การครอบแก้วเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาของแพทย์แผนจีนที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อมากเท่ากับการฝังเข็ม แต่รู้ไหมว่า ประโยชน์ของครอบแก้วมีมากมาย ไม่ว่าจะช่วยรักษาโรค แก้อาการผิดปกติต่างๆ แม้แต่ในเรื่องความงาม การบำรุงผิวพรรณ การรักษาสิว ลดความอ้วน การครอบแก้วก็สามารถให้ผลได้เช่นกัน
สารบัญ
รู้จักการครอบแก้ว
การครอบแก้ว (Cupping Therpy) เป็นศาสตร์การรักษาของแพทย์แผนจีนที่มีมายาวนานกว่า 2,000 ปี เช่นเดียวกับการฝังเข็ม เพียงแต่หลักการทำงานของครอบแก้วคือ การใช้ความร้อนเพื่อทำให้ภายในกระปุกแก้วเกิดภาวะสุญญากาศ แล้วจึงครอบแก้วที่มีความร้อนนั้นลงไปบนผิวหนังส่วนที่ต้องการ หรือวางตามแนวเส้นลมปราณตามหลักแพทย์แผนจีน
แรงดูดจากสุญญากาศนอกจากจะดูดผิวหนังส่วนนั้นๆ สูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีการไหลเวียนโลหิตของผิวหนังบริเวณนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก และหลอดเลือดฝอยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เดิมทีชาวจีนใช้ “เขาสัตว์” หรือ “กระบอกไม้ไผ่แก่” หรือ “กระปุกดินเหนียว กระปุกเซรามิก” ที่มีความกลวงเป็นอุปกรณ์หลักในการครอบ ก่อนจะมีประดิษฐ์แก้วขึ้นมาใช้ได้สำเร็จ และเริ่มนิยมใช้กระปุกแก้วในการครอบรักษามากขึ้นจนกระทั่งปัจจุบัน
การครอบแก้วมีกี่ประเภท?
โดยปกติผู้บริการจะวางแก้วไว้เป็นเวลาหลายนาที อาจมีการเคลื่อนถ้วยไปมาและใช้การนวดประกอบด้วย ขั้นตอนส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน มีจุดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ทำให้การครอบแก้วแบ่งได้หลักๆ 2 ประเภท ดังนี้
- การครอบแก้วแบบแห้ง ผู้ให้บริการจะทำให้ภายในแก้วเกิดความร้อน ส่วนใหญ่จะใช้ก้อนสำลีชุ่มแอลกอฮอล์และจุดไฟ ความร้อนจะทำให้ออกซิเจนออกจากถ้วยจนถ้วยเกิดแรงดูด หรือบางสถานที่ให้บริการจะใช้แก้วครอบลงไปบนผิวหนังก่อน จากนั้นใช้อุปกรณ์ดูดอากาศจากภายในทีหลัง
- การครอบแก้วแบบเปียก ผู้ให้บริการจะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะบริเวณผิวก่อนครอบแก้ว หรือบางครั้งก็อาจเจาะหลังจากครอบแก้ว เพื่อให้พิษระบายออกจากร่างกายผ่านรูขนาดเล็กที่เจาะ
วัสดุที่ใช้ในการครอบแก้วมีอะไรบ้าง?
แก้วที่ใช้ในการครอบแก้ว สามารถใช้ได้หลายวัสดุขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ให้บริการ ดังนี้
- แก้ว
- ถ้วยพลาสติก
- เซรามิก
- ไม้ไผ่
- เหล็ก
- ซิลิโคน
อย่างไรก็ตาม การครอบแก้วที่พบเห็นได้บ่อยมักเป็นวัสดุแก้วเป็นหลัก
ครอบแก้วตำแหน่งไหนได้บ้าง
ครอบแก้วสามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกายที่มีอาการผิดปกติ และสามารถวางครอบแก้วขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-5 เซนติเมตร ได้ เช่น หน้าอก หน้าท้อง แผ่นหลัง ท่อนแขน ท่อนขา
ขั้นตอนการครอบแก้ว
- แพทย์จะใช้ศาสตร์แพทย์แผนจีนตรวจ หรือวินิจฉัยอาการเพื่อหาสาเหตุ
- ใช้สำลีมาชุบแอลกอฮอล์แล้วจุดไฟใส่เข้าในถ้วยแก้วที่เตรียมไว้เพื่อให้ถ้วยแก้วเกิดระบบสุญญากาศ แล้วนำถ้วยแก้วที่มีความร้อนไปวางคว่ำยังตำแหน่งต่างๆ ที่มีอาการผิดปกติ (บางแห่งอาจมีการใช้น้ำมันสมุนไพรทาผิวก่อนเริ่มการครอบแก้วเพื่อให้เคลื่อนแก้วได้ง่ายขึ้น)
- แรงดูดสุญญากาศภายในครอบแก้วจะดูดผิวหนังและกล้ามเนื้อของผู้บำบัดขึ้นจนผิวหนังบริเวรนั้นเริ่มเปลี่ยนสีไปจากเดิม
- การครอบแก้วแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 5-15 นาที แล้วจึงนำครอบแก้วออก
- บางกรณีจะมีการกรีดผิวหนังเป็นรอยเล็กๆ เพื่อระบายเลือดออก ซึ่งเรียกว่า “ครอบแก้วแบบเปียก” จากนั้นแพทย์จะทายาและปิดผ้าพันแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค ซึ่งขั้นตอยการครอบแก้วแบบเปียกจะใช้เวลาเพียง 2-3 นาที เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าการครอบแก้วแบบปกติ ซึ่งเรียกว่า “ครอบแก้วแบบแห้ง” มาก
ครอบแก้วรักษาอะไรได้บ้าง?
หลังครอบแก้วที่มีความร้อนลงบนผิวหนังส่วนที่ต้องการ หรือวางตามแนวเส้นลมปราณตามหลักแพทย์แผนจีน แรงดูดจากสุญญากาศนอกจากจะดูดผิวหนังส่วนนั้นๆ สูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และยังทำให้เกิดการไหลเวียนโลหิตของผิวหนังบริเวณนั้นอย่างมาก หลอดเลือดฝอยเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื้อเยื่อบริเวณนั้นจึงได้รับออกซิเจนจากเลือดมาหล่อเลี้ยงมากขึ้นไปด้วย
เมื่อเลือดหมุนเวียนได้ดี ออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงมากขึ้น จึงสามารถช่วยยืดกล้ามเนื้อและพังผืดที่ระดับผิวเป็นการลดความเจ็บปวดของโรคในกลุ่มเกี่ยวกับกล้ามเนื้อได้ อาการปวดเมื่อยต่างๆ กลไกนี้ยังทำให้ร่างกายสามารถขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะและอุจจาระได้
โรคและอาการผิดปกติที่แพทย์แผนจีน เชื่อว่า ครอบแก้วสามารถบำบัด รักษาได้ ได้แก่
- โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไซนัส
- โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหาร
- โรคระบบหมุนเวียนโลหิต เช่น ความดันโลหิตสูง
- โรคระบบประสาท เช่น โรคปวดศีรษะ ความเครียด ความวิตกกังวล นอนไม่หลับ
- โรคและปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น ฝี หนอง โรคผิวหนังอักเสบ
- โรคงูสวัด
- สิว
- แก้ปัญหาปวดท้องประจำเดือน
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก
ใครไม่ควรครอบแก้ว
ผู้ที่อยู่ในเงื่อนไขต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงการครอบแก้วหรือปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนใช้บริการครอบแก้ว
- ผู้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบเลือด เช่น Hemophilia
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของลิ่มเลือด หรือมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น กลาก สะเก็ดเงิน
- ผู้ที่มีอาการชัก หรือลมบ้าหมู
ผลข้างเคียงจากการครอบแก้ว มีอะไรบ้าง?
- ระหว่างครอบแก้วและเมื่อครอบเสร็จอาจเกิดอาการเจ็บปวดตำแหน่งที่ครอบแก้ว
- ระหว่างครอบแก้วอาจรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เหงื่ออกมากคล้ายจะเป็นลม
- ผิวบริเวณที่ครอบแก้วจะเกิดแผลไหม้ หรือรอยจ้ำสีม่วงๆ ขึ้น หรือรอยฟกช้ำ ในบางรายอาจมีเลือดออกได้
- รู้สึกไม่สบายตัวบริเวณที่ครอบแก้ว
- มีโอกาสติดเชื้อบริเวณที่ครอบแก้วได้ หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถบำบัดอาการเจ็บป่วยด้วยการครอบแก้วได้ เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ เด็ก ผู้ที่มีผิวหนังเป็นแผลเปิด กลุ่มตัวอย่างเหล่านี้ไม่ควรเข้ารับการครอบแก้วอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นจึงควรศึกษาวิธีการครอบแก้วให้ดีก่อนเข้ารับการบำบัด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
วงการแพทย์ในปัจจุบันยังมีความพยายามศึกษาถึงประโยชน์ของครอบแก้วในการบำบัดโรคและอาการเหล่านี้ แต่ยังไม่ปรากฎงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดถึงผลลัพธ์ของการครอบแก้ว