Default fallback image

ผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ ขั้นตอน การเตรียมตัว ดูแล อันตรายไหม ข้อดี ข้อจำกัด ผลข้างเคียง

โรคถุงน้ำอัณฑะ ถ้าต้องผ่าตัด จะมีกระบวนการรักษาอย่างไร การเตรียมตัว ขั้นตอนระหว่างผ่าตัด การดูแลตนเองหลังผ่าตัด อันตรายไหม มีข้อจำกัดหรือไม่ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง อ่านข้อมูลแบบครบจบในที่เดียวได้ในบทความนี้

การผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ คืออะไร ขั้นตอนเป็นอย่างไร?

การผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ (Hydrocelectomy) คือ การผ่าตัดเพื่อระบายของเหลวที่สะสมอยู่ภายในถุงอัณฑะ ทำให้อาการบวมของถุงอัณฑะยุบตัวลง รวมถึงอาการผิดปกติอื่นๆ จากโรคถุงน้ำอัณฑะ โดยทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  1. วิสัญญีแพทย์วางยาสลบผู้ป่วย
  2. แพทย์กรีดเปิดแผลขนาดเล็กบริเวณถุงอัณฑะ หรือบริเวณขาหนีบใกล้ถุงอัณฑะ
  3. แพทย์กรีดแยกชั้นถุงอัณฑะเข้าไปถึงเปลือกชั้นเยื่อหุ้มถุงอัณฑะชั้นนอกซึ่งเป็นชั้นของถุงน้ำอัณฑะ
  4. แพทย์ดูดของเหลวที่สะสมอยู่ภายในถุงอัณฑะออก จนกระทั่งถุงอัณฑะยุบตัวลง
  5. ในบางกรณี แพทย์อาจมีการกลับด้านเนื้อเยื่อถุงอัณฑะ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรคถุงน้ำอัณฑะ
  6. เย็บปิดแผล

หลังผ่าตัดเสร็จผู้ป่วยจะถูกย้ายไปเฝ้าดูอาการที่ห้องพักฟื้น หากไม่มีสัญญาณอาการข้างเคียงที่เป็นอันตราย แพทย์ก็จะอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ

  • แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติยาประจำตัว วิตามินเสริม อาหารเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพทุกชนิดกับแพทย์ล่วงหน้า
  • แจ้งประวัติแพ้ยาทุกชนิดให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
  • งดยาและวิตามินเสริมบางชนิดล่วงหน้าประมาณ 7 วัน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาละลายลิ่มเลือด
  • งดสูบบุหรี่ งดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
  • งดน้ำและงดอาหารล่วงหน้า 6-8 ชั่วโมง
  • หากเป็นผู้ป่วยชายที่เป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ แพทย์จะให้โกนขนบริเวณอวัยวะเพศและขาหนีบทั้งหมดออกก่อนในคืนก่อนวันผ่าตัด หรือเช้าวันผ่าตัด อุปกรณ์ที่ใช้ในการโกนขนจะอนุญาตให้เป็นมีดโกนแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเท่านั้น ห้ามโกนด้วยเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ 
  • ล้างทำความสะอาดอัณฑะ ถุงอัณฑะ และขาหนีบให้สะอาดด้วยสบู่ฆ่าเชื้อก่อนเข้าผ่าตัด
  • ขับถ่ายให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
  • พาญาติมาด้วยในวันผ่าตัดเพื่อพากลับบ้าน เนื่องจากหลังฟื้นจากยาสลบ ผู้ป่วยจะยังมีอาการมึนเบลอจากฤทธิ์ยาอยู่

การดูแลตนเองหลังผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ

  • หลังฟื้นตัวจากยาสลบ ผู้ป่วยมักจะรู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอน ให้พักผ่อนให้มากๆ นอนหลับให้เพียงพอ
  • หมั่นลุกเดินบ่อยๆ และเดินให้มากขึ้นทุกวันเพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และเพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
  • แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีดูแลแผล โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะต้องล้างแผลด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ ทุกวัน จากนั้นซับแผลให้แห้งอยู่เสมอ ห้ามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดแผล 
  • หากแพทย์อนุญาต ผู้ป่วยจะสามารถอาบน้ำได้หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง แต่ยังต้องงดแช่น้ำ งดว่ายน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดออกกำลังกายหนักๆ งดยกของหนัก งดทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากเป็นระยะเวลา 2-4 สัปดาห์
  • งดกิจกรรมที่อาจทำให้ลูกอัณฑะเสียดสีหรือได้รับแรงกระแทกจนเสี่ยงแผลฉีกขาด เช่น การปั่นจักรยาน การขี่ม้า การเตะฟุตบอล การมีเพศสัมพันธ์ เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์
  • งดสูบบุหรี่และงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าแผลจะหายดี
  • ระมัดระวังอย่าให้เกิดอาการท้องผูก ให้หมั่นกินอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเป็นประจำ หากรู้สึกขับถ่ายยาก ต้องใช้แรงเบ่งกว่าปกติ ให้เดินทางไปปรึกษาแพทย์
  • กินยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
  • โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะสามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้ใน 4-7 วันหลังผ่าตัด

การผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ อันตรายไหม?

การผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะเป็นการผ่าตัดเล็ก จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะหากผู้ป่วยเข้ารับการรักษากับสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง

ข้อดีของการผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ

การผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ เป็นวิธีรักษาหลักในกลุ่มผู้ป่วยโรคถุงน้ำอัณฑะที่อาการบวมของถุงน้ำอยู่ในระดับรุนแรงแล้ว นอกจากนี้ยังเห็นผลลัพธ์ในการรักษาได้ทันทีหลังการผ่าตัด

ข้อจำกัดของการผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ

ข้อจำกัดในการผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสุขภาพ รวมถึงประวัติสุขภาพในผู้ป่วยแต่ละรายซึ่งจะต้องมีการแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าก่อน และมีการปรึกษาถึงแนวทางการรักษาก่อนตัดสินใจผ่าตัด

แต่โดยทั่วไป การผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ถุงอัณฑะมีของเหลวสะสมจนบวมใหญ่มากแล้ว ในผู้ป่วยที่ถุงน้ำยังบวมเพียงเล็กน้อย แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าติดตามอาการไปก่อน ยังไม่ต้องทำการผ่าตัดโดยทันที

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดถุงน้ำอัณฑะ

อาการข้างเคียงที่ผู้ป่วยควรรีบเดินทางกลับมาพบแพทย์โดยทันที ได้แก่

  • หายใจลำบากรุนแรง
  • เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน หายใจไม่ออก หรือไอมีเลือดปน
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดแผลมาก และอาการยังไม่ดีขึ้นแม้กินยาแก้ปวดแล้ว
  • มีไข้สูงเกิน 38 องศา
  • ไหมเย็บแผลหลุด หรือแผลฉีกขาด
  • มีเลือดซึมออกจากแผลมาก
  • ถุงอัณฑะบวมมากขึ้น
  • มีอาการที่เป็นสัญญาณการติดเชื้อ เช่น ปวดแผล แผลบวมแดง แผลร้อนมากขึ้น มีน้ำหนองไหลออกจากแผล 

เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้อาการจากโรคถุงน้ำอัณฑะได้รับการรักษาอย่างถูกแนวทาง ผู้ป่วยจึงควรเข้ารับการรักษาโรคนี้กับสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน และมีแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ให้คำแนะนำในการรักษาเท่านั้น

นอกจากนี้หากพบอาการอัณฑะบวม รู้สึกอัณฑะหนักๆ มีอาการผิดปกติบริเวณอัณฑะอย่างที่ไม่เคยเป็นและอาจเป็นสัญญาณของโรคถุงน้ำอัณฑะ ก็ให้รีบเดินทางมาพบแพทย์ตั้งแต่สังเกตอาการได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ เพราะมีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ง่ายกว่า และอาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัดในทันที

อยากเช็กให้ชัวร์ อัณฑะผิดปกติแบบนี้มาจากสาเหตุอะไร ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top