ลูกใต้ใบ พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย เห็นมากในฤดูฝน ในสมัยก่อนพระธุดงค์นิยมพกเป็นสมุนไพรที่ติดกายเนื่องจากมีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ท้องเสียได้ดี ปัจจุบันมีการนำมาสกัดเป็นสมุนไพรในรูปของแคปซูล ทำให้รับประทานสะดวกยิ่งขึ้น
สารบัญ
สรรพคุณของลูกใต้ใบ
- บำรุงตับ มีสารที่ช่วยลดการอักเสบของตับ และมีการศึกษาว่าช่วยป้องกันการทำลายตับจากสารพิษ เช่น แอลกอฮอล์
- รักษานิ่วในไต ใช้ช่วยขับปัสสาวะและลดการเกิดนิ่ว
- ลดน้ำตาลในเลือด มีฤทธิ์ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- เสริมภูมิคุ้มกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
- ลดไข้ มีสรรพคุณช่วยลดไข้และลดการอักเสบ
- แก้อาการท้องเสีย ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียและบำรุงระบบทางเดินอาหาร
สรรพคุณอื่นๆ
- ทุกส่วนของต้นมีรสขมเช่นเดียวกับ ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด ขี้เหล็ก กระดอม ซึ่งทางการแพทย์แผนไทยเชื่อว่า ยารสขมช่วยแก้โรคทางน้ำดีและโลหิต มักจะมีสารในกลุ่มของไกลโคไซด์ และอัลคาลอยด์ มีฤทธิ์ลดอาการไข้ทุกชนิด (ไข้หวัด ไข้ทับระดู ไข้จับสั่น) ช่วยเจริญอาหาร แก้ร้อนในกระหายน้ำ และบำรุงน้ำดี
- แพทย์พื้นบ้านไทยและอินเดีย นำทั้งต้น (ราก ลำต้น ใบ ดอก ผล) ต้มกินรักษาโรคดีซ่าน โรคตับ เนื่องจากมีฤทธิ์ป้องกันสารพิษต่างๆ ที่ทำลายตับ เช่น เหล้า ยารักษาโรค และสารเคมี ลดการอักเสบของตับ รักษาสมดุลระดับไขมันในตับ นอกจากนี้จากงานวิจับยังพบว่าลูกใต้ใบสามารถป้องกันการเกิดภาวะตับอักเสบบี และสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื่อไวรัสตับอักเสบบีได้อีกด้วย
- สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันบกพร่องในคนหรือเชื้อ HIV ได้ประมาณ 30 %
- มีฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารลดการบาดเจ็บและอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารได้
- จากการศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่า สารสกัดของลูกใต้ใบช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้
- ยับยั้งการเกิดเนื้องอกและทำให้ก้อนเนื้องอกมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้สามารถต้านมะเร็งได้อีกด้วย
- รักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ใช้ในการขับปัสสาวะ ช่วยลดความดันโลหิต ขับก้อนนิ่ว และขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะในผู้ป่วยโรคเกาต์
- ใช้เป็นยาช่วยขับประจำเดือน สำหรับสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ช่วยแก้ปวดกล้ามเนื้อ ทำให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ และมดลูกคลายตัว แก้อาการปวดประจำเดือนได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ยาคล้ายกับแอสไพรินแต่มีความเข้มข้นน้อยกว่า
วิธีกินลูกใต้ใบ
- แบบสด นำใบและลำต้นมาล้างสะอาด ต้มในน้ำร้อนประมาณ 10-15 นาที กรองเอาน้ำมาดื่มวันละ 2-3 ครั้ง
- แบบแคปซูล สะดวกในการทานและพกพามากขึ้น สรรพคุณเทียบเท่าแบบอื่น ดูวิธีทานบนฉลากของผลิตภัณฑ์
- แบบชงชา ตากใบให้แห้ง แล้วนำมาชงดื่มเหมือนชา
- บดผง ผสมผงลูกใต้ใบกับน้ำผึ้ง หรือน้ำอุ่นเพื่อดื่ม
ปริมาณที่แนะนำ ไม่ควรดื่มเกินวันละ 1-2 แก้วในช่วงแรก หากไม่มีผลข้างเคียงสามารถปรับเพิ่มได้
โทษและข้อควรระวัง
- อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคันหรือปวดหัวในบางคน
- ผลต่อตับและไต หากรับประทานในปริมาณมากหรือนานเกินไป อาจทำให้ตับและไตทำงานหนัก
- ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร อาจส่งผลต่อการพัฒนาของทารก
- ฤทธิ์ขับปัสสาวะ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบปัสสาวะควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
- ปฏิกิริยากับยาอื่น เช่น ยาลดความดัน ยารักษาเบาหวาน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหากใช้ร่วมกัน
รากของลูกใต้ใบมีประโยชน์หรือไม่?
จากงานวิจัยการค้นคว้าสารพฤกษเคมี หรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Phytochemical) ของรากลูกใต้ใบ พบว่า มีสารอัลคาลอยด์ (Alkaloids) และไกลโคไซด์ (Glycosides) มีสรรพคุณระงับอาการปวด แก้อาการไข้หวัด สารแทนนิน (Tannins) มีรสฝาด มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ใช้เป็นยารักษาอาการท้องเสีย สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แก้บวม และสารซาโปนิน (Saponin) แต่ไม่พบสารสเตียรอยด์ (Steroids)
วิธีใช้ คือ นำรากของต้นลูกใต้ใบฝนกับน้ำซาวข้าว ดื่มแก้อาการต่างๆ ข้างต้น และสารมารถแก้อาการเหล่านี้ คือ แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะขัด แก้โรคดีซ่าน ประจำเดือนไหลไม่หยุด และช่วยบำรุงธาตุได้
ลูกใต้ใบกับหญ้าใต้ใบ คือพืชชนิดเดียวกันหรือไม่?
ลูกใต้ใบกับหญ้าใต้ใบเป็นพืชพรรณคนละชนิดกัน แต่ชื่อคล้ายกัน จึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด
ลักษณะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและสังเกตง่ายของพืช 2 ชนิด คือ
- ผลของลูกใต้ใบจะมีลักษณะเรียบ ขนาดเล็ก ไม่มีขน และลำต้นมีสีเขียว
- ผลของหญ้าใต้ใบ จะมีลักษณะแบน ขรุขระ ขนาดใหญ่กว่า มีขน และลำต้นจะมีสีแดง
ลูกใต้ใบเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหากใช้อย่างเหมาะสม แต่ควรระวังผลข้างเคียงและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยารักษาโรคอยู่