Default fallback image

วิธีรักษาภาวะไส้ติ่งอักเสบ มีกี่วิธี ไม่ผ่าตัดได้ไหม การผ่าตัดมีทางเลือกอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงการรักษาไส้ติ่งอักเสบ หลายคนอาจนึกถึงการผ่าตัดเป็นอันดับแรก แต่จริงๆ แล้ว วิธีการรักษามีมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรง และดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดในบางกรณี หรือการผ่าตัดที่ทำได้ทั้งแบบเปิดและแบบส่องกล้อง บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจทางเลือกในการรักษาไส้ติ่งอักเสบอย่างครบถ้วน

วิธีรักษาไส้ติ่งอักเสบ มีกี่วิธี?

โดยทั่วไป การรักษาหลักของไส้ติ่งอักเสบคือ การผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก แต่ปัจจุบันแพทย์มีทางเลือกอื่นๆ ให้พิจารณาตามอาการ ความรุนแรง และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 แนวทางใหญ่ๆ ดังนี้

1. การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

ในอดีต การผ่าตัดถือเป็นทางเลือกเดียว แต่มีงานวิจัยพบว่า ในกรณีที่เป็นไส้ติ่งอักเสบชนิดไม่ซับซ้อน (Uncomplicated Appendicitis) เช่น ยังไม่แตก ยังไม่เป็นหนอง หรืออักเสบไม่รุนแรง การให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำเพียงอย่างเดียวก็สามารถควบคุมการอักเสบได้

ข้อดี:

  • ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผลผ่าตัด
  • ลดความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด

ข้อจำกัด:

  • ใช้ได้เฉพาะบางกรณีเท่านั้น
  • มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
  • หากอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องเข้ารับการผ่าตัดในที่สุด

ทั้งนี้ การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง

2. การผ่าตัดไส้ติ่ง (Appendectomy)

การผ่าตัดไส้ติ่งยังคงเป็นมาตรฐานการรักษาที่แพทย์เลือกใช้มากที่สุด เพราะกำจัดต้นเหตุของภาวะไส้ติ่งอักเสบได้โดยตรง ลดโอกาสการเป็นซ้ำ และปลอดภัยเมื่อทำโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การผ่าตัดแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ได้แก่

2.1 การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Open Appendectomy)

เป็นวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดขนาดประมาณ 3–5 เซนติเมตร บริเวณท้องน้อยด้านขวา แล้วตัดไส้ติ่งที่อักเสบออก จากนั้นจึงเย็บปิดแผล ขั้นตอนการผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน และแพทย์ทั่วไปส่วนใหญ่สามารถทำได้

ข้อดี:

  • เป็นวิธีที่แพทย์ส่วนใหญ่มีประสบการณ์สูง ทำได้ง่ายและรวดเร็ว
  • เหมาะกับผู้ป่วยที่มีไส้ติ่งแตก ไส้ติ่งเป็นหนอง หรือมีการอักเสบรุนแรงที่อาจทำให้การส่องกล้องทำได้ยาก
  • สามารถทำได้แม้ในโรงพยาบาลที่ยังไม่มีอุปกรณ์ส่องกล้องครบถ้วน

ข้อเสีย:

  • แผลมีขนาดใหญ่กว่า จึงมักเจ็บหลังผ่าตัดมากกว่า
  • ใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น โดยทั่วไปประมาณ 1–2 สัปดาห์กว่าจะกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อแผลผ่าตัด หรือการเกิดพังผืดในช่องท้อง

2.2 การผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Appendectomy)

เป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ศัลยแพทย์จะเจาะแผลเล็กๆ ขนาดประมาณ 0.5–1 เซนติเมตร จำนวน 2–3 แผล (หรือบางครั้งเพียง 1 แผลที่สะดือ) แล้วสอดกล้องขนาดเล็กและเครื่องมือเข้าไปในช่องท้อง กล้องจะถ่ายทอดภาพขยายไปยังจอ ทำให้แพทย์เห็นอวัยวะภายในชัดเจน และสามารถตัดไส้ติ่งออกได้อย่างแม่นยำ

ข้อดี:

  • แผลเล็กมาก ทำให้เจ็บน้อยและทิ้งรอยแผลเป็นเล็กน้อย
  • ผู้ป่วยมักฟื้นตัวเร็วขึ้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ภายในไม่กี่วัน
  • ระหว่างผ่าตัด แพทย์สามารถตรวจดูอวัยวะในช่องท้องได้พร้อมกัน หากมีภาวะแทรกซ้อนหรือโรคอื่นๆ จะช่วยวินิจฉัยได้ง่ายขึ้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องความสวยงามของรอยแผล เช่น ผู้หญิงหรือวัยรุ่น

ข้อเสีย:

  • ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด
  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง
  • ต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องโดยเฉพาะ

นอกจาก 2 วิธีหลักข้างต้นแล้ว ปัจจุบันยังมีอีก 1 ทางเลือก คือ การผ่าตัดรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบส่องกล้องแผลเดียว หรือ Single Incision Laparoscopic Appendectomy (SILA)

คือการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ โดยแพทย์จะเจาะเปิดแผลเพียงแผลเดียวบริเวณสะดือ ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร จากนั้นจึงใช้เครื่องมือผ่าตัดสอดเข้าไป เพื่อตัดไส้ติ่งออก แล้วจึงนำไส้ติ่งออกมาทางแผลที่เจาะไว้ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะแผลมีขนาดเล็ก และเจ็บน้อยกว่า

สิ่งที่แพทย์คำนึงถึงก่อนเลือกวิธีรักษา

ก่อนตัดสินใจรักษา แพทย์จะต้องประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • ความรุนแรงของอาการ: หากอาการไม่รุนแรงมาก อาจพิจารณาเริ่มด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ
  • ผลการตรวจทางการแพทย์: เช่น ค่าเม็ดเลือดขาวในเลือด ผลอัลตราซาวด์ หรือ CT scan ซึ่งช่วยยืนยันระดับการอักเสบ
  • ภาวะแทรกซ้อน: หากไส้ติ่งแตก เกิดฝี หรือมีหนอง การผ่าตัดมักเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
  • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย: ผู้ที่มีโรคประจำตัวรุนแรงหรือไม่สามารถผ่าตัดได้ อาจต้องใช้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแทน

แม้ว่าการรักษาแบบไม่ผ่าตัดจะใช้ได้ในบางกรณี แต่การผ่าตัดไส้ติ่งยังคงเป็นวิธีมาตรฐานที่ช่วยกำจัดสาเหตุของโรคได้ถาวรและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ การเลือกวิธีใดจึงขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและความพร้อมของผู้ป่วยในการติดตามอาการต่อไป

ปวดท้องด้านขวาล่าง หรือกำลังกังวลว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจรักษาไส้ติ่งอักเสบ จาก ร.พ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top