ไขข้อสงสัย หลังแปลงเพศชายเป็นหญิง อวัยวะเพศเหมือนของจริงไหม? มีเพศสัมพันธ์ได้ไหม?​ มีความรู้สึกทางเพศไหม?

ด้วยความที่การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง (MTF sex reassignment surgery) แปลงน้องชายให้เป็นน้องสาว เป็นการสร้างอวัยวะเพศขึ้นมาใหม่ จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า อวัยวะเพศที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ เหมือนของจริงไหม? สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม? แล้วจะมีความรู้สึกทางเพศหรือเปล่า? เพื่อไขข้อสงสัย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง HDmall.co.th จึงได้รวบรวมคำถาม-คำตอบ ที่มักพบในการผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง มาไว้ที่นี่แล้ว

แปลงเพศชายเป็นหญิงแล้ว อวัยวะที่สร้างขึ้นใหม่เหมือนของจริงไหม?

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง แพทย์จะศัลยกรรมโครงสร้างและรูปร่างของอวัยวะเพศชายภายนอกให้เหมือนกับอวัยวะเพศหญิง โดยแต่ละส่วน จะถูกนำไปสร้างเป็นส่วนประกอบของอวัยวะเพศหญิงที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ปลายหัวขององคชาต จะถูกนำไปทำปุ่มรับความรู้สึก ทำให้ยังคงมีความรู้สึกทางเพศเหมือนเดิม
  • หนังหุ้มปลายองคชาต จะถูกนำไปทำแคมใน ทั้งนี้ในผู้ที่เคยขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จะทำให้แคมในสั้นลง และมีสีไม่เหมือนธรรมชาติ
  • ผิวหนังโคนองคชาตและผิวหนังถุงอัณฑะ จะถูกนำไปทำแคมนอก
  • หัวองคชาตและหนังท่อปัสสาวะ จะถูกนำไปทำท่อปัสสาวะและเนื้อเยื่อรอบๆ โดย​​แพทย์จะตัดท่อปัสสาวะให้สั้นลง แล้วตกแต่งให้สามารถปัสสาวะพุ่งลงเหมือนผู้หญิง
  • ผิวหนังองคชาต หรือผิวหนังถุงอัณฑะ จะถูกนำไปทำสร้างผนังช่องคลอด หากไม่เพียงพอ แพทย์จะนำเนื้อเยื่อบริเวณอื่นๆ มาเพิ่ม เช่น เนื้อเยื่อจากบริเวณต้นขา ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย หรือเนื้อเยื่อบุช่องท้อง ขึ้นอยู่กับเทคนิคการสร้างช่องคลอดเทียมที่เลือกทำ

ทำให้อวัยวะเพศภายนอกมีโครงสร้างและรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศหญิงของจริง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือและความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดด้วย

อย่างไรก็ตาม หากหลังจากผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดรู้สึกไม่พึงพอใจกับรูปร่างของอวัยวะเพศหญิงภายนอก เช่น แคมนอกมีขนาดไม่เท่ากัน ก็สามารถเข้ารับการผ่าตัดตกแต่งแคมหลังแปลงเพศในภายหลังได้

แปลงเพศชายเป็นหญิงแล้ว อวัยวะที่สร้างขึ้นใหม่มีความรู้สึกทางเพศไหม?

สำหรับใครที่กังวลว่า หลังผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงแล้ว จะไม่มีความรู้สึกทางเพศ ไม่ต้องกังวล เพราะแพทย์จะเก็บเส้นประสาทรับความรู้สึกทางเพศที่มาเลี้ยงตรงส่วนปลายขององคชาตไว้ แล้วนำไปทำเป็นปุ่มรับความรู้สึก หรือที่เรียกว่า “คลิตอริส (Clitoris)

นอกจากนี้ยังเก็บเส้นประสาทที่ผิวหนังตรงปลายอวัยวะเพศชายมาตกแต่งเป็นแคมเล็ก ทำให้บริเวณดังกล่าวไวต่อการสัมผัส ทั้งในเวลาที่จับต้อง หรือเสียดสี จึงทำให้ขณะมีเพศสัมพันธ์ก็ยังสามารถรับความรู้สึกทางเพศได้นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด เส้นประสาทจะยังคงบอบช้ำ ทำให้ไม่มีความรู้สึกทางเพศ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป เส้นประสาทจะค่อยๆ ฟื้นตัว แข็งแรง และกลับมามีความรู้สึกทางเพศเอง โดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป

แปลงเพศชายเป็นหญิงแล้ว อวัยวะที่สร้างขึ้นใหม่สามารถมีอะไรกันได้ไหม?

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง แปลงน้องชายให้เป็นน้องสาว แพทย์จะสร้างอวัยวะเพศภายนอกให้เหมือนผู้หญิง และสร้างช่องคลอดใหม่ จึงทำให้อวัยวะเพศที่สร้างขึ้นใหม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จริง

โดยความลึกของช่องคลอดจะขึ้นอยู่กับสรีระและโครงสร้างของกระดูกเชิงกรานในแต่ละบุคคล ซึ่งในคนเอเชียจะมีความลึกของช่องคลอดอยู่ที่ประมาณ 5-6 นิ้ว

อย่างไรก็ตาม จะต้องพักฟื้นและดูแลให้แผลหายสนิทดีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จะให้งดมีเพศสัมพันธ์หลังผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง อย่างน้อย 2-3 เดือน

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ แม้ว่า จะมีอวัยวะเพศภายนอกและภายในคล้ายกับผู้หญิง แต่อวัยวะเพศที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้น สร้างขึ้นมาจากผิวหนังองคชาตเดิม ทำให้ช่องคลอดไม่สามารถผลิตสารหล่อลื่นได้ ทำให้ภายในช่องคลอดและบริเวณปากช่องคลอดมักจะแห้ง

จึงจำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลถลอกจากการเสียดสี

การใช้สารหล่อลื่นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นั้น ยังรวมไปถึงผู้ที่สร้างช่องคลอดด้วยเนื้อเยื่อชนิดที่สามารถผลิตเยื่อเมือกได้ อย่างลำไส้ใหญ่ หรือผนังหน้าท้องด้วย

เพราะแม้ว่า ช่องคลอดจะผลิตเยื่อเมือก หรือสารหล่อลื่นตามธรรมชาติได้แล้ว แต่บริเวณปากช่องคลอดก็ยังสร้างขึ้นจากผิวหนังอวัยวะเพศชาย จึงทำให้ยังคงมีความแห้ง และเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลถลอกจากการเสียดสีได้อยู่ดี

แปลงเพศชายเป็นหญิง ต้องขยายช่องคลอด หรือ “แยงโม” ตลอดชีวิตจริงหรือไม่?

การขยายช่องคลอด หรือที่คนนิยมเรียกว่า “แยงโม” เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง ทั้งในผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง สร้างช่องคลอดเทียมด้วยเทคนิคใช้ผิวหนังองคชาตม้วนกลับ เทคนิคต่อกราฟ ต่อลำไส้ และเยื่อบุช่องท้อง

เพราะกระบวนการหายของบาดแผลจะทำให้เกิดการหดตัวของช่องคลอด การขยายช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาช่องคลอดตีบตันนั่นเอง

โดยแพทย์จะเตรียมแท่งขยายช่องคลอดที่มีความแข็งพอเหมาะ เริ่มจากขนาดเล็กไปใหญ่ ให้ผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิงทำการขยายช่องคลอดด้วยตนเอง

ตัวอย่างแนวทางการขยายช่องคลอด หรือแยงโม

  • ในช่วง 1 ปีแรก จะต้องขยายช่องคลอดทุกวัน วันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 30-60 นาที โดยค่อยๆ เพิ่มขนาดของแท่งขยายช่องคลอดตามที่แพทย์สั่ง
  • เมื่อครบ 1 ปีแล้ว สามารถขยายช่องคลอดสัปดาห์ละ 1 ครั้งได้ โดยใช้แท่งขยายช่องคลอดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

สามารถทำการขยายช่องคลอดเสริมได้ด้วยการใช้ซิลิโคนแบบนิ่มขณะนอนหลับ

หากไม่ทำการขยายช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ช่องคลอดค่อยๆ ตื้นขึ้น และตีบตันในที่สุด ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศใหม่ ด้วยเทคนิคต่อลำไส้ใหญ่ หรือใช้เยื่อบุผนังช่องท้องนั่นเอง

Scroll to Top