ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมและแพร่หลายในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งมีรายงานว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากกว่าบุหรี่ธรรมดาที่สูบกันทั่วไป แม้ว่าจะไม่ 100% ก็ตาม และด้วยความที่เป็นของใหม่ จึงทำให้คนส่วนใหญ่อยากรู้อยากลองกันมากขึ้น นอกจากนี้การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้อีกด้วย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า ผู้สูบใช้บุหรี่ชนิดนี้ได้อย่างถูกต้องตามหลักมากแค่ไหนนั่นเอง ดังนั้นก่อนตัดสินใจสูบบุหรี่ไฟฟ้า มาทำความเข้าใจกับบุหรี่ประเภทนี้ให้มากขึ้นก่อนดีกว่า
สารบัญ
บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร
บุหรี่ไฟฟ้า เป็นยาสูบแบบใหม่ที่จะใช้หลักการระเหยของสารนิโคตินเหลวด้วยความร้อนจากไฟฟ้า ไม่ใช่การเผาไหม้เหมือนกับบุหรี่แบบทั่วไป และเนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ของใบยาสูบ จึงทำให้ความรุนแรงอยู่ระดับที่ต่ำกว่า และไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างมากนัก
สำหรับส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้า จะประกอบไปด้วยแบตเตอรี่ สารนิโคติน และสารอื่นๆ เช่น แอลกอฮอล์ โพพีลีน และสารให้กลิ่นรสชาติ เป็นต้น ซึ่งอยู่ในสัดส่วนที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพมากเหมือนบุหรี่ธรรมดานั่นเอง
แรงบันดาลใจในการคิดค้นบุหรี่ไฟฟ้า
หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มต้นคิดค้นมาได้อย่างไร และมีแรงจูงใจจากอะไร
บุหรี่ไฟฟ้า ถูกคิดค้นขึ้นมาจากความตื่นตัว และความตระหนักถึงควันบุหรี่มือสองที่อาจเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างได้ จึงทำให้เกิดการคิดค้นบุหรี่แบบใหม่ที่ก่อให้เกิดควันพิษน้อยที่สุด ทำให้มีการคิดค้นบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมานั่นเอง โดยบุหรี่ประเภทนี้ผู้สูบจะได้รับสารนิโคตินเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ซึ่งไม่ผ่านการเผาไหม้ จึงทำให้เกิดอันตรายน้อยที่สุด และไม่เกิดควันพิษ หรือมีกลิ่นเหม็นที่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง ทำให้หมดปัญหาเรื่องภัยร้ายจากควันบุหรี่มือสองไปได้
บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริงหรือไม่
จากข้อมูลข้างต้นก็พอสรุปได้ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดาจริง เพราะสารนิโคตินที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการเผาไหม้ จึงปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายนั่นเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่เป็นอันตราย เพราะนิโคตินส่งผลเสียต่อสุขภาพอยู่แล้ว แม้จะไม่มากนักก็ตาม นอกจากนี้หากอุปกรณ์ที่ใช้ในการสูบไม่ได้มาตรฐานหรือมีการผสมสารเสพติดอื่นๆ ลงไปในนิโคตินเหลวด้วย ก็จะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
ข้อดีและข้อเสียของบุหรี่ไฟฟ้า
ข้อดี
- ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้จริง แม้อาจจะติดการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทน แต่ก็มีอันตรายน้อยกว่า และด้วยความที่เป็นการสูบควันเช่นเดียวกับบุหรี่ธรรมดา จึงไม่ทำให้รู้สึกเหมือนหักดิบจนเกินไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ที่สุด
- มีหลากหลายของกลิ่นให้เลือกเช่น กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นคาราเมลและกลิ่นผลไม้ต่างๆ เป็นต้น จึงไม่ทำให้รบกวนคนรอบข้างเหมือนการสูบบุหรี่ธรรมดาที่มีกลิ่นเหม็น
- มีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาและเนื่องจากไม่ผ่านการเผาไหม้ของใบยาสูบ จึงทำให้ปลอดจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่เกิดปัญหาควันบุหรี่มือสอง
- ลงทุนซื้ออุปกรณ์สูบบุหรี่แค่ครั้งเดียวจากนั้นแค่ซื้อน้ำยาขวดซึ่งมักมีราคาไม่แพงมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่น ว่าน้ำยาขวดจะมีราคาเท่าไร การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะช่วยให้ประหยัดขึ้น หรือแพงขึ้นก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง ขึ้นอยู่กับการเลือกซื้อของผู้สูบเอง
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายเริ่มแรกสูงมากโดยจะเป็นค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับการจัดชุด และคุณภาพของอุปกรณ์ด้วย แต่หากประเมินที่ความคุ้มค่าแล้ว ก็ถือว่าคุ้มกว่าการซื้อบุหรี่ธรรมดา เพราะซื้อเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ซื้อแค่น้ำยา และหัวอะตอม
- เมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าแรกๆ อาจมีอาการแสบคอบ้าง แต่ไม่ต้องกังวล เมื่อใช้ไปได้ประมาณ 5 วัน – 2 อาทิตย์ ผู้สูบก็จะเกิดความเคยชิน และสามารถสูบได้ตามปกติโดยไม่มีอาการแสบคอ
- อาจทำให้รู้สึกอยากกลับไปสูบบุหรี่ธรรมดาด้วยความเคยชินกับการสูบบุหรี่แบบเดิมๆ เมื่อผู้สูบเปลี่ยนมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง ดังนั้นแรกๆ จึงอาจมีอาการอยากบุหรี่แบบเดิม ซึ่งต้องใช้ความอดทนพอสมควร จนกว่าจะเกิดความเคยชินกับการสูบบุหรี่แบบใหม่
- ต้องมีการบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อให้อุปกรณ์สูบสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และคุ้มค่า โดยส่วนใหญ่จะนิยมถอดมาล้างทุกๆ 2-3 สัปดาห์ และเปลี่ยนหัวอะตอมทุก 1-2 เดือน
แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะมีความปลอดภัยมากกว่าการสูบบุหรี่ทั่วไปก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจทำให้เสพติดได้ ดังนั้นสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ก็ไม่ควรที่จะลองสูบ และผู้ที่ต้องการเปลี่ยนจากบุหรี่ทั่วไปมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ก็ควรสูบอย่างถูกหลัก คือไม่นำสารประกอบอื่นๆ ที่เป็นอันตรายมาผสมลงไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัย และการมีสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริงควรเลิกสูบบุหรี่ทุกชนิดจะดีที่สุด