Maca (มาคา)

มาคา (Maca) คือต้นไม้ที่โตในทางตอนกลางของประเทศเปรู ณ ที่ราบสูงแถบภูเขา Andes และถูกเพาะปลูกเป็นพืชผักประจำถิ่นเป็นเวลาอย่างน้อย 3000 ปีมาแล้ว มาคาเป็นพืชตระกูลเดียวกับหัวแรดิช และมีกลิ่นคล้าย butterscotch ซึ่งมีการนำรากของมาคาไปใช้ทำยากัน

สรรพคุณของ Maca

1. เพิ่มพลังงานและความอึด

  • มาคาช่วยเพิ่มพลังงานและลดอาการอ่อนเพลีย โดยเฉพาะในผู้ที่ออกกำลังกายหรือทำงานหนัก
  • ช่วยปรับสมดุลของร่างกายและเพิ่มความทนทานต่อความเครียด

2. ปรับสมดุลฮอร์โมน

  • มาคาช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนหรือผู้ที่มีปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล
  • อาจช่วยลดอาการร้อนวูบวาบและอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือน

3. เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

  • มาคามีสรรพคุณช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ (Libido) ในทั้งชายและหญิง
  • ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศและอาจช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยากในบางกรณี

4. บำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อ

  • มาคามีแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ
  • อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

5. ปรับอารมณ์และลดความเครียด

  • มาคาช่วยลดอาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า เนื่องจากมีสารอาหารที่ช่วยปรับสมดุลของระบบประสาท
  • ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น

6. เสริมภูมิคุ้มกัน

  • มาคามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันการอักเสบ
  • ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและโรคเรื้อรัง

7. บำรุงผิวพรรณ

  • มาคาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว
  • อาจช่วยลดรอยเหี่ยวย่นและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์

มาคาออกฤทธิ์อย่างไร?

รากของต้นมาคาประกอบด้วยเคมีมากมาย รวมไปถึงกรดไขมันและกรดอะมิโน อย่างไรก็ตามก็ยังคงขาดแคลนข้อมูลเกี่ยวกับสรรพคุณทั้งหมดของมาคา

การใช้และประสิทธิภาพของมาคา

ภาวะที่ยังคงขาดหลักฐานว่าใช้มาคารักษาได้หรือไม่

  • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่เกิดจากการใช้ยาต้านซึมเศร้า งานวิจัยกล่าวว่าการทานมาคาสองครั้งต่อวันนาน 12 สัปดาห์อาจเพิ่มความสามารถทางเพศในผู้หญิงที่กำลังใช้ยาต้านซึมเศร้าได้เล็กน้อย
  • ภาวะมีบุตรยากในชาย งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานผลิตภัณฑ์มาคา ทุกวันนาน 4 เดือนจะเพิ่มจำนวนอสุจิและน้ำเชื้อของผู้ชายสุขภาพดีได้แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามาคาสามารถเพิ่มโอกาสมีบุตรขึ้นหรือไม่
  • ภาวะหลังหมดประจำเดือน งานวิจัยกล่าวว่าการทานมาคา ทุกวันนาน 6 สัปดาห์สามารถควบคุมความดันโลหิตและอารมณ์ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้บ้าง อย่างภาวะซึมเศร้าและภาวะวิตกกังวล แต่ประโยชน์เหล่านี้ก็ยังคงนับว่าน้อยมากอยู่ดี
  • ความต้องการทางเพศ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานผลิตภัณฑ์มาคา ทุกวันนาน 12 สัปดาห์สามารถเพิ่มความต้องการทางเพศของผู้ชายสุขภาพดีได้
  • ภาวะโลหิตจาง
  • ลิวคีเมีย
  • กลุ่มอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง
  • บำรุงกำลังและความสามารถทางการกีฬา
  • เพิ่มความจำ
  • ภาวะซึมเศร้า
  • ภาวะฮอร์โมนหญิงไม่สมดุล
  • ปัญหาประจำเดือน
  • อาการจากวัยหมดประจำเดือน
  • กระดูกพรุน
  • มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • วัณโรค
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
  • HIV/AIDS
  • ภาวะสุขภาพอื่น 

จำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้มากขึ้นเพื่อให้ข้อมูลด้านประสิทธิผลของมาคาเพิ่มเติม

ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของมาคา

มาคาถูกจัดว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับผู้คนส่วนมากเมื่อบริโภคในปริมาณที่พบในอาหาร การบริโภคมาคาในปริมาณมากเป็นยาถูกจัดว่าอาจจะปลอดภัย (มากถึง 3 กรัมต่อวัน) เมื่อใช้นาน 4 เดือน และผู้คนส่วนมากก็สามารถใช้มาคาได้

คำเตือนและข้อควรระวังเป็นพิเศษ

  • สตรีมีครรภ์และแม่ที่ต้องให้นมบุตร: ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้มาคาในกลุ่มผู้หญิงที่ต้องให้นมบุตรกับผู้มีครรภ์ ดังนั้นคนในกลุ่มดังกล่าวควรเลี่ยงใช้พืชชนิดนี้เพื่อความปลอดภัย
  • ภาวะที่อ่อนไหวต่อฮอร์โมนอย่างมะเร็งเต้านมมะเร็งมดลูกมะเร็งรังไข่ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis), หรือเนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (uterine fibroids): สารสกัดจากมาคาอาจออกฤทธิ์เหมือนเอสโทรเจน หากคุณกำลังเป็นภาวะเหล่านี้ที่อาจจะมีอาการทรุดลงเมื่อต้องกับเอสโทรเจน ไม่ควรใช้สารสกัดจากมาคา

ปริมาณยาที่ใช้

ขนาดยาที่เหมาะสมสำหรับมาคานั้นจะขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เช่นอายุ, สุขภาพ, และภาวะสุขภาพอื่น ๆ ของผู้ใช้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาชี้ชัดปริมาณที่เหมาะสมของมาคา ดังนั้นต้องพึงจำไว้ว่าแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องปลอดภัยทุกครั้ง พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาและปรึกษากับเภสัชกร, แพทย์, หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพท่านอื่นก่อนใช้มาคาทุกครั้ง

มาคาเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลาย แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเริ่มใช้ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเสมอ

Scroll to Top