วัคซีนโรตาไวรัส (rotavirus) จะช่วยปกป้องลูกน้อยจากเชื้อไวรัสโรตา ไวรัสนี้ทำให้เกิดอาการท้องร่วงและอาเจียนรุนแรงในทารกและเด็กเล็ก อาจทำให้เกิดการขาดน้ำ (การสูญเสียของเหลวในร่างกาย) อย่างรุนแรง ทำให้เด็กๆ ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
สารบัญ
โรตาไวรัสคืออะไร
โรตาไวรัส (Rotavirus) เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องร่วงและอาเจียนอย่างรุนแรงในทารกและเด็กเล็ก ทารกส่วนใหญ่มักมีอาการอาเจียน หรือมีอาการท้องร่วงและกว่าจะฟื้นตัวเต็มที่อาจต้องใช้เวลา 2-3 วัน
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บป่วยและอาการท้องร่วงที่เกิดจากโรตาไวรัส (rotavirus) สามารถทำให้เกิดการขาดน้ำ (การสูญเสียของเหลวในร่างกาย) ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกและเด็กเล็กและอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
ก่อนที่จะมีการนำวัคซีนโรตาไวรัสมาใช้ใน พ.ศ. 2556 ทารกประมาณ 1,200 ราย ในประเทศสกอตแลนด์ต้องไปโรงพยาบาลทุกปีเพราะป่วยด้วยโรตาไวรัส แต่ตั้งแต่มีการนำวัคซีนโรตาไวรัสมาใช้ จำนวนทารกที่ได้รับการยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าติดเชื้อโรตาไวรัสก็ลดลงมากกว่า 80%
จะปกป้องลูกน้อยจากโรตาไวรัสได้อย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่สามารถทำได้คือ ให้ทารก หรือเด็กเล็ก ในความดูแลของคุณได้รับวัคซีนป้องกันโรคโรตาไวรัส (rotavirus) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการสร้างภูมิคุ้มกันในเด็ก
พบว่า ในประเทศที่ทารกได้รับวัคซีนโรตาไวรัสแล้ว จำนวนทารกและเด็กเล็กที่เจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากไวรัสนี้ลดจำนวนลงอย่างมาก
ใครบ้างที่ควรได้รับวัคซีนโรตาไวรัส
วัคซีนโรตาเป็นวัคซีนเชื้อเป็นที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ วัคซีนชนิดนี้เป็นของเหลวชนิดที่หยอดให้ทางปากตามเกณฑ์อายุที่กำหนด แต่หากลูกน้อยของคุณป่วยกะทันหันหลังจากได้รับวัคซีน จะต้องได้รับวัคซีนอีกครั้ง
โดยทั่วไปควรได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโรตาครั้งที่ 1 เมื่ออายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไป โดยอายุมากที่สุดที่ยังสามารถได้รับวัคซีนครั้งที่ 1 คือ 14 สัปดาห์ เนื่องจากไม่มีข้อมูลความปลอดภัย หากเริ่มรับวัคซีนป้องกันไวรัสโรตา ครั้งที่ 1 ที่อายุต่ำกว่า 6 สัปดาห์ หรือเกิน 15 สัปดาห์
วัคซีนชนิด RotarixTM หรือ Monovalent vaccine
ให้หยอดวัคซีนชนิดนี้ทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเด็กอายุ 2 เดือน และครั้งที่ 2 เมื่อเด็กอายุ 4 เดือน โดยควรหยอดวัคซีนทั้ง 2 ครั้งนี้ให้ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
กรณีหยอดวัคซีนครั้งที่ 2 ล่าช้าไป แนะนำให้หยอดวัคซีนทันทีที่นึกขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ไม่หยอดวัคซีนล่าช้าจนเกินอายุ 8 เดือน (สัปดาห์ที่ 32)
วัคซีนชนิด RotaTeqTM หรือ Pentavalent vaccine
ให้หยอดวัคซีนชนิดนี้ทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 2 เดือน ครั้งที่ 2 เมื่ออายุ 4 เดือน และครั้งที่ 3 เมื่ออายุ 6 เดือน โดยควรหยอดวัคซีนแต่ละครั้งให้ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์
กรณีหยอดวัคซีนครั้งที่ 3 (ครั้งสุดท้าย) ล่าช้าไป แนะนำให้บริหารวัคซีนทันที ที่นึกขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ไม่หยอดวัคซีนล่าช้าจนเกินอายุ 8 เดือน (สัปดาห์ที่ 32)
คำถามที่พบบ่อย
คำถาม: เคยได้ยินว่า วัคซีนนี้เป็นวัคซีนที่มีชีวิต จะทำให้เด็กไม่สบายได้หรือไม่?
คำตอบ: การหยอดวัคซีนโรตาไวรัสไม่ได้ทำให้เด็กไม่สบายหลังจากได้รับวัคซีน เนื่องจากไวรัสในวัคซีนนั้นถูกทำให้อ่อนแอลงเพื่อไม่ทำให้เกิดอาการป่วย แต่ช่วยให้ลูกน้อยของคุณสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น เพื่อสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้เมื่อได้รับเชื้อไวรัสโรตาในอนาคต
นั่นหมายความว่า หากมีการติดเชื้อไวรัสโรตาหลังจากได้รับวัคซีน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วและทำหน้าที่หยุดยั้งการติดเชื้อนั้น
ไวรัสในวัคซีนจะถูกส่งผ่านทางลำไส้ของทารกและอาจถูกสัมผัสโดยผู้ที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก ซึ่งอาจทำให้คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออย่างรุนแรงสามารถติดไวรัสได้จากผ้าอ้อมของเด็กที่ได้รับวัคซีน
ดังนั้นผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ หรือบกพร่อง เนื่องจากการรักษาทางการแพทย์หรืออื่นๆ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับทารกที่ได้รับวัคซีนโรตาไวรัสเป็นระยะเวลา 14 วัน
ทุกคนที่ใกล้ชิดกับทารกที่เพิ่งได้รับวัคซีนโรตาไวรัส ควรล้างมือหลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อมทารกทันที
คำถาม: มีเหตุผลใดที่เด็กไม่ควรได้รับวัคซีน?
คำตอบ: มีทารกน้อยมากที่ไม่สามารถรับวัคซีนโรตาไวรัสได้ ดังทารกในกลุ่มต่อไปนี้
- มีอาการแพ้ (ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรง) กับวัคซีนก่อนหน้านี้ หรือส่วนผสมใดๆ ในวัคซีน
- ภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดรุนแรง (Severe combined immunodeficiency syndrome หรือ SCID)
คำถาม: หากเด็กไม่สบายวันที่มีนัดหยอดวัคซีน
คำตอบ: ถ้าเด็กไม่สบายมาก เช่น มีไข้ ท้องร่วงหรืออาเจียน ควรเลื่อนการหยอดวัคซีนออกไป
คำถาม: เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วัคซีนนั้นปลอดภัย
คำตอบ: ยาทุกชนิด(รวมทั้งวัคซีน) ได้รับการตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพโดย Medicines and Healthcare Products Regulatory Agency (MHRA)
วัคซีนเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างสูงเพื่อให้ใช้งานในประเทศอังกฤษ ประเทศต่างๆในทวีปยุโรป รวมทั้งแจกจ่ายไปสู่หลายล้านคนทั่วโลก ทั้งนี้การใช้งานจะได้รับการควบคุมความปลอดภัยโดย MHRA
คำถาม: จะได้รับวัคซีนจากที่ไหน
คำตอบ: สามารถรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลชั้นนำ
คำถาม: เด็กควรจะได้รับวัคซีนนี้เมื่อมีอายุเท่าไหร่
คำตอบ: เพื่อการปกป้องที่ดีที่สุด เด็กควรได้รับวัคซีนโรตาไวรัส 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 สัปดาห์ เด็กจะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นประจำตามปกติเมื่ออายุ 8 สัปดาห์และ 12 สัปดาห์
เมื่อโตขึ้น เด็กบางราย (ประมาณ 1 ใน 1,000 ราย) มีอาการที่ก่อให้เกิดการอุดตันในลำไส้เล็ก เป็นโรคที่หายากมากหากอายุน้อยกว่า 3 เดือนเพราะส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างอายุ 5 เดือนถึง 1 ปี
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสน้อยมาก (ประมาณสองในทุกๆ แสนรายที่ได้รับการฉีดวัคซีน) ที่การฉีดวัคซีนครั้งแรกอาจทำให้เกิดการอุดตันนี้ได้ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ ต้องให้วัคซีนครั้งแรกก่อนอายุ 15 สัปดาห์
จากนั้นเด็กควรได้รับวัคซีนครั้งที่สองหลังจากนั้น 4 สัปดาห์และไม่เกิน 24 สัปดาห์ หากเด็กไม่ได้รับวัคซีน ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับเด็กที่ได้รับวัคซีน โอกาสแพร่เชื้อโรตาไวรัสก็จะลดลงและพบได้ยากในผู้ใหญ่
คำถาม: ผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน
คำตอบ: มีการใช้วัคซีนมาแล้วหลายล้านครั้ง พบว่า มีประวัติด้านความปลอดภัยที่ดี อาจมีผลข้างเคียงตามมา แต่ปกติแล้วไม่รุนแรงนัก
เด็กที่ได้รับวัคซีนบางคนอาจมีอาการกระสับกระส่าย หรือหงุดหงิดง่าย และบางคนอาจถึงขั้นมีอาการท้องร่วงเล็กน้อย หากคุณกังวลเกี่ยวกับสุขภาพลูกน้อยในวันที่ได้รับวัคซีน หรือหลังจากนั้น ควรปรึกษากับแพทย์
ในกรณีที่พบได้น้อยมาก (ประมาณสองในทุกๆ แสนรายที่ได้รับวัคซีน) วัคซีนจะส่งผลต่อลำไส้เล็กของเด็ก อาจทำให้มีอาการปวดท้อง อาเจียนและบางครั้งอาจถ่ายเป็นมูกปนเลือดในผ้าอ้อมเด็ก
หากมีอาการผิดปกติหลังได้รับวัคซีน ควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาล หรือคลินิกใกล้บ้านทันที
โรตาไวรัสเป็นโรคติดเชื้อที่ส่งผลต่อสุขภาพของทารกและเด็กเล็กอย่างมาก ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันตามเกณฑ์ที่กำหนด เนื่องจากการป้องกันสำคัญมากกว่าการรักษา
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี