ใส่ถุงยางอนามัย ไม่รั่ว มีโอกาสท้องไหม ?

ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง หากใช้อย่างถูกต้องสามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้เกือบ 98% แต่หากเกิดการใช้งานผิดพลาด เช่น ถุงยางรั่วหรือแตก โอกาสตั้งครรภ์ก็ยังคงมีได้ จึงควรใส่ใจทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และสังเกตถุงยางอนามัยที่ใช้อยู่เสมอ

ใส่ถุงยาง หลั่งในถุงยาง มีโอกาสท้องไหม ?

การใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องสามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้ถึง 98% แต่ยังมีโอกาสเล็กน้อยที่อาจเกิดข้อผิดพลาด เช่น ถุงยางรั่ว แตก หรือหลุดขณะใช้งาน ซึ่งอาจทำให้อสุจิเข้าสู่ช่องคลอดได้ ดังนั้น การใช้อย่างระมัดระวังและตรวจสอบความสมบูรณ์ของถุงยางทุกครั้งเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ถุงยางไม่รั่ว ไม่แตก มีโอกาสท้องไหม ?

ถุงยางอนามัยที่ใช้อย่างถูกวิธีและไม่มีการรั่วซึม มีโอกาสป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 98% หากถุงยางไม่รั่ว ไม่แตก และใช้อย่างถูกต้องตั้งแต่ต้นจนจบของการมีเพศสัมพันธ์ โอกาสตั้งครรภ์แทบจะไม่มีเลย

อย่างไรก็ตาม โอกาสตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี เช่น

  • ถุงยางหมดอายุ
  • มีการเก็บถุงยางในที่ร้อนหรือเปียกชื้นจนวัสดุเสื่อมคุณภาพ
  • ไม่มีการใช้ฟัน เล็บ หรือฉีกถุงยางจากซองก่อนสวมใส่ จนมีรูรั่ว
  • มีการใช้ถุงยางผิดวิธี เช่น ไม่สวมจนสุด หรือถอดระหว่างเพศสัมพันธ์

ดังนั้น จึงตรวจสอบถุงยางก่อนและหลังใช้งาน รวมถึงการใช้อย่างถูกวิธี จะช่วยลดโอกาสท้องได้ค่อนข้างแน่นอน

ทำไมใส่ถุงยางถึงป้องกันการตั้งท้องไม่ได้ถึง 100% ?

การใส่ถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% เพราะยังมีปัจจัยบางอย่างที่อาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการใช้งาน เช่น

  1. ถุงยางรั่วหรือแตก ถุงยางอนามัยอาจรั่วหรือแตกได้ หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เช่น ใช้เล็บขูด ทำตกหล่น หรือใช้ถุงยางที่หมดอายุ
  2. ถุงยางหลุดขณะใช้งาน หากถุงยางหลุดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อสุจิอาจเล็ดลอดเข้าสู่ช่องคลอดได้
  3. การใช้งานผิดวิธี เช่น การใส่ถุงยางกลับด้านแล้วพลิกกลับมาใช้ใหม่ การไม่บีบปลายถุงยางเพื่อไล่อากาศ หรือใส่ถุงยางไม่แนบสนิทกับอวัยวะเพศ
  4. การเลือกถุงยางที่ไม่เหมาะสม หากเลือกถุงยางที่ขนาดไม่พอดีกับอวัยวะเพศ อาจทำให้เกิดการรั่วซึมหรือหลุดได้ง่าย
  5. การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม ถุงยางที่เก็บในที่ร้อนหรือโดนแสงแดดอาจเสื่อมสภาพ ทำให้ความทนทานลดลง

แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่การใช้ถุงยางอย่างถูกต้องและตรวจสอบความสมบูรณ์ก่อนใช้งาน สามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก

ใส่ถุงยางโอกาสพลาด 2% เพราะอะไร ?

ตัวเลขเฉลี่ยมาจากสถิติจากการทดลอง ซึ่งมีโอกาสพลาด 2% จากความผิดพลาดในกลุ่มผู้ร่วมทดลอง เช่น ผู้ร่วมเก็บสถิติ 100 คน มี 2 คนที่เกิดข้อผิดพลาดจากถุงยางหรือใช้ผิดวิธี

สำหรับคนใช้ถุงยางอนามัยทุกวันเป็นประจำ มีโอกาสที่จะใช้ผิดวิธี หรือประมาทจากความเคยชิน ทำให้เป็นข้อผิดพลาดได้

ดังนั้น หากใช้ถุงยางอย่างถูกต้อง ไม่มีปัญหาถุงรั่ว ถุงแตก ไม่ใช้ผิดวิธี โอกาสตั้งท้องระหว่างสวมถุงยางแทบเป็นศูนย์ ยกเว้นพลาดจากปัญหาบางอย่างที่ไม่ทันสังเกต

คำถามจากผู้ใช้บริการ HDmall

หนูมีอะไรกับแฟนค่ะ ใส่ถุงยางอนามัย แฟนเช็คถุงยางตลอดว่ารั่วหรือไม่รั่ว แต่ก็ปกติทุกรอบ แต่รอบแรกแฟนไม่ใส่ถุง แต่ทำไม่เสร็จนะคะ เอาออกมาก่อน หนูก็เลยกินยาคุมฉุกเฉินกันเอาไว้ จะไม่มีผลอะไรใช่ไหมคะ? แล้วก็มีอีกครั้งหนึ่งที่หนูกำลังเอาถุงยางออก มีน้ำมันหยดลงมาอยู่ข้างๆ น้อง แต่ความรู้สึกหนูคือหนูปัดทันนะคะ คือว่าเช็ดออกทัน แต่หยดแค่เม็ดเดียว แต่ถ้าสมมุติหนูปัดออกไปได้แค่ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งมันไหลเข้าไป มีโอกาสท้องไหมคะ หรือว่าไม่ เพราะว่าหนูก็เช็คโดยการใช้ทิชชู่เช็ดอีกทีค่ะ ?

ทำความเข้าใจก่อนนะครับ

  1. น้ำอสุจิหยดข้างๆ อวัยวะเพศ ไม่ทำให้ท้องครับ
  2. การที่ไม่ใส่ถุงยาง มีโอกาสท้องครับ

เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชั่วโมงแรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชั่วโมง ประมาณ 75% ถ้าเกิน 72 ชั่วโมงแต่ยังไม่เกิน 120 ชั่วโมง จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 60% สรุปคือ ยิ่งรับประทานช้า ยิ่งมีโอกาสท้องมากขึ้นครับ

หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังรับประทาน ซึ่งมักไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจมากระปริบกระปรอยหรือไม่มีก็ได้ ไม่ได้บอกว่าท้องหรือไม่ท้อง) ส่วนประจำเดือนจริงๆ จะมาใกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ แต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่าปกติได้ 1-3 สัปดาห์ ดังนั้น หากเกิน 3 สัปดาห์จากวันที่ประจำเดือนควรจะมา ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ ควรตรวจการตั้งครรภ์

หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์เร็วที่สุด ควรตรวจหลังมีเพศสัมพันธ์ 2 สัปดาห์ครับ ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆ มา หากมีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องแล้ว แนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ

ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์

ถ้าเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว ?

ในกรณีที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้วก็จะคาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ ในกรณีนี้ถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆ หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูเมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ เพื่อให้ได้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์โดยมีการสอดใส่แบบไม่ป้องกัน แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ และการมีอสุจิล้นออกมาภายนอกถุงยางอนามัยระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์อยู่ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ในกรณีนี้จึงเหมาะสมที่จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ และหลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ 75-85%

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลเสียในระยะยาว แจ่อาจมีผลข้างเคียงหลังรับประทานไปได้เล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น มีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอด เป็นต้น

ตอบโดย นพ. กันตณัฏฐ์ อยู่ตรีรักษ์

มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง แฟนเสร็จแต่เราไม่เสร็จ พอมาดูตรงน้องสาวของเรามีน้ำขาวๆ ขุ่นๆ น้ำของใครคะ น้ำอสุจิสามารถไหลออกจากถุงยางออกมาข้างนอกได้ไหมคะ กินยาคุมฉุกเฉินไปค่ะ จริงๆประจำเดือนต้องมาวันที่ 13 แต่กินยาคุมไปวันที่ 11 ?

หากถุงยางอนามัยไม่แตก ไม่รั่ว น้ำอสุจิหรือน้ำหล่อลื่นของฝ่ายชาย จะไม่สามารถออกมานอกถุงได้ค่ะ น้ำสีขาวขุ่นที่พบ อาจเป็นน้ำหล่อลื่นของฝ่ายหญิงได้เช่นกัน แต่ต้องมั่นใจว่าถุงยางไม่รั่วนะคะ การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 95%

การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจทำให้เกิดภาวะข้างเคียงได้คือประจำเดือนคลาดเคลื่อน หรือเลื่อนออกไปได้ค่ะประมาณ 1-2 สัปดาห์ค่ะ บางคนอาจพบมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ค่ะ หากประจำเดือนขาดไปเกิน 2 สัปดาห์ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ดูค่ะ

ตอบโดย พญ. สุพิชชา แสงทองพราว

น้ำสีขาวที่ออกมาจากช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์นั้นอาจเกิดได้จาก 2 สาเหตุ คือ

  • เป็นน้ำอสุจิที่ออกมาจากการที่ถุงยางอนามัยมีการแตกรั่ว
  • เป็นตกขาวที่ออกมาจากการที่ถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนเพศที่หลั่งออกมาขณะที่มีเพศสัมพันธ์

ส่วนการรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาที่ประจำเดือนใกล้จะมานั้นอาจทำให้ประจำเดือนเลื่อนห่างออกไปได้เนื่องจากในตัวยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นมีปริมาณฮอร์โมนที่สูงกว่าในยาคุมทั่วไป

ในตอนนี้หมอแนะนำให้รอประจำเดือนต่อไปก่อนครับ ถ้าหากผ่านไปเกินกว่า 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ครับ

ในกรณีที่ได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วของถุงยางอนามัย น้ำสีขาวที่อยู่นอกถุงยางอนามัยก็อาจเป็นน้ำหล่อลื่นหรือตกขาวของผู้หญิงได้ครับ และถ้าหากว่าได้ใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องแล้วโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ก็จะมีเพียง2% ครับ

ตอบโดย นพ. กันตณัฏฐ์ อยู่ตรีรักษ์

ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแต่ใส่ถุงยางแล้วแตกในพอเสร็จแล้ว ผมนำถุงยางไปกรอกน้ำไม่แตกไม่รั่ว แฟนผมจะท้องไหมครับ แล้วแฟนไม่ได้กินยาคุมด้วยผมกังวลมากครับ กลัวแฟนท้องเพราะผมกำลังเรียนอยู่ คุณหมอช่วยตอบผมที ?

ถ้ามีการใส่ถุงยางถูกต้องและเหมาะสม หากไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด มีโอกาสน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ

จริง ๆ แล้ว ถ้าไม่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอด ก็ไม่มีการตั้งครรภ์แน่นอน แต่จากที่มีการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด ชี้ว่าไม่มีวิธีใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แม้จะใช้ได้ถูกต้องสมบูรณ์แบบ

ในกรณีของถุงยางอนามัย กรณีที่ใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 2% แต่ถือว่าน้อย และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มค่ะ

ตอบโดย ภกญ. จินตนา แสงโพธิ์

ถ้าเช็คแล้วถุงยางไม่แตกไม่รั่วก็ไม่น่าจะตั้งครรภ์ แต่การใช้ถุงยางไม่สามารถคุมได้ 100% เช่นเดียวกับการคุมด้วยวิธีอื่น อาจจะมีในกรณีเช่น ตอนแตกใน น้ำอสุจิทะลักล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว หรือมีรูรั่วเล็กมากๆ ที่ไม่ได้สังเกต เป็นต้นค่ะ

ตอบโดย พญ. นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์


บทความที่เกี่ยวข้อง

คำถามสุขภาพที่พบบ่อย

Scroll to Top