ผู้เลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่ต่างก็อยากให้สุนัขของตนมีสุขภาพแข็งแรง และอยู่กับเราได้นานๆ แต่การดูแลสุขภาพสุนัขไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องทางการแพทย์อย่างการป้องโรค การฉีดวัคซีน หรือการทำหมันเพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมถึงเรื่องใกล้ตัวอย่างการ “อาบน้ำสุนัข” ด้วย เพราะการดูแลผิวหนัง และขนของสุนัขให้สะอาด ปราศจากเห็บ หมัด และเชื้อโรค ก็มีส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตสุนัขดีขึ้นมากเช่นกัน
แต่สำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่แล้ว เรื่องธรรมดาๆ อย่างการอาบน้ำสุนัข ก็อาจสร้างความกังวลได้ว่าจะทำถูกวิธีหรือไม่ เป็นอันตรายกับสุนัขไหม ในบทความนี้ HDmall.co.th จึงรวบรวมข้อควรรู้ต่างๆ ในการอาบน้ำสุนัขสำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่มาฝากกัน
สารบัญ
ควรอาบน้ำสุนัขเมื่อไหร่?
โดยธรรมชาติของสุนัขแต่ละตัวจะมีกลิ่นเฉพาะซึ่งถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ โดยกลิ่นนี้จะถูกขับมาออกในบางบริเวณ เช่น อุ้งเท้า ซึ่งเป็นที่อยู่ของต่อมสร้างกลิ่น (Apocrine Gland) สามารถสร้างสารฟีโรโมน (Pheromones) และสารเคมีที่ใช้สื่อสารกับสุนัขตัวอื่น ซึ่งก็คือกลิ่นตัวของสุนัขแต่ละตัวนั่นเองนอกจากนี้ยังมีน้ำมันที่คอยหล่อเลี้ยงตามขน ทำให้ขนเป็นมันเงางามและนุ่มลื่น ดังนั้นหากเราอาบน้ำสุนัขบ่อยเกินไป จะส่งผลให้น้ำมันและกลิ่นเฉพาะตัวของสุนัขหายไป และมีส่วนทำให้การต้านทานเชื้อโรคลดลงไปด้วย ซึ่งเราจะสังเกตได้ว่า หลังจากอาบน้ำให้สุนัขแล้ว สุนัขจะชอบไปนอนเกลือกกลิ้งตามพื้นหญ้าพื้นดินเพื่อให้กลิ่นเฉพาะตัวตามธรรมชาติของมันกลับมาเหมือนเดิม
ควรอาบเมื่อสุนัขของเราเริ่มมีกลิ่นตัวแรงกว่าปกติ หรือเมื่อขนเริ่มสกปรกซึ่งเราสามารถพามันไปใช้บริการอาบน้ำที่ร้าน หรือจะอาบเองก็ได้ โดยจะอาบน้ำหรือจะเพียงเช็ดขนให้มันก็ได้ ตามที่เห็นสมควร
การเตรียมตัวก่อนอาบน้ำสุนัข
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า โดยธรรมชาติสุนัขไม่ได้อาบน้ำเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นการอาบน้ำสุนัขจึงต้องมีการเตรียมตัวและอุปกรณ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
- เลือกเวลาที่จะอาบน้ำให้เหมาะสม โดยเลือกวันที่อากาศอบอุ่นสบาย ไม่หนาวเย็น เพราะสุนัขอาจไม่สบายได้
- ควรเลือกสถานที่ที่ลมไม่โกรก เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขรู้สึกหนาวขณะอาบน้ำ
- เตรียมอุปกรณ์ให้ครบได้แก่ แปรงและหวีสำหรับแปรงขนก่อนอาบและหลังอาบ สำลีสำหรับอุดหูสุนัข ป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหู แชมพูสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ น้ำอุ่น ผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดตัวสุนัข ผ้าขนหนูผืนใหญ่สำหรับห่อตัวสุนัข และอาจใช้ไดร์เป่าขนเพื่อช่วยให้ขนสุนัขแห้งเร็วขึ้น
- นำอุปกรณ์ที่เตรียมไว้มาวางไว้บริเวณที่สะดวกในการหยิบใช้
- แปรงขนให้สุนัขก่อน เพื่อช่วยให้เส้นขนคลายตัวและ ไม่พันกัน ทำให้อาบน้ำได้สะอาดทั่วถึง
- อุดหูสุนัขด้วยสำลีก่อนอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูขณะอาบน้ำ
ขั้นตอนการอาบน้ำสุนัข
การอาบน้ำสุนัข ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มีขั้นตอนดังนี้
- ใช้ผ้าขนหนูที่เตรียมไว้ชุบน้ำและลูบที่ใบหน้าของสุนัขเพื่อไม่ให้น้ำเข้าตา หู และจมูก
- จากนั้นเริ่มฉีดน้ำโดยไล่จากขาขึ้นไปตามลำตัว
- เมื่อเปียกทั่วตัวแล้ว ให้ฟอกแชมพูสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ โดยบีบแชมพูใส่มือหรือฟองน้ำ หรือจะเป็นถุงมือผ้าก็ได้ ขยี้ให้เกิดฟอง แล้วถูลงบนตัวของสุนัขในลักษณะย้อนขน ทำให้ทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้าและใต้หาง ซึ่งจะเป็นบริเวณที่มีสิ่งสกปรกสะสมอยู่มากกว่าส่วนอื่น
- ขณะที่ฟอกแชมพู ให้นวดตัวสุนัขไปด้วยเบาๆ เพื่อทำให้สุนัขรู้สึกผ่อนคลายและทำให้เลือดไหลเวียนดี ซึ่งจะส่งผลช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นขนได้อีกด้วย
- ล้างฟองแชมพูออก โดยใช้การฉีดน้ำเบาๆ ตามผิวหนัง โดยเริ่มต้นจาก ลำตัว ขา และหางตามลำดับ จนฟองแชมพูออกหมด ส่วนใบหน้าควรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดอย่างระมัดระวังอย่าให้น้ำเข้าหู ตา จมูกสุนัขเด็ดขาด
- เมื่อล้างแชมพูออกหมดแล้ว นำสำลีที่อุดหูออก และค่อยๆ เช็ดตัวสุนัขด้วยผ้าขนหนูที่เตรียมไว้ นำผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อตัวสุนัขเพื่อให้ความอบอุ่น และใช้ผ้าขนหนูผืนเล็ก เช็ดให้ทั่วตัว
สำหรับเวลาที่ใช้ในการอาบน้ำสุนัข ไม่ควรเกิน 10 นาที เพื่อไม่ให้สุนัขรู้สึกหนาวและเหนื่อยเกินไป
ในกรณีใช้บริการที่ร้าน นอกจากบริการอาบน้ำแล้ว ยังมีบริการอื่นๆ อีก เช่น แปรงฟัน ทำความสะอาดหู ตัดเล็บ การตัดแต่งและออกแบบขน การทำสีขน เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติหลังอาบน้ำสุนัข
หากเรานำสุนัขไปใช้บริการตามที่ร้านที่มีมาตรฐานก็สามารถวางใจได้ว่าน้องหมาจะได้รับการดูแลอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน แต่หากเราทำเองควรจดจำข้อปฏิบัติดังนี้
- หลังอาบน้ำสุนัขแล้วควรเช็ดตัวสุนัขให้แห้งทันที
- เป่าขนโดยใช้ไดร์เป่าขนสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ หรือหากไม่มีก็สามารถใช้ไดร์เป่าผมทั่วไปได้และควรใช้ในระยะห่างประมาณ 1 ฟุต ไม่นำไดร์จ่อใกล้ผิวและขนของสุนัขมากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง ส่งผลให้เกิดอาการคันและอาจมีอาการขนร่วงตามมา โดยให้เริ่มเป่าตั้งแต่โคนจรดปลายเส้นขน เพื่อกำจัดความชื้นให้หมดไป และใช้หวีช่วยสางไม่ให้ขนพันกัน
- พลิกฝ่าเท้าสุนัขขึ้นมาทำความสะอาดอุ้งเท้า ไม่ปล่อยให้ชื้น เพราะจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อจนส่งผลให้เป็นโรคผิวหนังได้ ทั้งนี้ ไม่ควรใช้ไดร์เป่าขนบริเวณอุ้งเท้าสุนัข เพราะผิวหนังบริเวณนี้จะบางมากกว่าผิวหนังบนลำตัวจะทำให้สุนัขรู้สึกร้อนมาก จึงอาจเป็นอันตรายต่อสุนัขได้
- ใช้คอตตอนบัดเช็ดทำความสะอาดใบหูและรูหูอย่างเบามือ
อาบน้ำสุนัขตอนอายุเท่าไร?
สุนัขที่เริ่มอาบน้ำได้ ควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 2 เดือน เพราะสุนัขที่อายุน้อยกว่า 2 เดือนร่างกายยังไม่แข็งแรงและภูมิต้านทานโรคยังน้อยมาก จะทำให้สุนัขป่วยง่าย
ควรอาบน้ำสุนัขบ่อยแค่ไหน?
โดยทั่วไปเราควรอาบน้ำสุนัขเดือนละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว เพราะการอาบน้ำบ่อยเกินไปอาจทำให้สภาพผิวหนังและขนเปลี่ยนแปลงไป หรือเกิดปัญหาผิวหนังและขนแห้งหยาบ กลิ่นเฉพาะตัวหายไป ขณะที่ระยะเวลาอาบน้ำที่ห่างนานเกินไปก็ไม่ดีต่อสุขอนามัยของสุนัข เป็นการสะสมของเชื้อโรค ปรสิต และสิ่งสกปรกอื่นๆ
การเลือกแชมพูอาบน้ำสุนัข
ผิวหนังของสุนัขมีความบอบบางกว่าผิวมนุษย์ถึง 4 เท่า ดังนั้นเราจึงไม่ใช้แชมพูหรือสบู่ของคนเรามาอาบน้ำให้สุนัข แต่ควรเลือกใช้แชมพูสำหรับสุนัขโดยเฉพาะ ที่มีค่า Ph น้อยกว่าของคน
- สุนัขที่มีอายุน้อย ควรเลือกแชมพูที่มีค่า Ph ต่ำ โดยดูจากฉลาก หรือสังเกตที่มีคำว่า No More Tear ก็ได้ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดอาการระคายเคืองแก่สุนัขหากแชมพูเข้าตาเวลาอาบน้ำ
- สุนัขขนยาว ควรเลือกแชมพูที่มีส่วนผสมของคอนดิชั่นเนอร์บำรุงขน ทำให้ขนเงางาม นุ่มสลวย และควรเป็นแชมพูชนิดเหลว ไม่ควรใช้แบบก้อนเพราะการใช้สบู่แบบก้อนจะทำให้ขนไปติดหรือพันที่สบู่เวลาถู
- สุนัขขนสั้น จะสกปรกง่ายกว่าสุนัขขนยาว เนื่องจากสิ่งสกปรกและปรสิตสามารถเข้าถึงผิวหนังได้ง่ายกว่า ต่างจากสุนัขขนยาวที่มีขนคอยป้องกันไว้ก่อนจะถึงผิวหนังโดยตรง จึงควรเลือกแชมพูที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว
- สุนัขแพ้ง่าย หรือสุนัขทั่วไป ในปัจจุบันแชมพูแบบออร์แกนนิกสำหรับสุนัข เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากไม่มีสารปนเปื้อนและส่วนผสมของสารเคมี ทำให้ไม่เกิดอาการแพ้ ผื่นคันต่างๆ กับสุนัข และที่สำคัญไม่มีสารเคมีตกค้างที่ผิวหนังสุนัขอีกด้วย
ข้อควรระวังของการอาบน้ำสุนัข
ข้อควรระวังในการอาบน้ำสุนัขสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้
- ระหว่างอาบน้ำระวังอย่าให้น้ำ แชมพู เข้าหู ตา จมูก สุนัขเด็ดขาด โดยเฉพาะตาอาจทำให้เยื่อดวงตาอักเสบ
- ควรเลือกใช้แชมพูสำหรับสุนัขเท่านั้น และเลือกให้เหมาะกับวัยและความยาวของขนสุนัขด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
- ระหว่างอาบน้ำควรอาบต่อเนื่องจนเสร็จ หากหยุดพักจะทำให้สุนัขเข้าใจว่าอาบเสร็จแล้ว ทำให้สุนัขสลัดขน เกิดความสกปรกเลอะเทอะ หรืออาจจะวิ่งหนีไปก่อนจะอาบน้ำเสร็จ
- ระหว่างอาบน้ำไม่ควรใช้เล็บเกาไปที่ผิวหนังของสุนัข เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบติดเชื้อได้
- หลังอาบน้ำควรระวังอย่าละเลยจุดที่จะต้องเช็ดทำความสะอาดที่มักมองข้ามไป เช่น อุ้งเท้า โคนหาง รูหู ซึ่งหากไม่ได้ทำความสะอาดอย่างทั่วถึง ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้
อาบน้ำสุนัขขนสั้นขนยาวต่างกันไหม?
สุนัขขนยาวจะมีชั้นขนที่หนากว่า จึงต้องใส่ใจและพิถีพิถันมากกว่าสุนัขขนสั้น รวมถึงควรเลือกแชมพูที่ช่วยบำรุงขนด้วย
อาบน้ำสุนัขพันธุ์เล็กกับพันธุ์ใหญ่ต่างกันไหม
การอาบน้ำสุนัขพันธ์เล็กกับพันธ์ใหญ่นั้นมีวิธีการไม่แตกต่างกัน แต่การควบคุมสุนัขระหว่างอาบน้ำนั้นสุนัขพันธุ์ใหญ่อาจจะลำบากกว่าหากมีการดื้อดึงขัดขืนในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่ชินกับการอาบน้ำ ส่วนการพาไปอาบน้ำที่ร้านนั้นจะแตกต่างกันที่ราคาค่าบริการ โดยการคิดค่าบริการจะคิดจากน้ำหนักตัวของสุนัข ดังนั้นแน่นอนว่าสุนัขพันธุ์เล็กย่อมมีราคาค่าบริการที่ถูกกว่า
การอาบน้ำสุนัขอย่างถูกวิธี จะช่วยให้สุนัขสะอาด สุขภาพดี และปลอดภัย เจ้าของสุนัขจึงควรศึกษาและเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจขั้นตอนและข้อควรระวังต่างๆ ของการอาบน้ำสุนัข หรือเลือกที่จะใช้บริการร้านอาบน้ำสุนัขที่มีมีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ