กราโนล่า คืออะไร ลดความอ้วนได้จริงหรือไม่ สูตรลดความอ้วนด้วยกราโนล่า

กระแสของผู้ที่รักสุขภาพในยุคนี้คงไม่พ้นกับการออกกำลังกายด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งการรับประทานอาหารคลีนเพื่อสุขภาพที่ดีโดยที่น้ำหนักตัวไม่ขึ้นอีกด้วย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น และหนึ่งในอาหารคลีนที่ว่านี้ก็คือการรับประทานอาหารกราโนล่านั่นเอง

มีคำถามเกี่ยวกับ กราโนล่า? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

กราโนล่าคืออะไร

กราโนล่า (Granola) เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมมาจากชาวตะวันตก ซึ่งมักจะรับประทานเป็นอาหารเช้าหรือขนมทานเล่นระหว่างวัน โดยมีความเชื่อว่าเป็นอาหารที่กินแล้วไม่อ้วนและสามารถลดน้ำหนักได้ อีกทั้งยังได้รับสารอาหารต่างๆ แบบครบครัน ให้พลังงานสูง

กราโนล่าประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ต น้ำผึ้ง ถั่ว และธัญพืชต่างๆ ที่สามารถใส่ได้ตามใจชอบ เช่น ผลไม้แห้ง ลูกเกด ถั่ว วอลนัท หรืออัลมอนด์ หากคนระหว่างอบกราโนล่าจะไม่ติดกันเป็นแท่ง จะเหมาะกับการรับประทานเป็นอาหารเช้า แต่ถ้าอัดให้ติดกันเป็นแท่งก็จะเหมาะกับการทานเล่นเป็นขนม โดยสามารถนำมารับประทานกับโยเกิร์ต น้ำผึ้ง นม หรือซีเรียลก็อร่อยเข้ากันมาก นอกจากนี้ยังเหมาะกับการแต่งหน้าขนมอีกด้วย

กราโนล่าลดความอ้วนได้จริงหรือไม่

กราโนล่าจะลดความอ้วนได้หรือไม่นั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานกราโนล่าที่มีคุณสมบัติดังนี้

มีคำถามเกี่ยวกับ กราโนล่า? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • ปริมาณน้ำผึ้งหรือน้ำตาลที่ใส่ หากพบว่ามีน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมหวานมากๆ แบบนี้ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานในปริมาณที่ไม่มากนัก เพราะจะทำให้น้ำหนักขึ้นได้อย่างแน่นอน
  • มีปริมาณแคลอรีสูงมาก กราโนล่าที่ดีควรมีปริมาณที่พอเหมาะคือ 400 แคลอรีต่อ 1/2 ถ้วยเท่านั้น ดังนั้นจึงควรรับประทานแค่เพียง 1/2 ถ้วย ก็เพียงพอแก่ความต้องการแล้ว
  • ควรรับประทานกราโนล่าให้น้อยกว่าปริมาณซีเรียล หรือรับประทานเพียง ¼ ถ้วยก็พอ โดยเพิ่มผลไม้สดที่มีรสไม่หวาน แต่มีไฟเบอร์สูงอย่างเช่นบลูเบอรี่ลงไปด้วยก็จะยิ่งดีมาก
  • เลือกยี่ห้อกราโนล่าที่มีส่วนผสมประเภทผลไม้หลากชนิดในปริมาณมาก เพื่อที่เราจะได้รับไขมันไม่สูงมากนัก อีกทั้งไม่ควรเลือกกราโนล่าที่ทำมาจากน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันไฮโดรเจน โดยก่อนซื้อให้เลือกดูได้ที่ฉลากข้างภาชนะบรรจุ

กราโนล่าที่ดีต่อสุขภาพจริงๆ จะต้องทำด้วยน้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เท่านั้น เพราะให้ไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันดีที่จะช่วยบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล

ถ้าเรารับประทานกราโนล่าที่มีไขมันอิ่มตัวมากๆ นอกจากจะมีระดับไขมันในเลือดสูงแล้ว ยังส่งผลให้น้ำหนักตัวขึ้นง่ายอีกด้วย

สูตรลดความอ้วนและวิธีทำกราโนล่าด้วยตัวเอง

การทำกราโนล่าด้วยตนเองควรเน้นน้ำมันที่ให้ไขมันชนิดดีและใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง รวมทั้งเกลือในปริมาณที่ไม่มากนัก เพราะจะเป็นส่วนที่ทำให้อ้วนได้ง่าย

  • เตรียมข้าวโอ๊ต 3 ถ้วย เมล็ดฟักทอง วอลนัท แฟล็กซี้ด งา น้ำตาล และเกลือ โดยมีส่วนผสมต่างๆ พอประมาณในอัตราส่วนอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ แต่น้ำตาลไม่ควรเกิน 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่นเล็กน้อย 1/4 ช้อนชาก็พอ ผสมคลุกเคล้าทั้งหมดให้เข้ากัน
  • เตรียมทำน้ำเชื่อมที่ใช้คลุกด้วยน้ำอุ่นและน้ำผึ้งอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันรำข้าว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ กลิ่นวานิลลา เล็กน้อย เมื่อผสมกันแล้วเติมรสตามใจชอบ จากนั้นก็นำไปราดบนส่วนผสมที่ข้อ 1 คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
  • นำไปอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที เมื่อสุกแล้วให้ใส่ธัญพืชต่างๆ ได้เลย เช่น ลูกเกด อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง พรุน หรือผลไม้สดที่ไม่หวานก็ได้

เราจะเห็นได้ว่ากราโนล่าจะช่วยลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักได้หรือไม่นั้น อยู่ที่การเลือกกราโนล่าที่มีน้ำตาลน้อย และมีไขมันชนิดดีสูง อีกทั้งควรรับประทานกราโนล่าที่ใส่ผลไม้มากๆ และรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าจะให้ดีควรใช้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย พร้อมควบคุมอาหารมื้อหลักอื่นๆ จึงจะได้สารอาหารครบถ้วน ทั้งไม่อ้วนแถมยังมีสุขภาพดีอีกด้วย


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจเบาหวาน

มีคำถามเกี่ยวกับ กราโนล่า? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ