สิวหิน เป็นปัญหาที่อาจก่อให้เกิดความรำคาญใจ ความกังวลใจ จนอาจถึงขั้นขาดความมั่นใจได้ เพราะบริเวณที่มีสิวหินจะไม่เรียบเนียนและเป็นตุ่มนูน
สำหรับการรักษาใช้วิธีการกดสิว การใช้ความเย็นจากไนโตรเจนเหลว จี้ทำลายสิวหิน หรือการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า ซึ่งวิธีเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน และผิวอาจไม่เรียบเนียน หรือมีรอยแผลเป็น หลายคนจึงเริ่มหันมาสนใจการรักษาสิวหินด้วยเลเซอร์แทน ที่ทั้งแม่นยำ รวดเร็ว ไร้รอยแผล และมีความปลอดภัยสูง
สารบัญ
สิวหินคืออะไร?
สิวหิน (Syringoma) เป็นเนื้องอกแบบหนึ่ง ที่ถือได้ว่าเป็นโรคทางผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดจากความผิดปกติภายในต่อมเหงื่อที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอุดตันและขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นเนื้องอก ซึ่งมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเนื้อตันที่แข็งเหมือนหิน มีทั้งสีเหลือง สีเนื้อ สีน้ำตาลหรือสีอมชมพู โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ประมาณ 1-4 มิลลิเมตร
ทั้งนี้ สิวหินเป็นเนื้องอกที่จะไม่กลายเนื้อร้าย อีกทั้งไม่มีอาการเจ็บ ปวด หรือคันเกิดขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถหายเองได้ตามธรรมชาติตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป แต่สำหรับบางคนอาจใช้ระยะเวลานานถึง 10 ปี ซึ่งจะพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงชาวเอเชีย และจะพบในช่วงอายุตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยหนุ่มสาว
เลเซอร์สิวหินคืออะไร?
เลเซอร์สิวหิน เป็นการกำจัดสิวหินโดยใช้เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (Co2 Laser) ที่ให้ความร้อนสูง โดยใช้แสงเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร มีความแม่นยำสูง ทำให้สามารถเลือกตำแหน่งในการยิงเลเซอร์ได้ตามที่ต้องการและกำจัดสิวหินได้อย่างรวดเร็ว โดยความร้อนจะไม่ลงลึกไปถึงชั้นใต้ผิวหนัง อีกทั้งจะไม่สร้างความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณข้างเคียง ไม่มีเลือดออก มีแค่สะเก็ดแผลขนาดเล็กที่เกิดขึ้นเท่านั้น จึงถือได้ว่าเป็นวิธีรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยสูง
เลเซอร์สิวหินบริเวณไหนได้บ้าง?
การเลเซอร์สิวหินสามารถทำได้เกือบทุกพื้นที่ทั่วร่างกาย โดยทั่วไปแล้วมักเป็นบริเวณต่อไปนี้
- เปลือกตาบน และล่าง
- แก้ม และโหนกแก้ม
- กราม
- ลำคอ
- หลังใบหู
- หน้าอก
- หน้าท้อง
- รักแร้
- แขน
เลเซอร์สิวหินเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีสิวหินบนร่างกายส่วนที่มองเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะใบหน้า ลำคอ หรือ หน้าอก
- ผู้ที่มีสิวหินขนาดใหญ่กว่า 3 มิลลิเมตร และก่อให้เกิดความรำคาญเมื่อสัมผัส
- ผู้ที่มีสิวหิน และรู้สึกขาดความมั่นใจ
การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์สิวหิน
เบื้องต้นควรปรึกษาแพทย์ และทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยการเตรียมตัวที่แพทย์แนะนำอาจมีดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง เพราะยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงต่อการรักษาด้วยเลเซอร์
- หลีกเลี่ยงการทดลองเครื่องสำอางที่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกลุ่ม Hydroxy Acids กลุ่ม Benzoyl Peroxide และ กลุ่ม Retinol เพราะอาจทำให้มีสภาพผิวหนังบอบบางและอักเสบได้ ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- งดยากลุ่มละลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin Warfarin Heparin เป็นต้น ก่อนการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเลือดออกและช้ำง่าย แต่ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาโรคประจําตัวด้วย
- หลีกเลี่ยงแสงแดดก่อนทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวหน้าต้องสัมผัสกับความร้อน เช่น การอบผิว การแช่น้ำพุร้อน หรือการอยู่หน้าเตาเป็นเวลานาน ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก่อนทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- งดขัดผิวก่อนทำเลเซอร์ ประมาณ 1-2 อาทิตย์ เพราะอาจทำให้สภาพผิวบอบบางกว่าเดิมได้
- งดยากลุ่มวิตามินหรือสมุนไพรต่างๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันเลือดออกง่ายและลดบวมช้ำ
- สวมเสื้อผ้าที่เป็นกระดุมหน้า ที่ใส่สบายและหลวม เพื่อจะได้ถอดใส่ง่าย ในวันที่มาทำเลเซอร์
- ทำความสะอาดร่างกาย และงดใช้เครื่องสำอางทุกชนิด ในวันที่มาทำเลเซอร์
ขั้นตอนการเลเซอร์สิวหิน
ในการทำเลเซอร์สิวหินนั้นจะใช้เวลาในการทำประมาณ 60-90 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนสิวหินว่ามีมากน้อยแค่ไหน โดยการเลเซอร์สิวหินมีขั้นตอนดังนี้
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้า เอาผ้ามาเก็บผม
- แพทย์ทายาชาบริเวณสิวหินก่อนประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
- แพทย์ฉีดยาชาบริเวณสิวหินร่วมด้วย เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บระหว่างยิงเลเซอร์
- แพทย์ยิงเลเซอร์ไปยังสิวหิน ลำแสงจากเลเซอร์จะไปกำจัดสิวหินให้หายไป โดยขั้นตอนการยิงเลเซอร์จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ระหว่างทำจะมีการเป่าลมเย็น เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวไหม้จากความร้อน
- เจ้าหน้าทายาหรือครีมลดการระคายเคืองของผิว และปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลเลเซอร์
- แพทย์ให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์
ทั้งนี้ ขั้นตอนการทำอาจแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสถานที่ให้บริการ
การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์สิวหิน
หลังจากการรักษาด้วยเลเซอร์สิวหินแล้ว สภาพผิวหน้าจะอ่อนแอและบอบบาง ทำให้ผิวสัมผัสแสงได้ไวมากกว่าเดิม จึงควรดูแลผิวตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งมีข้อควรปฏิบัติดังนี้
- ทายาตามที่แพทย์สั่ง
- งดล้างหน้าหรือระวังไม่ให้หน้าโดนน้ำหลังทำเลเซอร์ภายใน 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการแกะเกา หรือสัมผัสผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์จนกว่าแผลจะหาย
- งดใช้เครื่องสำอางทุกชนิดบริเวณที่ทำเลเซอร์จนกว่าแผลจะหาย
- ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนด้วยน้ำเกลือหลังทำเลเซอร์ 1 วัน เพื่อช่วยทำให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว และดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 1.5-2 ลิตร ในแต่ละวัน
- หลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกลุ่ม Hydroxy Acids กลุ่ม Benzoyl Peroxide และกลุ่ม Retinol ในช่วงหลังทำการเลเซอร์ไปก่อน ระยะเวลาตามที่แพทย์แนะนำ
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA++ ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน หลังจากแผลที่ทำเลเซอร์หายแล้ว
- ทาครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวแพ้ง่ายและเกิดการอุดตัน หลังจากแผลที่ทำเลเซอร์หายแล้ว
- พบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงเวลานัด
ผลข้างเคียงของการเลเซอร์สิวหิน
- หลังจากการทำเลเซอร์สิวหินแล้ว ผู้ที่รับบริการมักจะมีอาการข้างเคียงที่ไม่ค่อยรุนแรง เช่น ผิวหนังแดง บวม แสบ ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายไปเองในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง หรือภายใน 1 วัน
- จะเกิดแผลเล็กๆ บริเวณที่ยิงเลเซอร์ ซึ่งจะตกสะเก็ดอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และหลุดลอกออกไปเอง
- หลังจากแผลตกสะเก็ดหมดแล้ว บริเวณที่ยิงเลเซอร์จะเป็นหลุมมีเนื้อสีอมชมพู ซึ่งไม่ต้องวิตกกังวล เพราะเมื่อเวลาผ่านไปหลุมนี้จะตื้นขึ้นจนเนื้อผิวเต็มเป็นปกติภายในประมาณ 6 เดือน
- ในบางรายอาจได้รับผลข้างเคียงระยะยาว มีสภาพผิวที่เปลี่ยนไปจากเดิมเป็นสีเข้มขึ้นหรืออ่อนลง เนื่องจากผิวจะเกิดการสูญเสียน้ำหลังทำ จึงทำให้ไวต่อแสงมากขึ้น หากถูกแสงแดดจะเกิดการรอยคล้ำหรืออาจไหม้ได้ และจะทำให้แผลหายช้า เกิดการระคายเคือง ผิวจะแห้ง และอาจเกิดแผลเป็นได้
เลเซอร์สิวหินเจ็บไหม?
การทำเลเซอร์สิวหินนั้นไม่เจ็บเลย เพราะมีการทายาชาบริเวณสิวหินก่อนประมาณ 30-45 นาที และยังอาจมีการฉีดยาชาร่วมด้วย ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บระหว่างทำ
เลเซอร์สิวหินกี่ครั้งหาย?
โดยทั่วไปแล้วการเลเซอร์สิวหินสามารถเห็นผลได้ทันทีในครั้งเดียว ทำให้สิวหินหายไปได้ และไม่เกิดรอยแผลเป็น แต่ในกรณีที่มีสิวหินเป็นจำนวนมาก อาจมีการทำเลเซอร์มากกว่า 1 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
โดยสรุปแล้ว การเลเซอร์สิวหินเป็นการรักษาสิวหินที่มีประสิทธิภาพสูง แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อลดความเสี่ยงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้รับบริการต้องเลือกทำกับโรงพยาบาลหรือสถานสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐานเท่านั้น