องเผชิญโรคนี้ก่อนวัยอันควร
หากรู้สึกปวดเข่า และอยากปรึกษาอาการกับแพทย์เฉพาะทาง ก็สามารถทักหาแอดมิน HDcare เพื่อนัดคุยกับแพทย์ด้านกระดูกและข้อได้เลย หรืออยากค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย