ต่อมน้ำเหลือง มีบทบาทสำคัญในความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองบวมมักเกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส รักษาได้โดยพบแพทย์ และมักมีหลายคำถามหลังการรักษา
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ห้ามกินอะไร
เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ต้องดูแลร่างกายอย่างไรบ้างคะ เช่น อาหารต้องห้าม กิจกรรมไม่ควรทำ ออกกำลังกาย ว่ายน้ำได้ไหมคะ? ขอบคุณค่ะ ?
สำหรับต่อมน้ำเหลืองอักเสบ สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ กินยาฆ่าเชื้อให้ครบตามที่แพทย์สั่งพอครับ ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือ กินอะไรเพิ่มเป็นพิเศษครับ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเพียงแค่กินยาฆ่าเชื้อให้ครบและต่อเนื่องครับ
ตอบโดย นพ. ปวริศ ยืนยง
เมื่อมีต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ก็ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองอักเสบไปก่อน ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดมากขึ้นได้ครับ ถ้าหากเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ได้มีการกระทบกระเทือนกับบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองอักเสบก็สามารถทำได้ครับ
ส่วนอาหารนั้นไม่ได้มีอาหารที่ห้ามรับประทานเป็นพิเศษครับ
ตอบโดย นพ. กันตณัฏฐ์ อยู่ตรีรักษ์
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เป็นโรคติดต่อไหม
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ เป็นโรคติดต่อไหมค่ะ แล้วถ้าติดต่อ สามารถติดต่อทางได้บ้างค่ะ ?
อาการต่อมน้ำเหลืองโต /อักเสบ มีทั้งที่ติดต่อ และไม่ติดต่อ ขึ้นกับสาเหตุค่ะ ซึ่งมีสาเหตุได้ดังนี้ค่ะ
1. การอักเสบติดเชื้อของต่อมน้ำเหลือง อาจมีอาการกดเจ็บ บางคนอาจมีไข้ได้ กรณีนี้ พบได้บ่อยที่สุด กรณีนี้มักไม่ติดต่อค่ะ
2. การติดเชื้อที่อื่นที่ส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้นโต เช่น ฟันผุ หูอักเสบ ต่อมน้ำลายอักเสบ คอติดเชื้อ เป็นต้นค่ะ
การติดเชื้อบริเวณใบหน้าและลำคอ สามารถส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองโตได้หมดค่ะ โดยคนไข้อาจไม่มีอาการอย่างอื่นเลยก็ได้ เนื่องจากโดยทั่วไป หากสุขภาพแข็งแรง เมื่อกำจัดเชื้อนัั้นๆไปได้ ต้อมน้ำเหลืองก็จะยุบเองค่ะ
กรณีนี้ การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน คออักเสบ สาทารถติดต่อได้ ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตและอักเสบได้ค่ะ
3. เนื้องอก อันนี้อย่าเพิงกังวลไปนะคะ เนื่องจากอาจมีทั้งเนื้องอกเนื้อดี และเนื้อร้าย และอาการทักเป็นเรื้อรัง เนื้องอกเนื้อดี พบบ่อยที่สุด ค่ะ เช่น อาจจะไม่ใช่ก้อนของต่อมน้ำเหลืองก็ได้ เป็นก้อนของไขมันก็ได้ ซึ่ง ก้อนไขมัน มีลักษณะหยุ่นๆ เคลื่อนไหวได้ ไม่เจ็บ ไม่โต ก็เป็นก้อนมี่ไม่อันตรายค่ะหรือก้อนของต่อมน้ำเหลือง แต่ไม่ใช่เนื้อร้าย วิธีพิสูจน์คือ ต้องนำชิ้นเนื้อไปตรวจค่ะ หรือ ตรวจลือด หรือ อาศัยการตรวจติดตามโดยการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ต่อไปค่ะ
กรณีเนื้องอก ไม่ติดต่อค่ะ
ตอบโดย พญ. พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์
บทความที่เกี่ยวข้อง
คำถามสุขภาพที่พบบ่อย