เมื่อพูดถึงเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด Ultherapy และ HIFU นับเป็นสองเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มักถูกคนนำมาเปรียบเทียบกัน เพราะทั้งสองเทคโนโลยีมีกลไกการทำงานที่คล้ายคลึงกันมาก
สำหรับใครที่ต้องการยกกระชับผิว แต่ยังไม่รู้ว่า ตนเองควรเลือกทำ Ultherapy หรือ HIFU ดี ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสองเทคโนโลยีนี้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านกลไกการทำงาน ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว ข้อดี ข้อเสีย หรือราคาค่าบริการ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
สารบัญ
ทำความรู้จักกับ Ultherapy และ HIFU
Ultherapy หรือที่นิยมเรียกกันว่า “อัลเทอร่า (Ulthera)” เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวด์พลังสูงที่มีชื่อว่า “MFU-V (Microfocus Ultherasound with Visualization)” และมีหน้าจอแสดงภาพชั้นใต้ผิวหนังแบบเรียลไทม์ ทำให้รักษาได้อย่างตรงจุด
ในขณะ HIFU (High Intensity Focus Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีที่มีต้นแบบจาก Ultherapy ซึ่งยกกระชับผิวด้วยคลื่นอัลตราซาวด์พลังงานสูงเช่นกัน แต่เครื่อง HIFU นั้น มีหลายยี่ห้อ หลายเกรด ทำให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวแตกต่างกันตามไปด้วย
การทำ HIFU จึงต้องศึกษาข้อมูลของเครื่องที่ใช้ก่อน เช่น Ultraformer III จะใช้เทคโนโลยี Micro and Macro Focused Ultrasound (MMFU) สามารถยิงได้แม่นยำ และลงลึกกว่า HIFU ทั่วไป ในขณะที่ Model DS-HI3 จะใช้เทคโนโลยี HIFU Macrofocus ซึ่งมีจุดโฟกัสที่กว้างกว่า HIFU ทั่วไป เป็นต้น
กลไกการยกกระชับผิวด้วย Ultherapy และ HIFU
Ultherapy และ HIFU จะส่งคลื่นอัลตราซาวด์พลังงานสูงเข้าไปที่เนื้อเยื่อในชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังที่ศัลยแพทย์ผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้า
คลื่นอัลตราซาวด์ที่ส่งเข้าไปจะทำให้อุณหภูมิของผิวบริเวณนั้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เซลล์บางส่วนถูกทำลาย แล้วเกิดการหดตัวใหม่ (คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ) และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
การหดตัวของเซลล์เนื้อเยื่อและการเรียงตัวที่เป็นระเบียบกว่าเดิมของคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ จะทำให้ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง และผิวเรียบเนียนขึ้นทันทีโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด และจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวของ Ultherapy และ HIFU
แม้ว่า Ultherapy และ HIFU จะมีกลไกการยกกระชับผิวที่เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวแตกต่างกัน เนื่องจากเทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์ที่ใช้แตกต่างกัน ดังนี้
- การยกกระชับผิวด้วย Ultherapy 1 ครั้ง ผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
- การทำ HIFU ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งหากต้องการได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการทำ Ultherapy จะต้องทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3 ครั้ง
ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวดั้งเดิม และการดูแลผิวหลังทำ
ความเจ็บปวดในระหว่างทำการยกกระชับผิวด้วย Ultherapy และ HIFU
หนึ่งในข้อเสียที่ชัดเจนที่สุดของการทำ Ultherapy ก็คือ ความรู้สึกเจ็บขณะทำ ซึ่งหากผู้เข้ารับบริการไม่สามารถทนได้ และลดค่าพลังงานลง จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม Ultherapy ได้มีการคิดค้นนวัตกรรม New Ulthera ขึ้น ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ตัวใหม่ของเครื่อง Ultherapy เพื่อลบจุดด้อยของการทำ Ultherapy ลง โดยจะช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำลงได้ แต่ยังคงได้ประสิทธิภาพเท่าเดิม New Ulthera จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้บริการที่ไม่สามารถทนเจ็บได้
ในขณะที่การทำ HIFU จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการทำ Ultherapy มากพอสมควร
ราคาการยกกระชับผิวด้วย Ultherapy และ HIFU
การยกกระชับผิวด้วย Ultherapy มีราคาสูงกว่าการยกกระชับผิวด้วย HIFU ดังนี้
- การทำ Ultherapy มีราคาประมาณ 10,000-200,000 บาท ต่อ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำ และจำนวนไลน์
- การทำ HIFU มีราคาประมาณ 1,000-40,000 บาท ต่อ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำ จำนวนช็อต และเครื่อง HIFU ที่ใช้
สรุปเกี่ยวกับ Ultherapy และ HIFU
จะเห็นได้ว่า การทำ Ultherapy และ HIFU มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันไป
หากคุณเป็นผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าและผิวหนังหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง ต้องการแก้ปัญหาด้วยการทำเพียงครั้งเดียว และไม่ต้องการศึกษาข้อมูลมากมาย การทำ Ultherapy จะเหมาะสมกว่า
แต่ถ้าหากไม่สามารถทนเจ็บได้ หรือมีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า และผิวหนังหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง การทำ HIFU ก็จะเหมาะสมกว่า อีกทั้งหากต้องการได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการทำ Ultherapy ก็สามารถทำติดต่อกันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เครื่อง HIFU มีหลายยี่ห้อ หลายเกรด จึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของเครื่องที่ใช้ก่อนว่า ตอบโจทย์กับความต้องการหรือไม่