Drotaverine (โดรทาเวอรีน)

ยา โดรทาเวอรีน (Drotaverine) เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเกร็งที่เกิดจากกล้ามเนื้อเรียบในร่างกาย โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินปัสสาวะ

สรรพคุณของยา Drotaverine

  • บรรเทาอาการปวดเกร็งในช่องท้อง ใช้รักษาอาการปวดเกร็งในโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ, ลำไส้แปรปรวน หรือ อาการลำไส้กล้ามเนื้อเกร็ง
  • บรรเทาอาการเกร็งในทางเดินปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยที่มีนิ่วในไต, นิ่วในท่อไต, หรือการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ
  • บรรเทาอาการปวดเกร็งในระบบสืบพันธุ์ ใช้บรรเทาอาการปวดจากการมีประจำเดือน หรือปวดเกร็งในระบบสืบพันธุ์อื่น ๆ
  • ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบ ช่วยลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อเรียบในอวัยวะต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการหดตัวผิดปกติ

ยา Drotaverine ใช้รักษาอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • ปวดท้องจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในระบบทางเดินอาหาร
  • นิ่วในไต
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • หลอดเลือดแดงโคโรนารีตีบ
  • อาการปวดประจำเดือน
  • ถุงน้ำดี
  • นิ่วในถุงน้ำดี
  • ถุงน้ำดีอักเสบ

กลไกออกฤทธิ์ยา Drotaverine

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Drotaverine คือออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ฟอสโฟไดเอสเทอเรส ชนิดที่ 4 (Phosphodiesterase-IV, PDE-4) ที่จำเพาะต่อกล้ามเนื้อเรียบ ยาออกฤทธิ์ได้เร็วโดยทำการปรับระดับไซคลิก เอเอ็มพี (Cyclic adenosine monophosphate; cAMP) และแคลเซียมที่ผิดปกติที่บริเวณกล้ามเนื้อเรียบ ส่งผลให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ลดอาการปวดได้

ตามการจำแนกโดยคณะกรรมการอาหารและยา Drotaverine ถูกจัดไว้ในกลุ่มยาอันตราย มีจำหน่ายเฉพาะร้านยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งควบคุมการขายยา สำหรับบุคคลทั่วไปเภสัชกรสามารถจำหน่ายยาและให้คำแนะนำในการใช้ยาได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งของผู้ประกอบวิชาชีพฯ และต้องมีการจัดทำบัญชียาอันตราย

รูปแบบยาที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ รูปแบบยาเม็ด ขนาด 40 มิลลิกรัม

ขนาดและวิธีการใช้ยา Drotaverine

การใช้ Drotaverine รักษาอาการปวดท้องจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ มีขนาดและวิธีใช้ยาดังนี้

  • การใช้ยาในเด็กอายุ 1-5 ปี ขนาด 20 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง
  • การใช้ยาในเด็กอายุ 6-12 ปี ขนาด 40 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
  • การใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 40-80 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง

ข้อควรระวังในการใช้ Drotaverine

เนื่องจากยา Drotaverine อาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้บางคน จึงมีข้อควรระวังในการใช้ดังนี้

  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีการแพ้ยา Drotaverine
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคตับ โรคไต และโรคหัวใจระดับรุนแรง หากมีโรคดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยพอร์ฟิเรีย (Porphyria) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสร้างสารพอร์ไฟรินมากเกินไป พอร์ไฟรินเป็นสารที่เกี่ยวข้องการกับทำงานของเม็ดเลือดแดง สารพอร์ไฟรินที่มากเกินไปส่งผลต่อความผิดปกติของร่างกายหลายรูปแบบ เช่น ด้านระบบประสาท (อาการวิตกกังวล เห็นภาพหลอน) ด้านระบบเลือด (ความดันโลหิต) ด้านระบบกล้ามเนื้อ (ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนแรง อัมพาต) และ ด้านระบบหายใจ (หายใจลำบาก) บางกรณีอาจมีผลด้านระบบผิวหนังด้วย
  • สตรีมีครรภ์ และสตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตรควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง

ผลข้างเคียงของการใช้ Drotaverine

ข้อควรทราบอื่นๆของยา Drotaverine

  • การศึกษาพบว่าผลการรักษาดีขึ้นเมื่อใช้ยานี้ร่วมกับยากลุ่มบรรเทาอาการปวด (analgesics) ยากลุ่ม antimuscarinics หรือยากลุ่ม benzodiazepine
  • ไม่แนะนำให้ใช้ยาในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของการสูบฉีดเลือดของหัวใจ
  • ยานี้ยังไม่ถูกจัดกลุ่มตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) อย่างไรก็ตาม การใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
  • ยานี้เพิ่มการทำงานของยา Levodopa เกิดผลข้างเคียงในระดับรุนแรง จึงไม่ควรใช้ยาสองชนิดนี้ร่วมกัน
  • ยาสามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
  • ยานี้ไม่ได้ทำให้เกิดอาการง่วงซึม

หากคุณมีอาการปวดเกร็งหรือสงสัยว่ายานี้เหมาะกับอาการของคุณ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้ยา เพื่อความปลอดภัยและผลการรักษาที่ดีที่สุด

Scroll to Top