Default fallback image

สัญญาณเตือนโรคถุงน้ำอัณฑะ ขั้นตอนการตรวจ การเตรียมตัว เจ็บไหม

สังเกตว่าอัณฑะบวม รู้สึกหนักๆ หน่วงๆ ผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคถุงน้ำอัณฑะ หากมีอาการนี้ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถรักษาให้หายได้ไม่ยาก ถ้ารีบตรวจวินิจฉัยและปรึกษาแพทย์ตั้งแต่ระยะแรก

กระบวนการตรวจโรคถุงน้ำอัณฑะมีขั้นตอนอย่างไร และอาการบ่งชี้ที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเองมีอะไรบ้าง มาอ่านสรุปข้อมูลกันในบทความนี้

สัญญาณโรคถุงน้ำอัณฑะ

สัญญาณบ่งชี้ของการเป็นโรคถุงน้ำอัณฑะสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ตามอาการดังต่อไปนี้

  • ลูกอัณฑะบวม อาจบวมที่เพียงข้างเดียว หรือทั้ง 2 ข้าง จัดเป็นอาการบ่งชี้หลักของโรคถุงน้ำอัณฑะ
  • รู้สึกหนักที่ลูกอัณฑะ เป็นอาการข้างเคียงที่ตามมาจากการมีก้อนถุงน้ำที่บวมจนเพิ่มน้ำหนักที่ลูกอัณฑะ
  • รู้สึกไม่สบายอัณฑะ หรือปวดลูกอัณฑะ

การตรวจวินิจฉัยโรคถุงน้ำอัณฑะ

กระบวนการตรวจวินิจฉัยโรคถุงน้ำอัณฑะมักจะประกอบไปด้วยกระบวนการตรวจ 3 ส่วน ได้แก่

1. การตรวจร่างกาย

แพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว รวมถึงประวัติอุบัติเหตุ หรือกิจกรรมที่มีโอกาสทำให้ลูกอัณฑะได้รับบาดเจ็บ ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยเด็ก ก็จะมีการซักถามประวัติสุขภาพ ลักษณะการเปลี่ยนแปลงของลูกอัณฑะจากผู้ปกครองอย่างละเอียด

นอกจากการซักประวัติ แพทย์จะตรวจดูลักษณะของลูกอัณฑะ มีการส่องไฟฉายเพื่อดูของเหลวภายในถุงอัณฑะ รวมถึงกดคลำบริเวณหน้าท้องและขาหนีบ เพื่อแยกโรคไส้เลื่อนขาหนีบ

การเตรียมตัวก่อนตรวจร่างกาย

โดยทั่วไป ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดๆ เป็นพิเศษก่อนตรวจร่างกาย แต่หากมีประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการได้รับบาดเจ็บใดๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคถุงน้ำอัณฑะ ก็ให้จัดเตรียมมาให้ข้อมูลกับแพทย์ด้วย และเพื่อความสะดวก อาจสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจร่างกาย

ตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยโรคถุงน้ำอัณฑะ เจ็บหรือไม่?

โดยทั่วไป กระบวนการตรวจร่างกายมักจะไม่ก่ออาการเจ็บใดๆ นอกเสียจากผู้ป่วยจะมีอาการจากโรคถุงน้ำอัณฑะที่ทำให้รู้สึกปวด หรือไม่สบายตัวบริเวณขาหนีบหรืออัณฑะ ซึ่งอาการก็อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างอยู่ในขั้นตอนการตรวจ

2. การตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพรังสี

เพื่อให้เห็นของเหลวในถุงอัณฑะ รวมถึงโอกาสพบเนื้องอก ไส้เลื่อน หรือสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ลูกอัณฑะบวมได้อย่างชัดเจนขึ้น แพทย์จึงจะส่งตัวผู้ป่วยไปรับการตรวจวิธีถ่ายภาพรังสีเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นโครงสร้างภายในลูกอัณฑะอย่างชัดเจน โดยการตรวจที่ได้รับความนิยมจะได้แก่

  • การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นการใช้เครื่องปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงผ่านชั้นผิวหนังเข้าไปกระทบกับเนื้อเยื่อและอวัยวะภายในร่างกาย ก่อนจะสะท้อนกลับมาที่เครื่องอัลตราซาวด์ และประมวลผลเป็นสัญญาณภาพที่จะปรากฏบนจอมอนิเตอร์ของเครื่อง
  • การตรวจ CT Scan เป็นการใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ถ่ายภาพลูกอัณฑะออกมาในรูปแบบภาพตัดขวางและภาพ 3 มิติ ขั้นตอนการตรวจจะเป็นการให้ผู้ป่วยนอนลงกับเตียงที่จะเคลื่อนผ่านอุโมงค์เครื่อง CT Scan ซึ่งมีหลอดรังสีเอกซ์หมุนรอบตัวผู้ป่วย แล้วนำไปประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาสร้างเป็นภาพถ่ายเพื่อให้แพทย์นำมาเป็นข้อมูลในการตรวจวินิจฉัย

การเตรียมตัวก่อนตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพรังสี

  • การตรวจอัลตราซาวด์มักไม่ต้องเตรียมตัวใดๆ เป็นพิเศษ ไม่ต้องงดน้ำและงดอาหาร แต่ผู้ป่วยควรสวมใส่เสื้อผ้าที่ถอดเปลี่ยนได้ง่าย 
  • การตรวจ CT Scan ผู้ป่วยต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าดังต่อไปนี้
    • แจ้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา ประวัติแพ้ยา ประวัติการแพ้สารทึบรังสีให้แพทย์ทราบล่วงหน้าเสียก่อน
    • งดน้ำและงดอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง
    • ผู้ป่วยสูงอายุอาจได้รับคำแนะนำให้ตรวจค่าการทำงานของไตเสียก่อน

การตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพรังสี เจ็บหรือไม่?

การตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพรังสีไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด แต่ในผู้ป่วยที่กลัวที่แคบอาจรู้สึกไม่สบายตัวหรือกังวลได้ระหว่างการตรวจ CT Scan ซึ่งสามารถแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าได้ โดยแพทย์อาจมีการให้ยานอนหลับหรือยาสลบ เพื่อให้การตรวจดำเนินไปอย่างราบรื่น และไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกังวลระหว่างตรวจ

3. การตรวจอื่นๆ

นอกเหนือจากการตรวจร่างกาย และการตรวจด้วยวิธีถ่ายภาพรังสี แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรับการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อคัดแยกโรคหรืออาการผิดปกติอื่นๆ ออกจากโรคถุงน้ำอัณฑะ รวมถึงเพื่อตรวจสอบโอกาสการติดเชื้อ โดยส่วนมากกระบวนการตรวจนี้มักทำร่วมกับการตรวจร่างกายได้เลย

ดังนั้นหากสังเกตเห็นอัณฑะบวม มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างผิดสังเกต ปวดอัณฑะ รู้สึกหน่วงหรืออัณฑะหนักขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทันที เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคถุงน้ำอัณฑะ หรือความผิดปกติของอัณฑะที่อาจร้ายแรงกว่านั้นได้

อยากเช็กให้ชัวร์ ตัวเองหรือเด็กๆ ในบ้านมีอัณฑะบวม ใหญ่ขึ้น เพราะมีถุงน้ำหรือเปล่า ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรค จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top