gastrointestinal disease definition

5 โรคทางเดินอาหารยอดฮิต มีอะไรบ้าง? สาเหตุ อาการ การตรวจวินิจฉัย

ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องเสีย ท้องผูก รู้หรือไม่ว่า อาการที่ดูธรรมดานี้ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคในระบบทางเดินอาหารได้มากมาย ตั้งแต่โรคทั่วๆ ไปอย่าง โรคกระเพาะอาหาร ไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งลำไส้

โดยส่วนใหญ่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารนั้น มักมีอาการผิดปกติคล้ายคลึงกัน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยหลายๆ คนเข้าใจผิด หรือละเลย เพราะคิดว่าเป็นอาการที่ไม่รุนแรง จนบางครั้งเมื่อรู้ว่าป่วย โรคก็อยู่ในระยะที่รุนแรงแล้ว

บทความนี้จะขอยกตัวอย่าง 5 โรคในระบบทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยว่ามีอะไรบ้าง เกิดจากอะไร อาการเป็นอย่างไร พร้อมวิธีตรวจคัดกรองที่แม่นยำ เพื่อให้คุณสามารถสังเกตอาการเบื้องต้น เมื่อป่วยจะได้รีบรักษาโดยเร็ว

1. โรคกระเพาะอาหาร คืออะไร?

โรคกระเพาะอาหาร (Dyspepsia) คือ ภาวะที่กรดภายในกระเพาะอาหารเสียสมดุล และทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร จนเกิดแผลหรือการอักเสบ ส่งผลทำให้เกิดเป็นอาการผิดปกติขึ้น เช่น ปวดท้อง แน่นท้อง เรอเปรี้ยว ซึ่งอาการมักเป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรังจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้

สาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร 

โรคกระเพาะอาหารมักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยสาเหตุของโรคกระเพาะอาหารที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • พฤติกรรมกินอาหารไม่ตรงเวลา
  • พฤติกรรมอดอาหาร
  • การกินอาหารรสจัด รสเปรี้ยวจัด หรือรสเผ็ดจัด
  • การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • การสูบบุหรี่
  • ภาวะเครียดหรือวิตกกังวล
  • การกินยาหรือวิตามินที่สร้างความระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
  • การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori: H.pylori)

อาการของโรคกระเพาะอาหาร 

  • ปวดท้อง หลายคนมักมีอาการปวดช่วงก่อนหรือหลังกินอาหาร รวมถึงช่วงที่ท้องว่าง หรือช่วงกลางคืน
  • อาการปวดท้องมักเป็นเรื้อรัง ในผู้ป่วยบางรายอาจกินระยะเวลาเป็นปี
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • จุกเสียดแน่นท้อง
  • แน่นบริเวณลิ้นปี่
  • เรอเปรี้ยว 
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน โดยเฉพาะช่วงหลังกินอาหาร
  • บางรายอาจมีอาการเบื่ออาหาร และทำให้น้ำหนักตัวลดลง
  • ในผู้ป่วยบางรายที่อาการเริ่มรุนแรง อาจอาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย

2. โรคกรดไหลย้อน คืออะไร?

โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) คือ ภาวะที่สารคัดหลั่งในกระเพาะอาหารซึ่งมีทั้งที่เป็นกรด ด่าง หรือแก๊สไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร จนให้ให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ หรือเป็นแผล ส่งผลทำให้เกิดอาการจุกแน่น แสบร้อนยอดอกตามมา 

สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยความผิดปกติของร่างกาย และพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม ดังนี้

  • ความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหาร 
  • ความดันของหูรูดส่วนปลายของหลอดอาหารลดลงกว่าปกติ
  • ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร 
  • การตั้งครรภ์ ที่เป็นการเพิ่มความดันในช่องท้อง และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้หูรูดหลอดอาหารอ่อนแอลงด้วย
  • พฤติกรรมการกินอาหารแล้วนอนทันที
  • การกินอาหารปริมาณมากๆ ต่อมื้อ
  • พฤติกรรมกินอาหารที่มีไขมันสูง
  • การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชา กาแฟ 
  • การสูบบุหรี่
  • ความเครียด
  • ภาวะอ้วน

อาการของโรคกรดไหลย้อน

  • รู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ในคอ ทำให้กลืนลำบาก
  • แสบร้อนที่ลิ้นปี่ และมักลามขึ้นไปที่กลางหน้าอกและคอ
  • เจ็บคอ
  • เสียงแหบ
  • เรอเปรี้ยว
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • บางรายอาจมีกลิ่นปากหรือฟันผุ
  • รู้สึกเปรี้ยวหรือขมปาก 
  • ท้องอืด
  • จุกเสียดแน่นท้อง

3. โรคลำไส้อักเสบ คืออะไร?

โรคลำไส้อักเสบ (Ulcerative Colitis) คือ ภาวะที่เยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่เกิดการติดเชื้อ บาดเจ็บ หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับภูมิต้านทาน จนเกิดเป็นอาการอักเสบภายใน รวมถึงทำให้เกิดแผลหรือเลือดออกที่ผนังลำไส้ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบขับถ่าย ในผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

สาเหตุของโรคลำไส้อักเสบ

  • การกินอาหารที่ไม่สะอาด ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมจนทำให้ลำไส้ติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อปรสิต
  • การกินยาปฏิชีวนะบางชนิด
  • ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานผิดปกติ จนทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หรือภูมิคุ้มกันได้ย้อนกลับมาทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายแทน ซึ่งในกรณีของโรคลำไส้อักเสบจะอยู่ที่เนื้อเยื่อบริเวณผนังลำไส้

อาการของโรคลำไส้อักเสบ

  • ปวดท้อง ในบางรายอาจปวดบีบอย่างรุนแรง
  • ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • อ่อนเพลีย
  • มีไข้ต่ำๆ
  • เบื่ออาหาร
  • ปวดเมื่อยตามตัว 
  • เกิดภาวะขาดน้ำ มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคลำไส้อักเสบในระดับเรื้อรังแล้ว และขับถ่ายบ่อยจนร่างกายขาดน้ำ
  • ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นถ่ายมีเลือดปนหรือมีมูกเลือด

ท้องเสียบ่อย ปวดท้อง เป็นโรคอะไรกันแน่ กังวลใจ อยากตรวจให้แน่ชัด ทักหาแอดมิน HDcare เพื่อนัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทางได้เลย

4. โรคลำไส้แปรปรวน คืออะไร?

โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS) คือ ภาวะการบิดตัวที่ผิดปกติหรือการไวต่อสิ่งกระตุ้นมากเกินไปของลำไส้ส่วนปลาย จนทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร รวมถึงระบบขับถ่าย

สาเหตุของโรคลำไส้แปรปรวน

ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคลำไส้แปรปรวนได้แน่ชัด แต่มีความเชื่อว่า โรคนี้มีปัจจัยร่วมที่สามารถกระตุ้นทำให้ลำไส้มีความแปรปรวนเกิดขึ้นได้ เช่น

  • กรรมพันธุ์ โดยผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน มีโอกาสที่ผู้ใกล้ชิดทางสายเลือดคนอื่นๆ จะเป็นโรคนี้ด้วย
  • ความไวต่ออาหารบางชนิด เช่น ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
  • ภาวะความเครียด
  • ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อลำไส้

อาการของโรคลำไส้แปรปรวน

  • เรอบ่อย
  • ผายลมบ่อย
  • กิจวัตรการขับถ่ายเปลี่ยนไป โดยบางรายอาจอุจจาระบ่อยขึ้น หรืออุจจาระน้อยลงจนคล้ายอาการท้องผูก
  • ลักษณะอุจจาระเปลี่ยนไป โดยผู้ที่เคยถ่ายเป็นก้อน อาจมีอาการถ่ายเหลวอย่างผิดสังเกต หรือบางรายก็อาจถ่ายเป็นก้อนแข็งขึ้นจนเบ่งอุจจาระได้ยาก
  • ปวดท้องบ่อย โดยเฉพาะบริเวณช่วงท้องส่วนล่าง ในบางรายอาจปวดแค่เบาๆ บางรายอาจปวดมากจนต้องไปพบแพทย์
  • ท้องเสีย และ/หรือ สลับกับท้องผูก
  • ท้องอืด หรือมีอาการแน่นท้อง

5. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ คืออะไร?

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่​ (Colon Cancer) คือ ภาวะที่เซลล์ภายในลำไส้ใหญ่เกิดการแบ่งตัวอย่างผิดปกติ และเจริญเติบโตกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โรคมะเร็งลำไส้ จัดเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุประมาณ 60-65 ปี

สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า ปัจจัยใดที่เป็นสาเหตุของการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์บริเวณลำไส้ แต่ก็มีความเชื่อว่า ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ 

  • ผู้ที่มีประวัติเคยพบติ่งเนื้อที่ลำไส้ใหญ่
  • อายุที่มากขึ้น โดยผู้สูงอายุจะมีโอกาสพบโรคนี้ได้มากกว่า
  • ภาวะอ้วน 
  • ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย
  • การสูบบุหรี่
  • กรรมพันธุ์ โดยผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน มีโอกาสที่จะพบโรคนี้ได้มากกว่ากลุ่มคนทั่วไป

อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

อาการที่พบได้บ่อยจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมีความใกล้เคียงกับอาการของโรคทางเดินอาหารอื่นๆ จนทำให้หลายครั้งที่ผู้ป่วยโรคนี้ไม่รู้ว่า ตนเองเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่น

  • ท้องเสีย
  • ท้องผูก ในบางรายมีอาการขับถ่ายไม่สุด
  • รู้สึกปวดแสบร้อนท้อง
  • อาหารไม่ย่อย
  • อ่อนเพลียง่ายขึ้น
  • น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
  • อุจจาระปนเลือด หรือมีสีคล้ำมาก

การตรวจวินิจฉัยโรคระบบทางเดินอาหาร

โรคระบบทางเดินอาหารทั้ง 5 โรคที่กล่าวมาข้างต้น มีกระบวนการตรวจบางรายการที่คล้ายคลึงกัน เนื่องจากเป็นโรคที่อยู่ในระบบการทำงานเดียวกัน โดยกระบวนการตรวจโรคระบบทางเดินอาหารที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่

  • การตรวจร่างกาย ซักประวัติสุขภาพและสอบถามอาการจากแพทย์
  • การตรวจเลือด
  • การตรวจอุจจาระ เพื่อช่วยหาเลือดแฝงในอุจจาระ ซึ่งสามารถบ่งชี้รอยโรคในระบบทางเดินอาหารได้
  • การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง
  • การส่องกล้องทางเดินอาหาร ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกได้หลายเทคนิค ช่วยให้แพทย์ตรวจความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารได้อย่างละเอียด แม่นยำ และคัดแยกโรคในระบบทางเดินอาหารแต่ละชนิดออกจากกันได้ง่ายขึ้น เช่น
    • ตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้นหรือบน ด้วยการส่องกล้อง เป็นการสอดกล้องที่มีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็ก ประมาณ 1 เซนติเมตร เข้าทางช่องปากผู้ป่วย ผ่านลงไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อวินิจฉัยโรคที่อาจเกิดกับหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น
    • การตรวจลำไส้ใหญ่ ด้วยการส่องกล้อง เป็นการสอดกล้องที่มีลักษณะเป็นท่อขนาด 1 เซนติเมตรเข้าทางทวารหนักของผู้ป่วย เพื่อตรวจดูความผิดปกติภายในลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กส่วนปลาย โดยสามารถตรวจวินิจฉัยแยกโรคได้ค่อนข้างแม่นยำ เช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ติ่งเนื้อที่ลำไส้ โรคลำไส้อักเสบ อาการปวดท้อง หรือท้องเสียเรื้อรัง
    • ตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้นหรือบน และลำไส้ใหญ่ ด้วยการส่องกล้อง เป็นการตรวจดูอวัยวะในระบบทางเดินอาหารผ่านทั้งทางปากและทางทวารหนัก 2 ช่องทาง เพื่อให้สามารถเห็นความผิดปกติครอบคลุมได้ตั้งแต่หลอดลมไปจนถึงลำไส้ใหญ่ และลำไส้เล็ก

จะเห็นได้ว่าโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารล้วนมีหลายอาการที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นท้อง ท้องเสีย ท้องผูก ฯลฯ หากปล่อยทิ้งไว้ นอกจากจะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตแล้ว บางครั้งโรคที่เป็นยังอาจลุกลามและรุนแรงขึ้นจนรักษาได้ยาก หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่มีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ท้องเสีย โดยเป็นติดต่อกันนาน โดยไม่ทราบสาเหตุ ควรพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา หากพบสัญญาณความผิดปกติใดๆ จะได้รักษาได้ทันท่วงที

ยังไม่แน่ใจว่าเป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน หรือโรคเกี่ยวกับลำไส้รึเปล่า ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ส่วนปลาย จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top