การฉีดวิตามินเป็นการเติมสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยกระตุ้นสารเคมีและสารสื่อประสาทที่ทำงานผิดปกติจากภาวะความเครียดให้กลับมาทำงานอย่างสมดุล รวมถึงปรับการทำงานของเซลล์ในร่างกาย ตอบเน้นๆ ฉีดวิตามิน ทางสายน้ำเกลือ ปลอดภัยไหม ผิวสวยได้จริงหรือเปล่า? มาดูกันเลย
สารบัญ
- 1. ฉีดวิตามิน, ดริปวิตามิน, IV Drip, ให้วิตามินทางหลอดเลือด เหมือนกันหรือไม่?
- 2. การฉีดวิตามินหรือการทำ IV Drip ปลอดภัยไหม?
- 3. จะตรวจวิตามิน ต้องมีการตรวจก่อนไหม ทำอะไรบ้าง?
- 4. การควบคุมการให้วิตามินเพื่อความปลอดภัย
- 5. กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน กินวิตามินแคปซูล ทาครีม ฉีดวิตามิน ได้รับวิตามินเท่ากันหรือไม่?
- 6. การฉีดวิตามินเพื่อผิวขาว ได้ผลจริงหรือ ต้องฉีดกี่ครั้ง ครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน?
- 7. ผลข้างเคียงของการฉีดวิตามิน มีอะไรบ้าง?
- ขั้นตอนการฉีดวิตามิน
1. ฉีดวิตามิน, ดริปวิตามิน, IV Drip, ให้วิตามินทางหลอดเลือด เหมือนกันหรือไม่?
เหมือนกัน ทั้งหมดหมายถึงการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ ซึ่ง “IV” ใน IV Drip นั้นย่อมาจาก Intravenous ซึ่งแปลว่า ภายในเส้นเลือดดำ หรือภายในหลอดเลือดดำ นั่นเอง
2. การฉีดวิตามินหรือการทำ IV Drip ปลอดภัยไหม?
การฉีดวิตามินหรือทำ IV Drip จะปลอดภัยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การซักประวัติ ตรวจร่างกายก่อนให้วิตามิน การเลือกชนิดหรือสูตรวิตามิน ซึ่งจะนำมาใช้ได้นั้นต้องผ่านการรับรองโดย อย. เสียก่อน รวมถึงต้องมีการประเมินปริมาณวิตามินที่ควรให้ในแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม
3. จะตรวจวิตามิน ต้องมีการตรวจก่อนไหม ทำอะไรบ้าง?
ก่อนจะให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ คุณหมอจะซักประวัติผู้รับบริการก่อน เพื่อดูว่ามีการแพ้ยา แพ้อาหาร แพ้สารใดหรือไม่ รวมถึงเพื่อประเมินว่าปัญหาที่ผู้ต้องการรับวิตามินมีนั้นเหมาะกับวิตามินที่จะให้ไหม
4. การควบคุมการให้วิตามินเพื่อความปลอดภัย
นอกจากจะมีการซักประวัติเบื้องต้นโดยแพทย์ ก่อนทำการให้วิตามิน อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น ในขั้นตอนการให้วิตามินก็ยังต้องมีการควบคุม โดยผู้ให้วิตามินอาจเป็นพยาบาล ซึ่งมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ของสภาการพยาบาล
5. กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามิน กินวิตามินแคปซูล ทาครีม ฉีดวิตามิน ได้รับวิตามินเท่ากันหรือไม่?
การรับวิตามินด้วยการรับวิตามินทางหลอดเลือด การรับประทานอาหารเสริม การทาครีม แตกต่างกันในเรื่องการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
การรับประทานอาหารสด ไม่ผ่านการสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือเนื้อสัตว์ เป็นแนวทางรับวิตามินที่ดีที่สุด แต่การจะได้รับวิตามินในปริมาณที่เพียงพอก็อาจต้องรับประทานอาหารปริมาณมาก หรือบางคนอาจมีพฤติกรรมเลือกกิน ทำให้ได้รับวิตามินไม่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น วิตามินรูปแบบแคปซูล จึงถูกผลิตขึ้นเพื่อแก้ปัญหานี้
การฉีดวิตามิน หรือ ให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ หรือ IV Drip นั้น ก็เป็นอีกทางเลือกเพื่อให้รับวิตามินเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และเนื่องจากร่างกายดูดซึมได้ทันที ซึ่งทำให้เห็นผลค่อนข้างเร็วกว่ารับวิตามินด้วยวิธีอื่น
เนื่องจากการฉีดวิตามินส่วนมากเน้นประการทา เป็นผิวมากๆ อยู่แค่ผิวหนังชั้นบนเอง แต่ถ้าเทียบกับไม่ทา ก็ยังจะดีกว่า
6. การฉีดวิตามินเพื่อผิวขาว ได้ผลจริงหรือ ต้องฉีดกี่ครั้ง ครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน?
ปกติให้ฉีดวิตามินห่างกันสัปดาห์ละครั้ง โดยครั้งแรกจะยังไม่ค่อยเห็นผล จะเห็นประมาณครั้งที่ 2 แต่ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังจากรับวิตามินด้วย เช่น ต้องระวังเรื่องการออกแดด การรับประทานผัก-ผลไม้ที่มีประโยชน์อื่นๆ
ถ้าไม่ดูแล ผ่านไปประมาณ 1 เดือนผิวอาจกลับมาหมองอีก อย่างไรก็ตาม การที่ผิวจะหมองลงเร็วหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับผิวเดิมของแต่ละคนด้วย
การทำวิตามินดริปแล้วพอไม่ทำผิวก็หมองลง เป็นเรื่องปกติ เพราะพอผิวเราไม่ได้รับการบำรุง ดูแล แล้วไปเจอกับมลภาวะ อาหารที่มีอนุมูลอิสระ ผิวก็จะกลับไปสู่จุดเดิม
7. ผลข้างเคียงของการฉีดวิตามิน มีอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงจากการฉีดวิตามิน หรือทำวิตามินดริปที่แย่สุดคือทำให้เกิดการแพ้ ซึ่งก็เหมือนกับการแพ้ยาหรือแพ้อาหาร ที่ไม่สามารถคาดเดาหรือป้องกันได้ แต่เมื่อเป็นแล้วรีบพบแพทย์ แพทย์จะสามารถรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นได้
ผู้รับการฉีดวิตามินต้องคอยสังเกตอาการของตัวเองหลังจากฉีดวิตามินด้วย เช่น อาจจะมีอาการแพ้ทางผิวหนัง หายใจไม่ออก อย่างไรก็ตาม กรณีเหล่านี้พบได้ไม่บ่อย
ที่พบได้บ่อยกว่า แต่ไม่ได้ร้ายแรง คือ วิตามินบางตัว ฉีดไปแล้วก็จะมีอาการมึนๆ นิดหน่อยได้บ้าง ในบางคน
ขั้นตอนการฉีดวิตามิน
ขั้นตอนการฉีดวิตามินอย่างละเอียด มีดังนี้
- เข้าปรึกษาคุณหมอ บอกความต้องการ คุณหมอจะซักประวัติเพื่อดูเรื่องอาการแพ้ จะได้จัดเตรียมวิตามินและให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่ผู้เข้ารับการฉีดวิตามิน
- คุณหมอจะให้พยาบาลเตรียมวิตามิน โดยนำวิตามินผสมน้ำเกลือนอร์มอลซาไลน์ 100 มิลลิลิตร
- ผู้ทำการฉีดวิตามินจะเปิดเส้นของผู้รับวิตามินด้วย Sterline Technique แล้ว ใช้วิธีการหยดวิตามิน หรือที่เรียกว่า ดริป (drip) ไม่ใช่ผลัก (push) เข้าเส้น ทำให้วิตามินค่อยๆ ถูกดูดซึมสู่ร่างกายผู้รับวิตามินอย่างช้าๆ การหยดหรือดริปมีข้อดีคือ หากผู้รับวิตามินมีอาการแพ้ ก็จะสังเกตเห็นและหยุดให้วิตามินให้ทัน (ส่วนการผลักหรือพุช นอกจากทำให้วิตามินเข้าเส้นเร็วเกินไป ยังอาจทำให้เกิดอาการแสบเส้นได้ด้วย) ซึ่งจะมีการให้ข้อมูลผู้รับวิตามินไว้ก่อนว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง เช่น อาจรู้สึกมึนๆ ปกติแล้วการให้วิตามินจะอยู่ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที
- หยุดให้วิตามิน จากนั้นให้ผู้รับวิตามินนั่งพัก จนกว่าจะรู้สึกสดชื่นดีแล้ว จึงค่อยให้กลับ
โดยสรุปแล้ว การฉีดวิตามิน ให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ หรือ Vitamin Drip จะให้ผลดีหรือไม่ ปลอดภัยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสูตรวิตามิน ความชำนาญของผู้ให้บริการ และภาวะร่างกายของแต่ละคนที่จะรับวิตามินด้วย
เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจฉีดวิตามิน
ที่มาของข้อมูล
- Healthline, Can You Overdose on Vitamins? (https://www.healthline.com/nutrition/can-you-overdose-on-vitamins)