การมีเพศสัมพันธ์ก่อนเป็นประจำเดือนโดยไม่ป้องกัน อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากระยะไข่ตกอาจคาดเคลื่อน การคุมกำเนิดจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามและศึกษาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์
สารบัญ
มีเพศสัมพันธ์ก่อนมีประจำเดือน ไม่ใส่ถุงได้ไหม
การมีเพศสัมพันธ์ก่อนเป็นประจำเดือนโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย ไม่ได้ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์หรือเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ขึ้นได้
โอกาสตั้งครรภ์ก่อนประจำเดือน
สำหรับรอบเดือนปกติ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนเริ่มประจำเดือน 1-2 วัน มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำมาก เนื่องจากไข่ที่ตกในรอบเดือนนั้นเสื่อมสภาพแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากรอบเดือนไม่สม่ำเสมอ การคาดการณ์วันตกไข่อาจคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งหมายความว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ไข่จะตกใกล้กับช่วงมีเพศสัมพันธ์ และนำไปสู่การปฏิสนธิได้
อีกปัจจัยสำคัญคือ อสุจิสามารถมีชีวิตอยู่ในร่างกายได้นานถึง 3-5 วัน หากไข่ตกในช่วงเวลาดังกล่าว แม้จะใกล้กับประจำเดือน ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์ได้
ความเสี่ยงอื่นที่ควรระวัง
นอกจากความเสี่ยงในการตั้งครรภ์แล้ว การไม่ใช้ถุงยางอนามัยยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น HIV, ซิฟิลิส, หนองใน หรือเชื้อ HPV อีกทั้งการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงใกล้ประจำเดือน อาจทำให้ช่องคลอดไวต่อการระคายเคืองหรือการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและสภาพแวดล้อมในช่องคลอด
คำแนะนำ
- เพื่อป้องกันความเสี่ยง ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะถุงยางช่วยลดความเสี่ยงทั้งในเรื่องการตั้งครรภ์และการติดเชื้อ
- หากต้องการป้องกันในระยะยาว การใช้ยาคุมกำเนิดหรือห่วงคุมกำเนิดก็เป็นตัวเลือกที่ดี
- การสังเกตรอบเดือนของตนเองเป็นประจำช่วยให้เข้าใจรอบการตกไข่ได้ดีขึ้น
- หากประจำเดือนมาไม่ปกติหรือล่าช้าหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความแน่ใจ
คำถามจากผู้ใช้บริการ HDmall
ปจด.ไม่มาตามปกติ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ (ไม่ได้ป้องกันปล่อยนอก) ได้สักประมาณ10วันแล้วค่ะ กังวลค่ะว่าจะพลาดคะ ?
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่ง/หลั่งนอก แต่ถ้ามีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
เบื้องต้นเเนะนำตรวจการตั้งครรภ์ครับ ถ้ามีประวัติเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกันก็มีโอกาสท้องครับ เเนะนำตรวจการตั้งครรภ์ครับถ้าประจำเดือนขาด
โดยทั่วไปก็จะถือว่าตรวจพบว่าท้องได้ เมื่อประจำเดือนขาดครับ
ถ้าจำประจำเดือนแม่น รู้รอบประจำเดือนตัวเองดี ก็จะง่ายครับ เช่น ถ้าเมนส์มาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปกติมาตรง 30 วัน ถ้า 3 มีนาคม เมนส์ไม่มา ก็สามารถตรวจได้ครับ
แต่ถ้าจำไม่ได้ว่าเดือนก่อนเมนส์มาวันไหน แนะนำว่าให้ตรวจถ้าเมนส์ไม่มาหลังจากมีเพศสัมพันธ์ กันไปแล้ว 2 สัปดาห์ เพราะว่าถ้าจะท้องได้ ก็คือต้องไข่ตกช่วงที่มีเพศสัมพันธ์กันพอดี ถ้านอกเหนือไปจากนั้น โอกาสท้องก็น้อยครับ
ถ้าตรวจแล้วผลว่าไม่ท้อง แต่ยังสงสัย แนะนำให้รอ เพราะบางครั้งค่าของฮอร์โมนอาจจะยังไม่มากพอที่จะให้ผล positive ถ้ารอแล้วเมนส์ยังไม่มา อีกซักสัปดาห์ค่อยตรวจซ้ำ ไม่ควรรีบไปกินพวกยาขับเลือด-ยาสตรี เพรา
ถ้าเกิดท้องขึ้นมาแล้วจริงๆ ยาพวกนี้อาจจะมีผลต่อเด็กได้ครับ
- ชุดตรวจมีหลากหลายครับ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง ให้ดูตามคำเเนะนำในกล่องน่าจะดีที่สุดแต่โดยทั้วไปก็คือให้ปัสสาวะใส่ภาชนะ จุ่มที่ทดสอบลงไประยะเวลาหนึ่ง เอาขึ้นมาตั้ง รอเวลา แล้วจึงอ่านผล
- วิธีการเก็บปัสสาวะตรวจก็มีผลต่อการแปลผลมาก
ผลจะแม่นที่สุดควรจะต้องเป็นปัสสาวะครั้งแรกตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนมาเพราะจะเป็นปัสสาวะที่เข้มข้น ถ้ามี hCG อยู่ก็จะตรวจพบได้ง่ายกว่า - ชุดตรวจส่วนใหญ่จะแสดงผลเป็นขีดๆ โดยขีดแรกเป็นเส้น control จะต้องขึ้นเสมอไม่ว่าจะท้องหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นแปลว่าที่ตรวจนั้นเสีย ส่วนขีดที่สองถึงจะเป็นตัวบอกว่ามี hCG อยู่
ดังนั้น สองขีดคือท้อง
ขีดเดียวคือไม่ท้อง ถ้าไม่มีซักขีดคือชุดตรวจเสียครับ
ถ้าไม่ท้อง ก็เว้นสักสัปดาห์ ค่อยตรวจซ้ำครับ ถ้าไม่ท้องจริงๆ เเล้วประจำเดือนยังไม่มาให้ไปพบสูตินรีเเพทย์ครับเพื่อตรวจหาสาเหตุอื่นที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาครับ
ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์
บทความที่เกี่ยวข้อง
- เช็กลิสต์วิธีคุมกำเนิดผู้หญิง ทำได้กี่วิธี แบบไหนใช่ที่สุด
- เมื่อเลือกใช้วิธีการคุมกำเนิด ควรเลือกวิธีที่สะดวกและใช้ง่าย
- 14 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการคุมกำเนิดหญิง การทำหมันหญิง
คำถามสุขภาพที่พบบ่อย