หน้าอกแม้จะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นผู้หญิงที่สำคัญ แต่บางคนกลับรู้สึกว่า หน้าอกเป็นส่วนเกินในชีวิต นอกจากจะไม่ต้องการเห็นแล้วก็ยังไม่ต้องการให้ใครเห็นด้วย ต้องพยายามปกปิดสารพัดวิธี
บางคนใช้ผ้ารัด หรือใส่เสื้อแบบพิเศษเพื่อปกปิดหน้าอกได้ก็พอใจแล้ว แต่บางคนก็ถึงขั้นเกลียดชังหน้าอกของตนเองอย่างมาก ถึงขั้นอยากผ่าตัดหน้าอกทิ้งไป หรือผ่าตัดเต้านมออกไปเลย ให้เหลือแต่หน้าอกที่แบนราบแบบผู้ชายแทน
อย่างไรก็ตาม การจะตัดหน้าอกทิ้งไป หรือผ่าตัดหน้าอกออก ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ หรืออยู่ๆ อยากจะผ่าก็ผ่าได้เลย เนื่องจากเป็นการผ่าตัดสำคัญจะต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างประกอบกัน
สารบัญ
ผ่าตัดหน้าอก แปลงเพศหญิงเป็นชายคืออะไร?
การผ่าตัดหน้าอก หรือผ่าตัดเต้านมออกในการแปลงเพศหญิงเป็นชายคือ กระบวนการผ่าตัดเนื้อเต้านมและตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินของหน้าอกออกให้มากที่สุด เพื่อให้หน้าอกแบนราบ พร้อมทั้งย้ายตำแหน่งของหัวนมและปานนมใหม่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
แต่สิ่งสำคัญในการผ่าตัดหน้าอกคือ การพยายามรักษาเส้นประสาทรับรู้ความรู้สึกที่หัวนมและเส้นประสาทพิเศษข้างเต้านมให้คงอยู่มากที่สุด และมีแผลเป็นเกิดขึ้นน้อยที่สุด
บางรายยังอาจต้องการปรับลดขนาดของหัวนมและปานนมให้มีลักษณะเช่นเดียวกับเพศชายด้วย เนื่องจากลักษณะของปานนมผู้หญิงตามธรรมชาติจะค่อนข้างกลม ส่วนปานนมผู้ชายจะค่อนข้างเรียวยาวมากกว่านั่นเอง
ส่วนขนาดของหัวนมก็เป็นสิ่งที่ต้องสอดคล้องกับขนาดของปานนมด้วย หากหัวนมใหญ่เกินไปก็อาจต้องตัดแต่งออกเพื่อความสวยงาม ซึ่งในเรื่องนี้ผู้เข้ารับบริการอาจเลือกมาผ่าตัดตกแต่งภายหลังได้
ใครสามารถผ่าตัดหน้าอก แปลงเพศหญิงเป็นชายได้บ้าง?
อย่างไรก็ตาม การจะตัดหน้าอกทิ้งไป หรือผ่าตัดหน้าอกออก เพื่อแปลงเพศหญิงเป็นชาย ไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ หรืออยู่ๆ จะไปทำก็ทำได้ เพราะจะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้
- ผ่านการประเมินสภาพจิตใจจากจิตแพทย์ก่อนว่า มีภาวะ “Gender dysphoria (GD)” หรือ เป็นผู้ที่ไม่มีความสุขกับสรีระทางเพศแต่กำเนิดอย่างรุนแรงจริง เมื่อตัดสินใจจะผ่าตัดต้องได้รับการประเมินจิตใจจากจิตแพทย์อีกครั้ง (ต้องไม่ใช่จิตแพทย์คนเดิม) ว่า พร้อมที่จะได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจริง
- อายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือหากมีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง 20 ปี ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร
- เคยทดลองใช้ชีวิตในแบบเพศตรงข้ามมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี
- ตัดสินใจแน่นอนว่า ต้องการผ่าตัดเอาหน้าอกออก
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- ไม่มีภาวะทางจิตเวช
ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องการมีหน้าอกแล้วจริงๆ และมีสุขภาพกายใจแข็งแรง การผ่าตัดจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด และมีภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด
นอกจากนี้ในบางสถานพยาบาล หากศัลยแพทย์ตรวจประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เข้ารับบริการด้วยว่า “มีความพร้อม และไม่มีภาวะเสี่ยงใดๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง”
ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการเข้ารับการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกได้ในคราวเดียวกัน หากผู้เข้ารับบริการมีความต้องการและมีความพร้อมในเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะหากทำได้จะช่วยลดขั้นตอนในการผ่าตัดแปลงเพศลงไปได้อีกขั้น
ปัจจัยที่มีผลต่อวิธีผ่าตัดหน้าอก แปลงเพศหญิงเป็นชาย มีอะไรบ้าง?
การผ่าตัดหน้าอก หรือการผ่าตัดเต้านมออกนั้นมีหลายวิธีหลายเทคนิค แต่การจะเลือกใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้
- ขนาดของหน้าอก
- ความหย่อนคล้อยของหน้าอก
- ความยืดหยุ่นของผิวหนังแต่ละคน
ศัลยแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมและแจ้งผู้เข้ารับบริการถึงผลลัพธ์ที่ตามมาของแต่ละวิธี โอกาสที่จะเกิดแผลเป็นว่า มีมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม พบว่า ผู้มีหน้าอกขนาดเล็กจะมีข้อได้เปรียบกว่าผู้มีหน้าอกขนาดใหญ่ ดังนี้
- ระยะเวลาการผ่าตัดที่น้อยกว่า
- จำนวนครั้งในการผ่าตัดน้อยกว่า โดยทั่วไปผ่าตัดเพียงครั้งเดียวหน้าอกก็แบนราบแล้ว แต่หากมีเนื้อเต้านมและเนื้อส่วนเกินมาก อาจจำเป็นต้องผ่าตัดครั้งที่ 2 หรือมีการดูดไขมันออกร่วมด้วย
- หน้าอกจะแบนราบมากกว่าและเร็วกว่า
- ฟื้นตัวได้เร็วกว่า
- มีแผลเป็นน้อยกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่า จะมีขนาดหน้าอกอย่างไร หลังผ่าตัดทุกคนต้องดูแลบาดแผล ปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัดเช่นกัน เพื่อให้บาดแผลไม่อักเสบ ติดเชื้อ และร่างกายฟื้นตัวได้ไว
การผ่าตัดหน้าอก แปลงเพศหญิงเป็นชายมีกี่วิธี?
การผ่าตัดหน้าอก หรือการผ่าตัดเต้านมออก มีวิธีที่นิยมดังนี้
วิธีที่ 1 วิธีผ่าตัดเต้านมแผลรูปตัวยู (U)
เหมาะกับผู้ที่หน้าอกขนาดเล็ก หรือประมาณคัพเอ (A) ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลที่ปานนมเป็นรูปตัวยู และเลาะเนื้อเต้านมออกให้หมด เหลือแต่ผิวหนังเต้านมเท่านั้น ก่อนจะเย็บปานนมปิดดังเดิม
ข้อควรรู้
- ใช้เวลาผ่าตัดน้อยประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่าย
- พักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 2 วัน เมื่อครบ 7 วันจึงมาตัดไหมตามนัด
- วิธีนี้มีแผลเป็นน้อยมาก ส่วนเส้นประสาทบริเวณหัวนมและเส้นประสาทพิเศษข้างเต้านม ไม่ถูกทำลาย และยังคงอยู่ในสภาพเดิม การรับรู้ความรู้สึกคงเดิม
วิธีที่ 2 วิธีผ่าตัดเต้านมแผลรูปตัวโอ (O)
เหมาะกับผู้ที่หน้าอกขนาดปานกลาง หรือค่อนข้างใหญ่ ประมาณคัพบี (B) หรือคัพซี (C) ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี มีเนื้อหน้าอกมาก ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลที่ปานนมเป็นรูปตัวโอ เพื่อให้สามารถเลาะเนื้อเต้านมออกให้หมด เหลือแต่ผิวหนังเต้านมเท่านั้น
จากนั้นศัลยแพทย์จะตัดผิวหนังส่วนเกินบริเวณปานนมและเต้านมออก ก่อนจะรวบทั้งหมดเข้าหากันและเย็บปานนมปิดดังเดิม
ข้อควรรู้
- ใช้เวลาผ่าตัดน้อยประมาณ 1.5-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่าย
- พักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-4 วัน เมื่อครบ 7 วันจึงมาตัดไหมตามนัด
- มีแผลเป็นมากกว่าวิธีผ่าตัดแผลรูปตัวยู ส่วนเส้นประสาทบริเวณหัวนมและเส้นประสาทพิเศษข้างเต้านมอาจถูกทำลายในบางส่วน ทำให้การรับรู้ความรู้สึกลดลง
วิธีที่ 3 วิธีผ่าตัดเต้านมแผลรูปตัวที (T)
เหมาะกับผู้ที่หน้าอกขนาดใหญ่หรือคัพซี (C) มีเนื้อหน้าอกมาก ผิวหนังหย่อนคล้อย ศัลยแพทย์จะวาดตำแหน่งเต้านม ปานนม หัวนมตามที่ต้องการ
จากนั้นจึงผ่าตัดเปิดแผลที่ปานนมเป็นรูปตัวโอแล้วพักเก็บไว้ชั่วคราว เพื่อให้สามารถเลาะเนื้อเต้านมออกให้หมด ตัดผิวหนังส่วนเกินบริเวณปานนมและเต้านมออก ดึงผิวหนังเต้านมให้เรียบโดยซ่อนแผลเป็นไว้ใต้รักแร้ เย็บแผลในลักษณะตัวที จากนั้นจึงเย็บปานนมปิดดังเดิม
ข้อควรรู้
- ใช้เวลาผ่าตัดน้อยประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความยากง่าย
- พักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 3-4 วัน เมื่อครบ 7 วันจึงมาตัดไหมตามนัด
- มีแผลเป็นมากกว่าวิธีผ่าตัดแผลรูปตัวยู ส่วนเส้นประสาทบริเวณหัวนมและเส้นประสาทพิเศษข้างเต้านมอาจถูกทำลายในบางส่วน ทำให้การรับรู้ความรู้สึกลดลง หรือในบางรายอาจสูญเสียความรู้สึกไปทั้งหมด
หลังจากผ่าตัดเอาหน้าอกแล้ว ผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้บาดแผลหายไว ร่างกายฟื้นตัวได้ดี หากผู้เข้ารับบริการมีความประสงค์เข้าสู่กระบวนการแปลงเพศขั้นต่อไป มีคำแนะนำว่า ต้องเว้นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน
ระยะเวลาดังกล่าวนอกจากจะให้ร่างกายฟื้นตัวจากการผ่าตัด บาดแผลหายดี และกลับมาแข็งแรงอีกครั้งแล้ว ระหว่างนี้ผู้เข้าบริการยังอาจมีเวลาคิดทบทวนว่า จะเข้ารับการผ่าตัดกระบวนการต่อไปเลยไหม หรือจะเว้นระยะไปก่อน