ตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA แม่นยำสูงรู้ผลไว

จากสถิติข้อมูลทะเบียนมะเร็ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในปี 25623 พบว่า ผู้หญิงไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) มากเป็นอันดับสอง รองจากมะเร็งเต้านม

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจมะเร็งปากมดลูก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

โดยในแต่ละปีพบผู้ป่วยใหม่ที่มีอายุ 30-60 ปี สูงถึงประมาณ 10,000 ราย และมีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกมากกว่า 5,000 รายต่อปี หรือสูงถึง 13 คนต่อวัน

อย่างไรก็ตาม มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยการตรวจคัดกรองอย่างถูกต้องและรวดเร็ว

HDmall.co.th จึงได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ มีความแม่นยำสูง และรู้ผลได้รวดเร็ว ช่วยให้ผู้หญิงไทยห่างไกลโรคมะเร็งปากมดลูกและลดอัตราการเสียชีวิตลง เพราะมะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก

ตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA คืออะไร?

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA เป็นการตรวจหาเชื้อ Human Papilloma Virus หรือ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก โดยเป็นการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกแบบเจาะลึกถึงระดับ DNA เพื่อหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง หรือมะเร็งในระยะเริ่มแรก ก่อนที่จะเกิดความผิดปกติและผู้ที่ติดเชื้อยังไม่มีการแสดงอาการออกมา

ซึ่งทำให้สามารถป้องกันและรักษามะเร็งอย่างได้ผล ส่วนมะเร็งปากมดลูกในระยะท้าย คือ เมื่อผู้รับเชื้อเริ่มมีอาการแสดง เช่น มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีอาการตกขาวเรื้อรัง หรือมีเลือดออกปนตกขาว ซึ่งควรรีบตรวจมะเร็งปากมดลูก เพราะถ้าปล่อยอาการไว้นานจนเกิดอาการปวดท้อง หรืออุจจาระเป็นเลือด จะเป็นอาการที่เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ทำให้ยากต่อการรักษาและอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้

ปัจจุบัน HPV DNA ถือเป็นการคัดกรองที่มีความแม่นยำและสามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถป้องกัน และรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่มะเร็งจะลุกลามจนยากแก่การรักษา ทั้งนี้ส่วนมากผู้หญิงมักมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV ได้ง่ายจากการมีเพศสัมพันธ์

ซึ่งจากสถิติพบว่าร้อยละ 50 ของผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อ HPV ภายใน 2-3 ปีแรกที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ และสามารถติดเชื้อซ้ำได้ตลอด แม้จะมีคู่นอนเพียงคนเดียว แต่การติดเชื้อ HPV จะไม่แสดงอาการและมากกว่าร้อยละ 90 จะหายได้เองจากภูมิคุ้มกันของร่างกาย จะมีเพียงส่วนน้อยที่มีการติดเชื้อเป็นเวลานาน จนเป็นสาเหตุให้เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง

นอกจากการติดเชื้อ HPV บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์แล้ว ยังพบการติดเชื้อบริเวณอื่นได้ตามลักษณะของการมีกิจกรรมทางเพศ ได้แก่ ภายในช่องปาก คอหอย หรือทวารหนัก อันเป็นสาเหตุของมะเร็งทวารหนัก มะเร็งองคชาต มะเร็งช่องคลอด มะเร็งช่องปากและลําคอได้ด้วย

เชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ไหนก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก?

เชื้อไวรัส HPV ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่

  1. กลุ่มเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ HPV 16, 18, 31, 33, 35, 39, 45, 52, 56 โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ18 จะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกสูงถึง 70%
  2. กลุ่มเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงต่ำ ผู้ที่รับเชื้อในกลุ่มนี้ บางรายอาจไม่มีอาการแสดง และสามารถหายไปเอง แต่ในบางรายจะเป็นหูดหงอนไก่ขึ้น จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ได้แก่ HPV 1, 2, 3, 4, 6, 7, 8 ,10, 11 โดยสายพันธุ์ 6 และ 11 ประมาณ 90% จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดหงอนไก่ แต่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในอัตราที่ต่ำ

ตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA ตรวจยังไง?

การตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA นั้นสามารถตรวจร่วมกับการตรวจภายในได้เลย โดยระหว่างที่ตรวจภายใน แพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์ปากมดลูกจากช่องคลอดด้านใน ส่งตรวจด้วยน้ำยาที่จะตรวจเซลล์และแยกน้ำยาหาเชื้อไวรัส HPV ได้ โดยผลที่ได้จะเจาะจงได้ว่า ในร่างกายมีเชื้อ HPV หรือไม่ และเป็นสายพันธุ์อะไร

โดยการตรวจภายใน ปัจจุบัน มี 2 วิธีหลักๆ ได้แก่

  1. การตรวจด้วยวิธี Pap Smear เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบดั้งเดิม โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือลักษณะคล้ายไม้พาย เพื่อเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก แล้วส่งตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อหาเซลล์ผิดปกติที่อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ วิธีนี้จะทราบผลค่อนข้างช้าแต่ราคาตรวจไม่สูง มีความแม่นยำประมาณ 50%
  2. การตรวจด้วยวิธี Thin Prep เป็นวิธีที่พัฒนามาจากการตรวจ Pap Smear แต่มีประสิทธิภาพและความแม่นยำประมาณ 90-95% โดยแพทย์จะใช้แปรงขนาดเล็กเก็บเซลล์เยื่อบุผิวจากบริเวณปากมดลูก แล้วถอดหัวของแปรงใส่ลงในน้ำยารักษาสภาพเซลล์ (เป็นสารเคมีที่ใช้ในการรักษาสภาพของเซลล์ให้คงรูปร่างและโครงสร้างใกล้เคียงกับสภาพเมื่อยังมีชีวิตอยู่) เพื่อให้ได้ตัวอย่างเซลล์ครบ จากนั้นนำเซลล์ที่ได้เข้าเครื่องอัตโนมัติ วางบนสไลด์แก้ว ทำการกำจัดสิ่งปนเปื้อนของมูก เซลล์เม็ดเลือด หรือลดการซ้อนทับกันของเซลล์ที่หนาแน่น ทำให้เพิ่มโอกาสในการตรวจพบความผิดปกติที่มีอยู่ได้ดียิ่งขึ้น

โดยส่วนมาก การตรวจ HPV DNA มักทำร่วมกับการตรวจ Thin Prep ซึ่งมีความแม่นยำสูง สามารถบ่งชี้ได้ว่ามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 หรือไม่ หากไม่พบการติดเชื้อ HPV เลย ก็สามารถมั่นใจได้ถึง 99% ว่าโอกาสจะเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกจะน้อยมากนั่นเอง

ข้อดีของการตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA

ปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการตรวจหาเชื้อ HPV ให้ผลที่มั่นใจได้มากกว่าวิธีดั้งเดิมมาก โดยมีข้อดี ดังนี้

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจมะเร็งปากมดลูก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • รู้ผลได้รวดเร็ว และสามารถตรวจหาความเสี่ยงได้ตั้งแต่เซลล์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือพบได้ในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะทำให้สามารถป้องกันและรักษาอย่างได้ผล
  • มีความแม่นยำสูง เพราะเป็นการตรวจลึกถึงระดับ DNA จากเซลล์ตัวอย่างที่สมบูรณ์และละเอียดกว่าวิธีดั้งเดิม
  • ระบุสายพันธ์ุของเชื้อ HPV ได้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเชื้อ HPV สายพันธ์ุ 16 และ 18 มีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกสูงกว่าสายพันธุ์อื่น การตรวจ HPV DNA จะช่วยให้ทราบสายพันธุ์ของเชื้อด้วย ช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำแนวทางป้องกันได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
  • ไม่ต้องตรวจบ่อย ความถี่ในการตรวจ HPV DNA มักอยู่ที่ประมาณ 3 ปีต่อครั้ง ซึ่งต่างจากการตรวจคัดกรองทั่วไปที่แนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตามแพทย์ยังคงแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนตรวจภายในเป็นประจำทุกปี เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายอื่นที่เกิดขึ้นกับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง

ตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA อายุเท่าไร?

กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไป และผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์หลัง 3 ปีแรกซึ่งถือเป็นผู้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ไปรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี และหากตรวจด้วยวิธี HPV DNA ควรตรวจซ้ำทุก 3 ปี

นอกจากนี้ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ดังนี้

  • ควรเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ 25 ปี เนื่องจากในประเทศไทย อัตราส่วนการเป็นมะเร็งปากมดลูกในผู้ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี พบได้น้อย
  • ผู้ที่อายุ 25-65 ปี ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุก 2-3 ปี ส่วนการตรวจภายในเพื่อตรวจหาโรคอื่นควรทำเป็นประจำทุกปี
  • ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป และเคยมีผลตรวจคัดกรองไม่พบความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูกติดต่อกัน 3 ครั้ง และไม่เคยมีประวัติได้รับการรักษารอยโรคก่อนมะเร็ง หรือมะเร็งปากมดลูก และไม่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง สามารถทำการตรวจซ้ำได้ทุก 3-5 ปี
  • ผู้ที่เคยได้รับการรักษารอยโรคก่อนมะเร็งหรือมะเร็งปากมดลูก ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการคงอยู่หรือกลับเป็นซ้ำของโรค จึงควรได้รับการตรวจติดตามด้วยความถี่ตามคำแนะนำของแพทย์จนครบกำหนด แล้วควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีจนครบ 20 ปี

โดยผู้หญิงที่สามารถหยุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป หากในช่วง 10 ปีก่อนหน้าได้มีการตรวจเป็นระยะตามข้างต้น และผลตรวจคัดกรองไม่พบความผิดปกติติดต่อกัน 3 ครั้ง (ยกเว้นในผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีที่ยังคงมีเพศสัมพันธ์หรือมีคู่นอนหลายคน ควรตรวจคัดกรองต่อไปตามปกติ) และผู้ที่ได้รับการตัดมดลูกออกไปแล้ว โดยไม่ใช่รอยโรคก่อมะเร็ง สามารถหยุดตรวจคัดกรองได้ แต่ควรได้รับการตรวจภายในเพื่อตรวจหาโรคอื่นเป็นประจำทุกปี

ใครควรตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA?

ผู้หญิงที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีดังนี้

  • ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์หลัง 3 ปีแรก
  • ผู้ที่แต่งงานเมื่ออายุน้อย
  • ผู้ที่คลอดบุตรหลายคน
  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
  • ผู้ที่เป็นกามโรคบ่อยๆ
  • ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัว หรือ ญาติ มีประวัติการเป็นมะเร็งปากมดลูก

การเตรียมตัวก่อนตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA

ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไม่ต้องเตรียมตัวมาก แค่เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม และนัดแพทย์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจ คือ ช่วงหลังมีประจำเดือน 10-20 วัน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเหมาะกับการตรวจคัดกรอง และควรมีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ ดังนี้

  • งดมีเพศสัมพันธ์ 24 ชั่วโมง
  • งดล้างหรือทำความสะอาดภายในช่องคลอด 24 ชั่วโมง
  • งดใช้ผ้าอนามัยแบบสอด หรือใช้ยาที่ใช้ในช่องคลอด 48 ชั่วโมง

ขั้นตอนการตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก HPV DNA มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ดังนี้

  1. แพทย์ใช้อุปกรณ์ที่ก้านยาวและมีหัวแปรงขนาดเล็ก เก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูก
  2. เก็บเซลล์ในน้ำยา แล้วส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการ
  3. ใช้ระยะเวลาตรวจเพียง 10-15 นาที

ตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA แม่นยำไหม?

ปัจจุบันการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก HPV DNA ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำกว่า 90% โดยสามารถตรวจได้ลึกในการหากลุ่มไวรัส และเจาะจงชนิดไวรัสได้ว่าเป็นไวรัสที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ ทำให้ผู้ตรวจรู้ได้ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่มและเข้าสู่การรักษาได้โดยเร็วก่อนการลุกลาม และยังมีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับวิธีคัดกรองทั่วไปเพราะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้หากตรวจร่วมกับการคัดกรองแบบทั่วไปจะยิ่งได้ผลที่แม่นยำมากขึ้น หากได้ผลเป็นปกติ โอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกจะอยู่ในระดับต่ำ เช่น การตรวจด้วยวิธี Thin Prep ร่วมกับ HPV DNA เป็นต้น

ตรวจมะเร็งปากมดลูก HPV DNA เจ็บไหม?

ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก HPV DNA จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาตรวจเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น โดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์ไม้เล็กที่มีหัวแปรง เข้าไปเก็บตัวอย่างจากปากมดลูกและเก็บเซลล์ที่ได้ในน้ำยา จากนั้นจึงส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ

แม้วัคซีน HPV จะป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่า 90% แต่ผู้ที่เคยฉีดวัคซีน HPV แล้วก็ยังควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเช่นกัน เพราะวัคซีนไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัส HPV ที่อาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ครบทุกสายพันธุ์

ปัจจุบันวัคซีนที่มีใช้ในประเทศไทยมี 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

  • วัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ 16 และ 18
  • วัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ 6, 11, 16 และ 18
  • วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58

ปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก

นอกจากสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกจะมาจากการติดเชื้อ HPV เป็นหลักแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ ดังนี้

  • การมีคู่นอนหลายคน หรือนอนกับผู้ที่มีคู่นอนหลายคน อาจทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยกว่า 17 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกลายรูปของเซลล์ปากมดลูก และเป็นช่วงที่จะมีความไวต่อสารก่อมะเร็งสูงมากโดยเฉพาะเชื้อ HPV
  • การตั้งครรภ์และการคลอดบุตรมากกว่า 4 ครั้ง จะมีความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น 2-3 เท่า
  • การมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม ซิฟิลิส และหนองใน เป็นต้น หรือมีประวัติ
  • การรับประทานยาคุมกําเนิดเป็นเวลานานกว่า 5 ปี และ 10 ปี จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น 1.3 เท่า และ 2.5 เท่า ตามลําดับ
  • การไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาก่อน
  • การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นมะเร็งองคชาต
  • การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • การสูบบุหรี่
  • ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์และการได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

การป้องกันมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้ด้วยการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรค และหากตรวจคัดกรองอย่างถูกต้อง รู้ผลรวดเร็ว แม่นยำ จะทำให้สามารถป้องกันและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการได้รับวัคซีน ที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการปลอดโรคมะเร็งปากมดลูก และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างแท้จริง


เช็กราคาการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก HPV DNA

มีคำถามเกี่ยวกับ ตรวจมะเร็งปากมดลูก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ