Misoprostol ประโยชน์ วิธีใช้ ข้อควรระวัง

ยา ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) เป็นยาในกลุ่มที่ใช้เพื่อให้เกิดการคลอด ใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร และใช้รักษาภาวะตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากการหดตัวของมดลูกน้อย การใช้ยาไมโซพรอสทอล อาจก่อให้เกิดการแท้งได้เนื่องจากการยาทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก ด้วยสาเหตุนี้เองจึงมีการนำยานี้ไปใช้ในการทำแท้งผิดกฎหมาย

สรรพคุณและประโยชน์ของยา Misoprostol

  • การยุติการตั้งครรภ์: ใช้ร่วมกับยา Mifepristone เพื่อใช้ในการยุติการตั้งครรภ์ในระยะแรก ทำให้มดลูกหดตัวและขับเนื้อเยื่อออกมา ซึ่งทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง
  • การรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้: ช้ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการใช้ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) โดยมันช่วยลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มการป้องกันเยื่อบุกระเพาะอาหารจากกรด
  • การป้องกันการคลอดก่อนกำหนด: ใช้ในการกระตุ้นการคลอดในบางกรณี เช่น เมื่อคุณแม่มีการตั้งครรภ์เกินกำหนด หรือในกรณีที่ต้องการกระตุ้นการคลอดก่อนเวลา
  • การรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติหลังคลอด: สามารถใช้ในการหยุดเลือดที่ออกมากผิดปกติหลังการคลอดหรือหลังจากการแท้งที่ไม่สมบูรณ์ โดยทำให้มดลูกหดตัวและช่วยหยุดเลือด
  • การใช้ในการทำแท้ง: สามารถใช้เพื่อทำให้มดลูกหดตัว และใช้ร่วมกับยา Mifepristone ในการทำแท้งทางการแพทย์ โดยมักจะใช้ในระยะตั้งครรภ์ที่ไม่เกิน 9 สัปดาห์

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Misoprostol

กลไกการออกฤทธิ์ของ ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ซึ่งเป็นทั้งยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อมดลูก และกลุ่มยาลดกรด ไมโซพรอสทอลเป็นอะนาลอกสังเคราะห์ของพรอสตาแกลนดินสังเคราะห์ ชนิดอี 1 (synthetic prostaglandin E1) ฤทธิ์ในการลดกรด

เนื่องมาจากไมโซพรอสทอลสามารถปกป้องชั้นเยื่อเมือกในกระเพาะจากการถูกทำลายโดยกรด โดยเข้าไปยับยั้งการกระตุ้นการหลั่งกรดในเวลากลางคืน ลดปริมาณกรดที่หลั่งในกระเพาะ และเพิ่มการสร้างไบคาร์บอเนต (bicarbonate) และการหลั่งเมือกเพื่อปกป้องกระเพาะอาหาร

ไมโซพรอสทอลยังเหนี่ยวนำการเกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบที่บริเวณมดลูก และการคลายตัวของกล้ามเนื้อบริเวณปากมดลูก การใช้ยาในสตรีมีครรภ์จึงอาจทำให้เกิดการแท้งได้

ข้อบ่งใช้ของยา Misoprostol

ข้อบ่งใช้สำหรับแผลในกระเพาะอาหารแผลในลำไส้

ยาในรูปแบบยารับประทาน: ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ 800 ไมโครกรัมต่อวัน แบ่งรับประทานสองถึงสี่ครั้ง เป็นเวลาอย่างน้อยสี่สัปดาห์ รับประทานต่อเนื่องแม้ว่าอาการจะดีขึ้น อาจใช้ยาต่อเนื่องได้ถึง 8 สัปดาห์

ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารจากการใช้ยากลุ่ม NSAID

ยาในรูปแบบยารับประทาน: ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ 200 ไมโครกรัม วันละสองถึงสี่ครั้ง หากไม่สามารถทนต่อยาได้ ให้ลดขนาดยาเหลือ 100 ไมโครกรัมวันละสี่ครั้ง

ข้อบ่งใช้สำหรับเหนี่ยวนำให้เกิดการคลอด

ยาในรูปแบบชนิดเม็ดสอดช่องคลอด: ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ยาสอดขนาด 200 ไมโครกรัม ให้นำยาสอดออกในเมื่ออยู่ในช่วงใกล้คลอด มีการหดรัดของช่องคลอดมากผิดปกติ ไม่สอดยาซ้ำถ้าหากยาหลุดออกจากช่องคลอด

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา Misoprostol

หากลืมรับประทานยาตามเวลาปกติที่รับประทาน ถ้าปกติรับประทาน 1 เม็ด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้จำนวน 1 เม็ดโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมรับประทาน

ในกรณีลืมรับประทานยาใกล้กับเวลารับประทานถัดไป ให้รับประทานยาในมื้อถัดไปในขนาด 1 เม็ด โดยข้ามยาในมื้อที่ลืมไปและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เม็ด

โทษและข้อควรระวังของการใช้ยา Misoprostol

  • ห้ามใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ รวมถึงยังไม่ได้รับการยืนยันผลการตั้งครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของมดลูก
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ได้รับยาเหนี่ยวนำให้เกิดการคลอด
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเกี่ยวข้องกับอาการท้องเสีย เช่น Irritable bowel syndrome
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ภาวะความดันโลหิตต่ำอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดส่วนปลาย
  • ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะขาดน้ำอาจก่อให้เกิดอันตรายเมื่อใช้ยา
  • ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคไระวังการใช้ยานี้ในสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา Misoprostol

  • อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เกิดผื่น มึนงง ปวดศีรษะ เพิ่มการหดรัดของช่องคลอด เลือดออกบริเวณช่องคลอดผิดปกติ
  • อาการอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นได้น้อย ได้แก่ ความดันโลหิตต่ำ
  • อาการอันไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ได้แก่ เกิดการช็อกจากการติดเชื้อ

ข้อมูลการใช้ยา ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร

สำหรับการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่ม category X คือ ไม่แนะนำให้ใช้ยาในสตรีมีครรภ์เนื่องจากตัวยาสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้ สำหรับสตรีให้นมบุตร ไม่แนะนำให้ให้นมบุตรระหว่างการรับประทานยา

แพทย์และเภสัชกรสามารถให้ข้อมูลการใช้ยาอย่างปลอดภัย ผู้ป่วยควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้แก่แพทย์หรือเภสัชกรเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยและลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการใช้ยา

Scroll to Top