evar treatment process scaled

ผ่าตัดสอดใส่หลอดเลือดเทียม คืออะไร เจ็บไหม พักฟื้นกี่วัน

การผ่าตัดสอดใส่หลอดเลือดเทียมผ่านสายสวน (EVAR) เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ด้วยการใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการซ่อมแซมหลอดเลือดที่ขยายตัว โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดเปิดหน้าอกหรือช่องท้อง บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจขั้นตอนการรักษา และข้อควรรู้ต่างๆ ที่หลายคนสงสัยอย่างละเอียด

มีคำถามเกี่ยวกับ ผ่าตัด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

การผ่าตัดสอดใส่หลอดเลือดเทียมผ่านสายสวน (EVAR) คืออะไร?

การผ่าตัดสอดใส่หลอดเลือดเทียมผ่านสายสวน หรือ EVAR (Endovascular Aneurysm Repair) เป็นการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm) โดยการใส่หลอดเลือดเทียม (Stent Graft) เข้าไปในหลอดเลือดที่โป่งพองหรือเสียหาย เพื่อซ่อมแซมและป้องกันการแตกของหลอดเลือด โดยไม่ต้องตัดเอาหลอดเลือดเดิมที่โป่งพองออก

ในอดีตการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองนั้น จะต้องผ่าตัดเปิดช่องอกหรือหน้าท้องเพื่อใส่หลอดเลือดเทียมทดแทน นับเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูง

แต่ปัจจุบันแพทย์นิยมรักษาด้วยการทำ EVAR แทน เพราะไม่จำเป็นต้องผ่าเปิดช่องอก เพียงเปิดแผลเล็กๆ ที่ขาหนีบแล้วใส่หลอดเลือดเทียมเข้าไป บาดแผลจึงมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ภาวะแทรกซ้อนน้อย มีความปลอดภัยสูง และลดอัตราการเสียชีวิตลงได้มาก

สายสวน

คลิกที่นี่เพื่อดูภาพขนาดใหญ่

การทำ EVAR เหมาะกับใคร?

การทำ EVAR เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโป่งพอง ที่แพทย์ประเมินแล้วว่าสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่ โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้ ได้แก่

  • ผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm) มากกว่า 5 – 5.5 ซม. หรือโป่งพองขึ้น 3-5 มม. ภายใน 1 ปี ซึ่งเสี่ยงต่อการแตกและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) เช่น ผู้ป่วยที่มีภาวะสุขภาพทั่วไปไม่แข็งแรง หรือผู้สูงอายุที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูร่างกายหลังผ่าตัดค่อนข้างนาน
  • ผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่โป่ง ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ผ่านขาหนีบหรือข้อมือ

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจรักษาด้วยการทำ EVAR นั้น ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์

มีคำถามเกี่ยวกับ ผ่าตัด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ขั้นตอนการทำ EVAR

  1. แพทย์หรือพยาบาล ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ ที่จะทำการสอดสายสวนหัวใจ
  2. วิสัญญีแพทย์ระงับความรู้สึกด้วยการดมยาสลบ
  3. แพทย์ผ่าตัดเปิดแผลขนาดเล็กที่ขาหนีบหรือข้อมือ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหลอดเลือดที่โป่งพอง
  4. จากนั้นสอดท่อนำทางเข้าไปในหลอดเลือด จนถึงตำแหน่งที่โป่งพอง
  5. แพทย์ฉีดสารทึบรังสี เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของหลอดเลือดที่โป่งพองอีกครั้ง
  6. สอดสายสวนสำหรับปล่อยหลอดเลือดเทียมตามเข้าไป 
  7. จากนั้นจึงปล่อยหลอดเลือดเทียมเข้าไปยังตำแหน่งหลอดเลือดที่โป่งพอง โดยส่วนมากใช้เป็นหลอดเลือดเทียมชนิดขวดลวดหุ้มกราฟต์ (Stent Graft) 
  8. หลอดเลือดเทียมจะขยายตัวจนเท่าหลอดเลือดแดงปกติ และแนบติดกับผนังหลอดเลือดแดงใหญ่เองโดยไม่ต้องใช้การเย็บติด
  9. แพทย์ฉีดสารทึบรังสีอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบรอยรั่วที่อาจเกิดขึ้นที่หลอดเลือด หากไม่มีจะนำอุปกรณ์ผ่าตัดออก และเย็บปิดแผล

ตลอดกระบวนการทำ EVAR ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และหลังผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-4 วัน เพื่อติดตามอาการ

การเตรียมตัวก่อนทำ EVAR

  1. ตรวจประเมินความเสี่ยงตามแพทย์แนะนำ 
  2. แจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาที่รับประทานเป็นประจำ การแพ้ยา แพ้อาหาร และผลการตรวจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้แพทย์ทราบโดยละเอียด 
  3. งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ก่อนทำผ่าตัด
  4. งดรับประทานอาหารและดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนผ่าตัด
  5. แพทย์อาจให้โกนขนบริเวณรอบขาหนีบหรือบริเวณที่มีการกรีดเปิดแผล
  6. แพทย์อาจแนะนำให้ญาติหรือคนสนิทที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกันบริจาคเลือดสำรองไว้ให้ผู้ป่วย เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงต้องใช้เลือดมาก
  7. ลางานล่วงหน้าอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ เพื่อพักฟื้นร่างกาย 
  8. วันผ่าตัดพาญาติมาด้วย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก

ดูแลตัวเองอย่างไรหลังการผ่าตัด

    • ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำ และงดอาบน้ำ 24-48 ชั่วโมง หลังการผ่าตัด
    • หลังผ่าตัดแพทย์จะค่อยๆ ให้เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายทีละน้อย เช่น การลุกและเดินรอบเตียง นอกจากนี้ผู้ป่วยควรหมั่นเดินเบาๆ ทุกวัน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
    • ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจรู้สึกอ่อนเพลียง่าย ควรพักผ่อน และนอนหลับให้เพียงพอ 
    • งดขับรถเองในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด
    • งดยกของหนัก งดทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากประมาณ 3 เดือน หรือตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
    • กินยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายให้หมด กรณีที่มีอาการปวด สามารถกินยาแก้ปวดได้ตามแพทย์สั่ง
    • ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต เช่น หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารรสเค็ม และแอลกอฮอล์ หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลดความเครียด
    • ตรวจสุขภาพตามนัดและรายงานอาการผิดปกติให้แพทย์ทราบทันที

ข้อดีของการทำ EVAR

  • แผลมีขนาดเล็กบริเวณขาหนีบหรือข้อมือ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว
  • ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การสูญเสียเลือด และภาวะหัวใจล้มเหลว
  • ลดความเจ็บปวดหลังการผ่าตัด เนื่องจากไม่ต้องผ่าเปิดช่องท้องหรือหน้าอก

ข้อจำกัดของการทำ EVAR

  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือหลายครั้งติดต่อกัน  ภาวะหัวใจวาย ไม่สามารถทำวิธีนี้ได้
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคถุงลมโป่งพองที่รุนแรง และคาดว่าจะไม่สามารถเอาเครื่องช่วยหายใจออกได้หลังผ่าตัด หรือมีภาวะหายใจหอบเหนื่อยขณะพัก 
  • ผู้เป็นมะเร็งในระยะแพร่กระจาย

การทำ EVAR เจ็บไหม?

การทำ EVAR โดยทั่วไปจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าการผ่าตัดเปิด เพราะมีแผลขนาดเล็ก และไม่ต้องเปิดช่องท้องหรือหน้าอก

แต่ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่สบายตัว ระคายเคือง หรือเจ็บปวดแผลผ่าตัดได้บ้าง บริเวณที่ทำการกรีดเปิดแผล แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ หากผู้ป่วยดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ

การทำ EVAR ต้องพักฟื้นกี่วัน?

การพักฟื้นหลังการทำ EVAR จะใช้เวลาน้อยกว่าผ่าตัดเปิด โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยมักจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

หลังกลับจากโรงพยาบาลแล้ว ผู้ป่วยอาจต้องพักฟื้นต่อที่บ้านประมาณ 3-4 สัปดาห์ โดยหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก

ผลข้างเคียงจากการทำ EVAR

  • ผลข้างเคียงทั่วไป ได้แก่ 
    • อาการเจ็บแผลผ่าตัดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
    • การติดเชื้อจากแผลผ่าตัด 
    • อาการแพ้ยาสลบ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการอื่นๆ 
    • รู้สึกชาหรือบวมช้ำบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด 
    • มีเลือดออกจากแผลหรือมีเลือดคลั่งใต้ผิวหนัง
  • อาการที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
    • ไข้สูงและหนาวสั่น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อน
    • หัวใจเต้นผิดปกติ ไม่สม่ำเสมอ หรือรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
    • หายใจลำบาก รู้สึกหายใจไม่สะดวก หรือหายใจได้ยาก
    • เจ็บแผลอย่างรุนแรง แม้กินยาแก้ปวดก็ไม่ลดลง
    • แผลบวมแดงและมีของเหลวไหลซึมออกมา
    • แผลปริแตก
    • ปวดหลัง น่อง ต้นขา หรือขาหนีบ อาจเป็นสัญญาณของภาวะลิ่มเลือดอุดตัน
  • ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น แต่มีโอกาสค่อนข้างต่ำ ได้แก่ ภาวะหัวใจวาย ไตวาย เลือดคั่งใต้ผิวหนัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

อย่างไรก็ตาม การดูแลหลังการผ่าตัดอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

การทำ EVAR ราคาเท่าไหร่?

การทำ EVAR มีราคาแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล ส่วนใหญ่แล้วโรงพยาบาลเอกชนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 500,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

จะเห็นได้ว่า การทำ EVAR เป็นทางเลือกการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองที่มีประสิทธิภาพ  โดยมีข้อดีคือ ฟื้นตัวเร็วและมีความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัดแบบเปิด อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกวิธีรักษานั้น ควรได้รับคำแนะนำจากแพทยเฉพาะทาง

รักษาโรคหัวใจด้วยการทำ EVAR ดีไหม? วิธีนี้เหมาะกับเราหรือเปล่า? นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจรักษาโรคหัวใจ จาก ร.พ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

มีคำถามเกี่ยวกับ ผ่าตัด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ HDcare โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ พยาบาล HDcare