ถึงแม้ “เม็ดกระ” จะเป็นปัญหาผิวเพียงจุดเล็กๆ แต่ด้วยปริมาณที่มักกระจายพื้นที่เป็นวงกว้างบนเนื้อผิว จึงทำให้ผู้ที่เผชิญปัญหาเม็ดกระมักอยากจะกำจัดจุดคล้ำนี้ออกไปให้พ้นจากผิว และหนึ่งในวิธีการที่นิยมทำกันก็คือ “การเลเซอร์ลบเลือนรอยกระ” หรือเรียกโดยทั่วไปสั้นๆ ว่า “เลเซอร์กระ” แล้วการเลเซอร์กระมีอยู่กี่วิธี แต่ละวิธีแตกต่างกันอย่างไร เจ็บหรือไม่ ก่อนและหลังยิงเลเซอร์ต้องดูแลตนเองยังไง
สารบัญ
กระคืออะไร?
กระ (Freckles) คือ ปัญหาจุดสีเข้มบนผิวหนังและมักกระจายจำนวนออกไปเป็นวงกว้าง มักมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือเป็นจุดที่มีสีเข้มกว่าเนื้อผิวปกติ
กระมีกี่ชนิด?
กระแบ่งออกได้ 4 ชนิดหลักๆ ได้แก่
- กระตื้น มักเป็นจุดสีน้ำตาลขนาดไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร พบได้บ่อยบนผิวหน้า มีขอบเขตการแพร่กระจายไม่ชัดเจน และมักมีสีเข้มขึ้นเมื่อผิวสัมผัสโดนแสงแดด ขณะเดียวกันก็จะสีอ่อนลงเมื่อผิวไม่ได้สัมผัสโดนแสงแดดนานๆ ด้วยเช่นกัน
- กระเนื้อ เป็นชนิดของกระที่เริ่มต้นจากเม็ดสีน้ำตาลเล็กๆ จากนั้นจะค่อยๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น มีสีเข้มขึ้นกว่าเดิมและนูนขึ้นจากผิวหนัง พบได้หลายบริเวณของร่างกาย เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า คอ ลำตัว รักแร้ แผ่นหลัง
- กระลึก มีสีน้ำตาลเข้มหรือเกือบสีดำ พบได้บ่อยที่ตำแหน่งโหนกแก้ม 2 ข้าง เป็นชนิดของกระที่รักษาได้ยากที่สุดเทียบกับกระชนิดอื่น เพราะมีกลไกการเกิดจากเซลล์เม็ดสีที่อยู่ลึกลงไป
- กระแดด เป็นกระที่มีขนาดจุดค่อนข้างใหญ่เป็นดวง มีสาเหตุหลักมาจากการสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานานและต่อเนื่อง รวมถึงพบได้บ่อยในผู้สูงอายุที่เซลล์ผิวหนังเริ่มเสื่อมสภาพ และผู้ที่ใช้ยาฮอร์โมนบางชนิดจนส่งผลข้างเคียงออกมาทางผิวหนัง
กระเกิดจากอะไร?
ปัญหาเม็ดกระเกิดจากการสะสมที่มากเกินไปของเม็ดสีเมลานิน จนทำให้เกิดเซลล์ผิวส่วนเกินที่มีสีเข้มเป็นจุดๆ ขึ้นที่ผิวหนัง โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ผิวหนังของเราเกิดเม็ดสีเมลานินมากเกินไปนั้น ได้แก่
- พันธุกรรมสีผิว เราจะเห็นได้ว่าชาวต่างชาติในประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกามีแนวโน้มจะมีเม็ดกระบนเนื้อผิวได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหากระก็พบได้ในคนเอเชียบางส่วนเช่นกัน
- ปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ปัญหาด้านฮอร์โมนไม่สมดุล หรือมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ฮอร์โมนเสริมในการรักษา ซึ่งก็มีส่วนเพิ่มโอกาสทำให้เกิดปัญหากระขึ้นในภายหลังได้
- อายุที่มากขึ้น เมื่อเราอายุมากขึ้นจนเข้าสู่วัยสูงอายุ เซลล์ผิวซึ่งควรจะผลัดเซลล์อย่างสม่ำเสมอก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ และมีความแปรปรวนในการผลิตเซลล์เม็ดสีใหม่ที่มีสีปกติ จึงเกิดเป็นกระที่มีสีเข็มกว่าสีผิวเดิมขึ้นมา
- การสัมผัสแสงแดด เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดเม็ดกระ รวมถึงปัญหาฝ้าหนาด้วย เพราะยิ่งผิวของเราสัมผัสแสงยูวีจากแดดมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นกลไกการตอบสนองของผิวที่มีต่อแสงแดด เพื่อไม่ให้ผิวเดิมดูดซึมรังสียูวีเข้ามามากเกินไป จึงเกิดเป็นเม็ดกระที่มีสีเข้มขึ้นกว่าผิวปกตินั่นเอง
เลเซอร์กระคืออะไร?
เลเซอร์กระ คือ วิธีลบเลือนรอยกระที่เห็นได้ชัดบนผิวให้จางลงผ่านการยิงพลังงานเลเซอร์ลงไปปรับสภาพเซลล์ผิว ส่วนมากมักเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่ใช้ควบคู่ไปกับการรักษาปัญหาฝ้าด้วย
เลเซอร์กระมีกี่แบบ?
นวัตกรรมเลเซอร์กระมีให้เลือกหลายแบบ หลายระดับราคา ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ของแต่ละสถานที่ให้บริการ เช่น
1. เลเซอร์ Fractional CO2 Laser
พลังงานเลเซอร์ที่มีตัวกลางสำหรับผลิตพลังงานเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) มีความยาวพลังงาน 10,600 นาโนเมตร มีคุณสมบัติกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่เสียหายหรือเสื่อมสภาพ สามารถรักษาปัญหาผิวได้หลายด้าน ไม่ใช่เพียงเลเซอร์กระเพียงอย่างเดียว เช่น ปัญหาฝ้าริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกาผิวหย่อนคล้อยจุดด่างดำจากสิวหูด
2. พลังงาน IPL
IPL หรือ “Intense Pulsed Light” เป็นคลื่นพลังงานแสงที่สามารถปรับความยาวคลื่นได้ตั้งแต่ 515 จนถึง 1,200 นาโนเมตร ขึ้นอยู่กับการปรับใช้กับปัญหาผิวแบบต่างๆ โดยพลังงาน IPL จะส่งคลื่นลงไปกระตุ้นเซลล์คอลลาเจนผิวและเซลล์อิลลาสตินที่เสื่อมสภาพให้เกิดการผลัดเซลล์ ส่งผลให้ปัญหาความหมองคล้ำและความยืดหยุ่นของผิวได้รับการแก้ไขเป็นผิวที่แข็งแรง สีผิวเรียบเนียนขึ้น และยังดูตึงกระชับได้มากขึ้น
นอกจากการเลเซอร์กระ เลเซอร์ IPL ยังใช้ในการกำจัดขนตามร่างกายได้ จึงจัดเป็นพลังงานเลเซอร์ที่แก้ไขปัญหาผิวได้หลายส่วน และยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
3. เลเซอร์ Q-switched
พลังงานเลเซอร์ที่มีระดับความเข้มข้นของพลังงานสูงกว่าพลังงานแสง IPL ถึง 8 เท่าตัว มี 2 ระดับความยาวคลื่น คือ 532 นาโนเมตรสำหรับรักษาปัญหาเม็ดสีชั้นตื้น เช่น ฝ้า กระ และความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร สำหรับรักษาปัญหาผิวชั้นลึก เช่น ลบรอยสัก กระลึก รอยแผลเป็น
เลเซอร์ Q-switched มีกลไกการรักษาผิวรวมถึงการเลเซอร์กระ ผ่านการกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติ หรือที่เป็นส่วนเกินของผิวกระจายตัวออกเป็นอนุภาคเล็กๆ และถูกเซลล์เม็ดเลือดขาวกลืนกิน ก่อนจะสลายไปตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย
นอกจากนี้หลายบริษัทที่คิดค้นพัฒนาเครื่องปล่อยพลังงานเลเซอร์ Q-switched ตัวดั้งเดิม ยังมีการผลิตนวัตกรรมเลเซอร์ชนิดอื่นๆ เพิ่มเติมออกมาในท้องตลาดด้วย โดยมีกลไกการทำงานเหมือนกับเครื่อง Q-switched แต่เสริมด้วยตัวกลางผลิตพลังงานเลเซอร์แบบอื่น และระบบการทำงานเพิ่มเติมที่จะช่วยให้ประสิทธิภาพของพลังงานเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น เช่น
- เลเซอร์ Q-Switched Nd: YAG Laser เป็นอีกหนึ่งเครื่องยิงเลเซอร์ลดรอยกระด้วยพลังงาน Q-switched ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน สามารถบรรเทาปัญหาผิวได้อย่างรอบด้านไม่ใช่เพียงเม็ดกระเท่านั้น เช่น ฝ้า ปานดำ ปานน้ำตาล รวมถึงสามารถลบรอยสัก และกำจัดขนกึ่งถาวรได้
เลเซอร์ Q-Switched Nd: YAG Laser มีระดับความยาวคลื่นให้เลือกถึง 4 แบบ ได้แก่ 532, 585, 650 และ 1,064 นาโนเมตร จึงสามารถแก้ปัญหาผิวได้ถึงผิวหนังชั้นลึก และเห็นผลลัพธ์ได้ค่อนข้างชัด - พลังงาน Ruby Laser คลื่นเลเซอร์ Q-switched ที่ใช้ตัวกลางผลิตเลเซอร์เป็นผลึกแร่ทับทิม มีความยาวคลื่น 694 นาโนเมตร จึงสามารถรักษาผิวได้ถึงระดับผิวหนังชั้นกลาง (Mid-Dermis)
- พลังงาน Alexandrite Laser คลื่นเลเซอร์ Q-switched ที่มีความคล้ายคลึงกับพลังงาน Ruby Laser แต่มีระดับความยาวคลื่นที่ลึกกว่า โดยอยู่ที่ 775 นาโนเมตร
4. เครื่อง Picosecond
อีกนวัตกรรมเลเซอร์กระที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะมีคุณสมบัติสามารถปล่อยพลังงานได้รวดเร็วภายในเวลาอันสั้นกว่าเทคโนโลยีเลเซอร์ตัวอื่นหลายเท่าตัว โดย 1 หน่วยยิงของคลื่น Picosecond จะเท่ากับ 1 ในล้านล้านส่วนของ 1 วินาที
กลไกการรักษาผิวของเครื่อง Picosecond จะคล้ายคลึงกับเครื่อง Q-switched นั่นคือ การใช้เลเซอร์สลายเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติให้แตกกลายเป็นอนุภาคเล็กๆ แล้วขับออกจากร่างกายผ่านกระบวนการธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ด้วยหน่วยพลังงานที่ยิงลงชั้นผิวภายในเวลาที่รวดเร็วและสั้นที่สุด จึงทำให้เครื่อง Picosecond สามารถสลายอนุภาคเม็ดสีได้อย่างละเอียดเล็กกว่า จึงทำให้ปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็นรอยฝ้า กระ ปาน รอยด่างดำต่างๆ หรือรอยสักทุกสีลดเลือนจางลงอย่างชัดเจน และค่อนข้างรวดเร็วกว่านวัตกรรมเครื่องอื่นๆ
แต่ทั้งนี้ประสิทธิภาพจากการรักษาของเครื่อง Picosecond ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์และลักษณะผิวของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านด้วย
5. พลังงาน Dual yellow Laser
เครื่อง Dual Yellow Laser เป็นเครื่องเลเซอร์พลังงาน FEM หรือ “Fast Edge MicroPulses” ซึ่งมีตัวกลางผลิตพลังงานอย่างสารโบรไมด์ (Bromide) และแร่ธาตุทองแดง (Copper) สามารถปล่อยคลื่นพลังงานได้ภายในเวลาอันรวดเร็วถึง 22,000 ครั้งต่อวินาที จัดเป็นอีกเครื่องยิงเลเซอร์ที่กำลังมาแรงในฐานะเลเซอร์กระ ฝ้า และเลเซอร์เสริมความกระจ่างใสให้ผิวหน้า และลดเลือนรอยจุดด่างดำได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้เครื่องยิงเลเซอร์ชนิดนี้จะมีชื่อว่า Dual Yellow Laser แต่ความจริงแล้วตัวเครื่องสามารถผลิตพลังงานเลเซอร์ออกมาได้ถึง 2 สี ได้แก่
- เลเซอร์สีเหลือง เด่นด้านการรักษารอยแดงต่างๆ เช่น รอยสิว รอยเส้นเลือดฝอยแตก ปานแดง มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และยังมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อทำความสะอาดผิว เพื่อลดโอกาสเกิดสิวเม็ดใหม่ด้วย
- เลเซอร์สีเขียว เด่นด้านการรักษารอยดำ ทั้งกระ ฝ้า ปานดำ รอยแผลเป็นจากสิวเม็ดเก่า มีความยาวคลื่น ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร
ควรเลือกเลเซอร์แบบไหนดี?
แนวทางการเลือกเลเซอร์ที่มีความเหมาะสมต่อปัญหากระของคุณควรขึ้นอยู่กับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก
เพราะปัญหากระที่เกิดขึ้นกับผิวของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ผิวของมนุษย์ทุกคนยังตอบสนองต่อพลังงานเลเซอร์เพื่อลบกระได้ดีไม่เท่ากันด้วย ทำให้ในผู้เข้ารับบริการบางท่านอาจจะต้องพึ่งพาวิธีรักษาอื่นๆ เพิ่มเติมควบคู่ไปกับการเลเซอร์กระ เช่น การกินยา การทายา การผลักวิตามินผิว
ดังนั้นทุกคนจึงควรให้แพทย์เป็นผู้วางแผนการรักษา และอย่าเพิ่งหลงเชื่อคำโฆษณาของเครื่องยิงเลเซอร์ลดรอยต่างๆ ที่อาจเกินจริงจนไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน
เพราะนั่นอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายและคำตอบที่ดีที่สุดในการรักษากระของคุณเสมอไป
เลเซอร์กระต้องทำกี่ครั้งจึงจะหาย?
จำนวนครั้งในการเลเซอร์กระจะแตกต่างกันไปตามปัญหาผิวของแต่ละคน แต่ส่วนมากมักต้องใช้เวลาในการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมักไม่หายได้ภายในการรักษาเพียง 1 ครั้ง
แพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้กำหนดจำนวนครั้งในการเลเซอร์กระให้กับผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านเอง โดยอาจอ้างอิงจากการเปลี่ยนแปลงของผิวหลังการรักษาในแต่ละครั้ง หรือจากการประเมินผิวในครั้งแรกก่อนเริ่มรักษา
ผู้ที่สนใจอยากรักษาปัญหาฝ้าหรือกระผ่านการยิงเลเซอร์ จึงควรเข้าใจถึงเงื่อนไขในการรักษาด้วยวิธีนี้เสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจหรือผิดหวังต่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ไม่เห็นผลภายในเวลาอันรวดเร็ว
เลเซอร์กระเจ็บหรือไม่?
เครื่องยิงเลเซอร์ลบรอยกระส่วนมากจะมีลักษณะการปล่อยพลังงานเป็นแบบอัดแล้วยิงลงไปที่เนื้อผิว เหมือนกับเวลาเราดีดหนังยาง จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือระบมผิวระหว่างรับบริการได้บ้าง
แต่โดยปกติสถานที่ให้บริการส่วนใหญ่จะมีการทายาชาให้ล่วงหน้าก่อนเริ่มยิงเลเซอร์ให้อยู่แล้ว เพื่อบรรเทาอาการเจ็บที่เกิดขึ้น และมักเป็นความรู้สึกในระดับที่ทนได้ ไม่รุนแรงจนเกินไป
การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์กระ
การดูแลตนเองล่วงหน้าก่อนไปรับบริการเลเซอร์กระจะแตกต่างกันไปตามคำแนะนำของแต่ละสถานที่ให้บริการ แต่โดยหลักๆ มักมีหลักการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
- งดการสครับผิว ขัดหิว ทำทรีตเมนต์ โกน ถอน หรือดึงขนเป็นเวลา 3 วันก่อนรับบริการ
- งดออกไปในที่โล่งแจ้ง การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือในที่ที่มีแสงแดดจัดประมาณ 2 สัปดาห์ หากจำเป็นต้องสัมผัสแสงแดดให้ทาครีมกันแดดให้เพียงพอ สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด หรือใส่หมวก กางร่ม เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด
- สอบถามแพทย์ผู้รักษาเกี่ยวกับการงดยาประจำตัว อาหารเสริม หรือวิตามินเสริมล่วงหน้า
- งดการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ หรือสารเรตินอยด์ (Retinoids) ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนรับบริการ หรือหากไม่แน่ใจในครีมหรือผลิตภัณฑ์ตัวใด ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนล่วงหน้า
ขั้นตอนการเลเซอร์กระ
หลังจากผู้เข้ารับบริการวางแผนการรักษาร่วมกับแพทย์เรียบร้อยแล้ว ลำดับหลักๆ ของการเลเซอร์ลดเลือนรอยกระ มีดังต่อไปนี้
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวให้กับผู้เข้ารับบริการ
- ทายาชาทิ้งไว้บนผิวประมาณ 30-45 นาที
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ แพทย์จะเริ่มยิงเลเซอร์ลดรอยกระลงไปบริเวณที่ต้องการรักษา
- เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวอีกครั้งหลังจากยิงเลเซอร์เสร็จ และอาจมีการทายาหรือครีมลดการระคายเคืองของผิวร่วมด้วย
การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์กระ
หลังจากเลเซอร์กระแล้ว ผู้เข้ารับบริการยังต้องดูแลสุขภาพผิวอย่างเหมาะสมด้วย เพื่อให้ประสิทธิภาพจากพลังงานเลเซอร์ช่วยปรับสภาพเม็ดกระที่เข้มบนผิวให้จางลงอย่างเห็นผล เช่น
- ในช่วง 1-2 วันแรกหลังเลเซอร์ ผิวอาจมีสะเก็ดหรือมีรอยแดงได้ จากนั้นก็จะค่อยๆ จางลง ให้หลีกเลี่ยงการใช้มือแกะ แงะ หรือสัมผัส
- อย่าให้ผิวโดนน้ำใน 24 ชั่วโมงแรกหลังเลเซอร์ หากต้องการทำความสะอาดผิวให้ใช้น้ำเกลือแทน
- หากรู้สึกแสบร้อนผิว สามารถประคบเย็นบรรเทาอาการได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดในระยะยาว หรือหากจำเป็นต้องออกไปในที่ที่มีแดดจัด ให้ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกครั้ง รู้จักพกร่ม หมวก สวมใส่เสื้อผ้าที่ป้องกันแสงยูวีมาทำร้ายผิวได้
- งดการซาวน่า อบไอน้ำ กิจกรรมในที่อุณหภูมิร้อนๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- หมั่นทาครีมหรือเจลเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว เพราะผิวที่เพิ่งสัมผัสแสงเลเซอร์มาอาจแห้งและเป็นขุยได้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวมีสารน้ำหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นและคงความแข็งแรงเอาไว้
- หากต้องการทาครีมกลุ่ม AHA หรือที่มีสารวิตามินเอ วิตามินซี ควรปรึกษาแพท์ก่อน หรือนำผลิตภัณฑ์ไปให้แพทย์ดูในวันยิงเลเซอร์ เพราะสารครีมบางประเภทอาจไปกระตุ้นให้เม็ดกระชัดขึ้นกว่าเดิมได้
- งดสครับผิวหรือขัดผิวประมาณ 3 วัน เพราะอาจยิ่งสร้างความระคายเคืองให้กับผิวได้
ผลข้างเคียงหลังเลเซอร์กระ
แม้การยิงเลเซอร์จะเป็นวิธีลดรอยกระที่ได้รับความนิยมและยอมรับในวงการแพทย์ แต่วิธีนี้ก็แฝงมาด้วยความเสี่ยงของผลข้างเคียงบางประการเช่นกัน ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรรู้และระมัดระวังเอาไว้ เช่น
- ผิวไหม้
- ผิวบวม
- เกิดรอยแดงหรือผื่นแดง
- เนื้อผิวลอก
- เกิดแผล
- ความรู้สึกเจ็บผิวอย่างรุนแรง
ส่วนมากผลข้างเคียงจากเลเซอร์กระมักเกิดขึ้นหลังจากยิงเลเซอร์ไปแล้ว และมักอยู่ในระดับไม่รุนแรง เมื่อเวลาผ่านไป 1-3 วันก็หาย
แต่ปัญหานี้ก็อาจรุนแรงขึ้นได้ หากเครื่องเลเซอร์ที่ใช้ลบรอยกระไม่ใช่เครื่องที่มีมาตรฐาน ไม่มีความเสถียรในการตั้งค่าพลังงาน รวมถึงแพทย์ผู้ใช้งานเครื่องไม่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอ
ผู้เข้ารับบริการจึงต้องศึกษาข้อมูล และความน่าเชื่อถือของสถานที่ให้บริการให้แน่ใจเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงให้น้อยที่สุด
อีกผลข้างเคียงที่พบได้จากการเลเซอร์กระก็คือ “รอยกระไม่หายไป” โดยอาจมีสาเหตุมาจากผิวผู้เข้ารับบริการบางท่านที่ไม่ตอบสนองกับพลังงานเลเซอร์ หรืออาจเกิดจากการดูแลตนเองที่ไม่เหมาะสมระหว่างใช้บริการเลเซอร์กระ เช่น ยังคงออกไปในที่แดดจัด ไม่ทาครีมกันแดด
ผลลัพธ์จากการเลเซอร์กระอยู่ได้ถาวรหรือไม่?
โดยปกติผลลัพธ์ของการยิงเลเซอร์กระจะไม่ได้คงอยู่ไปตลอดชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นเดียวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดกระ เช่น หากผู้เข้ารับบริการเป็นผู้สูงอายุ โอกาสที่เซลล์ผิวจะเสื่อมสภาพอีก และกลายเป็นเม็ดกระเพิ่มก็ยังคงมีอยู่
หรือหากเลเซอร์กระจนรอยจางลงแล้ว แต่มีพฤติกรรมกลับไปทำกิจกรรมตากแดดบ่อยๆ หรือไม่ทาครีมกันแดด โอกาสกลับมาเป็นกระซ้ำอีกก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ดังนั้นหากผู้เข้ารับบริการอยากให้ผลลัพธ์จากการยิงเลเซอร์กระคงอยู่บนผิวไปนานๆ ก็ต้องมีการดูแลตนเองหลังจากรักษาผิวอย่างเหมาะสมด้วย เพื่อประคองไม่ให้ความผิดปกติของเม็ดสีที่น้อยลงไปแล้วกลับมาเกิดขึ้นเยอะอีก
นอกจากนี้ถึงแม้รอยกระจะจางลงแล้ว แต่ผู้เข้ารับบริการบางท่านยังอาจต้องกลับมายิงเลเซอร์อีก เพื่อคงผลลัพธ์ให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟูให้แข็งแรงอยู่เสมอ แต่อาจไม่ต้องถี่และบ่อยเหมือนกับช่วงแรกที่เพิ่งรักษา หรืออาจเปลี่ยนเป็นวิธีรักษาอื่นที่ประหยัดกว่าและไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์ถึงที่คลินิก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง