Default fallback image

ปวดหัว มีกี่แบบ ปวดแบบไหนอันตราย ต้องหาหมอ

ปวดหัว อาจดูเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็เคยเจอ แต่หากมีอาการต่อเนื่องหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักประเภทของอาการปวดหัวและสัญญาณเตือนสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณสังเกตตัวเองและตัดสินใจพบแพทย์ได้ทันเวลา

ปวดหัวมีกี่แบบ?

โดยทั่วไป อาการปวดหัวสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. ปวดหัวจากโรคทางสมอง
    เป็นอาการปวดหัวที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของสมองหรือระบบประสาท โดยอาการเหล่านี้มักมีความรุนแรงและจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน
  2. ปวดหัวที่ไม่ได้เกิดจากโรคทางสมอง
    ปวดหัวประเภทนี้เกิดจากปัจจัยทั่วไป เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือปัญหาทางร่างกายอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่อันตราย แต่หากมีอาการเรื้อรังอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้

อาการปวดหัวจากโรคทางสมอง

โรคที่อาจเกี่ยวข้อง

  • เส้นเลือดในสมองตีบ/แตก (Stroke) เกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองถูกขัดขวาง หรือมีเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งอาจทำให้เกิดอัมพาตหรือเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา
  • เนื้องอกในสมอง การเติบโตผิดปกติของเซลล์ในสมอง อาจกดทับส่วนต่างๆ ของสมอง ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงและมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) เกิดจากการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง อาจทำให้เกิดไข้สูง คอแข็ง และปวดหัวอย่างรุนแรง
  • สมองอักเสบ (Encephalitis) เป็นภาวะที่สมองอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชักและหมดสติ
  • ความดันในสมองสูงหรือต่ำผิดปกติ อาจเกิดจากการสะสมของของเหลวในสมองหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งส่งผลต่อสมองและทำให้ปวดหัวอย่างรุนแรง

อาการที่ต้องสังเกต

  • ปวดศีรษะรุนแรงฉับพลัน อาการปวดที่มาอย่างกะทันหันและรุนแรงในระดับที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มักเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง เช่น เส้นเลือดในสมองแตก
  • ปวดหัวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน หากรู้สึกปวดหัวแบบที่ไม่เคยปวดมาก่อนและรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของโรคในสมอง
  • ปวดหัวที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทุเลาด้วยยา หากใช้ยาแก้ปวดแล้วยังไม่ดีขึ้น หรืออาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในสมอง

อาการร่วมที่สำคัญ

  • แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก เป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมองที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว
  • หน้าเบี้ยว พูดไม่ชัด หากมีอาการปากเบี้ยวหรือพูดลำบากควรรีบพบแพทย์ทันที
  • การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อนหรือมองไม่ชัด อาจเป็นสัญญาณของโรคในสมอง
  • หมดสติ หากมีอาการหมดสติหรือชัก ร่วมกับการปวดหัว ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

ระยะเวลาที่ต้องรีบไปหาหมอ

หากมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ผู้ป่วยควรได้รับยาละลายลิ่มเลือด (Thrombolytic) ภายใน 4 ชั่วโมง 30 นาที หรือ 270 นาทีหลังจากเริ่มมีอาการ ซึ่งช่วงเวลานี้เรียกว่า Stroke Fast Track หรือ Golden Period เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่การรักษาจะให้ผลดีที่สุดในการลดความเสียหายของสมอง

หากเกิน 4 ชั่วโมง 30 นาที ไปแล้ว การใช้ยาละลายลิ่มเลือดอาจไม่ได้ผลดีและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมอง อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจพิจารณาทำ Thrombectomy หรือหัตถการขยายหลอดเลือด ซึ่งได้ผลดีที่สุดหากดำเนินการภายใน 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในกรณีที่เส้นเลือดขนาดใหญ่อุดตัน

ข้อสำคัญ หากสงสัยว่าอาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ควรรีบไปโรงพยาบาลทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบ 4 ชั่วโมง 30 นาที เพราะยิ่งได้รับการรักษาเร็วเท่าไร โอกาสฟื้นตัวโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนก็ยิ่งสูงขึ้น

ความเสี่ยงหากไม่ไปพบแพทย์

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้สมองขาดเลือดเป็นเวลานานจนเนื้อเยื่อสมองเสียหายถาวร ส่งผลให้เกิดอัมพาตถาวร สมองบวม หรือในบางกรณีอาจเสียชีวิต ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาทันเวลาอาจฟื้นตัวได้ยากและเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันอย่างถาวร

อาการปวดหัวที่ไม่ได้เกิดจากโรคทางสมอง

โรคที่อาจเกี่ยวข้อง

  • ไมเกรน (Migraine) เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทและหลอดเลือด ทำให้เกิดอาการปวดหัวตุบๆ ข้างเดียว ร่วมกับอาการคลื่นไส้
  • ปวดหัวจากความเครียด (Tension Headache) เกิดจากกล้ามเนื้อตึงเครียด ส่งผลให้ปวดศีรษะทั้งสองข้าง
  • ปวดหัวจากไซนัสอักเสบ (Sinus Headache) เกิดจากการอักเสบของโพรงไซนัส มักมีอาการคัดจมูกและน้ำมูกไหลร่วมด้วย
  • ปวดหัวคลัสเตอร์ (Cluster Headache) อาการปวดหัวข้างเดียวบริเวณรอบดวงตา เกิดขึ้นเป็นชุดและมีความรุนแรง
  • ปวดหัวจากการใช้สายตา (Eye Strain) เกิดจากการใช้สายตาเป็นเวลานาน มักเกิดร่วมกับอาการปวดตาและตาล้า

แนวทางการดูแลและป้องกัน

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงความเครียด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงอาหารหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ปวดหัว เช่น ชา กาแฟ แอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ปวดหัวแบบไหนอันตราย ควรไปพบแพทย์

  • ปวดหัวรุนแรงและเกิดขึ้นทันที
  • ปวดหัวเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อยา
  • ปวดหัวที่มีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น แขนขาอ่อนแรง
  • ปวดหัวหลังอุบัติเหตุ
  • ปวดหัวที่อาการแย่ลงเรื่อยๆ

จะเห็นได้ว่า อาการปวดหัวอาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ปวดหัวแบบนี้ เสี่ยงเป็นโรคทางสมองไหม อยากปรึกษาคุณหมอ ตรวจให้แน่ชัด ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top