Default fallback image

รักษาสิวแบบไหนดี? เทียบให้ชัด ยาทา ยากิน ทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์

ปัญหาสิวเป็นเรื่องกวนใจของใครหลายคน แม้จะมีวิธีรักษาสิวมากมาย ตั้งแต่ครีมซองในร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงคอร์สเลเซอร์และทรีตเมนต์ในคลินิก แล้ววิธีไหนล่ะที่เหมาะกับปัญหาสิวของเรา?

เราจะพาไปเปรียบเทียบวิธีรักษาสิวยอดนิยมแต่ละแบบ ทั้งการใช้ยา การทำทรีตเมนต์ และการใช้เลเซอร์ แต่ละวิธีเหมาะกับสิวประเภทไหน มีข้อดี–ข้อจำกัดอย่างไร เพื่อเลือกแนวทางการรักษาสิวที่ใช่ และบอกลาปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิวเกิดจากอะไร สิวมีกี่ประเภท?

สิวเกิดจากรูขุมขนบนผิวหนังของเราเกิดการอุดตันด้วยน้ำมันที่ต่อมไขมันขึ้นมากเกินไป และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จนเกิดเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ตรงปากรูขุมขนบนผิวหนัง หรือสิวนั่นเอง นอกจากการอุดตันของรูขุมขนแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ยังกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นได้ด้วย เช่น 

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 
  • พันธุกรรม 
  • การใช้เครื่องสำอาง 
  • การใช้ยา หรือสารเคมีบางชนิด
  • เชื้อสิวหรือเชื้อแบคทีเรีย P. acnes (C. acnes) เจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน
  • มลภาวะ
  • ความมันบนใบหน้า และสภาพผิว
  • การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม

สิวมีอยู่หลายประเภท หลัก ๆ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ สิวอักเสบ เกิดจากการอุดตัน ร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการอักเสบ ทำให้เกิดสิวที่มีความรุนแรงแตกต่างกันไป เช่น สิวตุ่มแดงหรือสิวอักเสบ (Papules) สิวตุ่มหนอง (Pustules) สิวอักเสบขนาดใหญ่หรือสิวไต (Nodules) และสิวหัวช้าง (Acne conglobata) 

อีกประเภทคือ สิวไม่อักเสบ หรือเรียกทั่วไปว่าสิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน เช่น สิวหัวขาว (Whiteheads) สิวหัวดำ (Blackheads) สิวเสี้ยน (Pimples) หรือสิวผด (Acne aestivalis) 

ความรุนแรงของสิวมีกี่ระดับ?

สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยได้จำแนกความรุนแรงของสิวเป็น 3 ระดับ ได้แก่

  • สิวเล็กน้อย เป็นสิวไม่อักเสบเป็นส่วนใหญ่ หรือมีสิวอักเสบขนาดเล็ก (Papule / Pustule) ไม่เกิน 10 จุด
  • สิวปานกลาง เป็นสิวอักเสบขนาดเล็ก (Papule / Pustule) มากกว่า 10 จุด หรือมีสิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodules) น้อยกว่า 5 จุด
  • สิวรุนแรง เป็นสิวอักเสบขนาดเล็ก (Papule / Pustule) จำนวนมาก หรือมีสิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodules / Cyst) จำนวนมาก หรือมีสิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodules) อยู่นานแล้วกลับเป็นซ้ำ หรือมีหนองไหล 

รวมวิธีรักษาสิว เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเรา?

การรักษาสิวแต่ละวิธีมีเป้าหมายและข้อจำกัดต่างกันไป แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมกับชนิด ความรุนแรงของสิว และสภาพผิวของแต่ละคน

การใช้ยา

เป็นวิธีรักษาสิวมาตรฐานที่เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง แบ่งเป็นยาทาและยากิน

1. ยาทาเฉพาะที่

การใช้ยาทาจะช่วยควบคุมสิวได้ดีในระดับเริ่มต้น แต่ต้องใช้เวลาในการรักษา ตัวยาจะมีส่วนผสมลดการอุดตัน ลดการอักเสบ กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียก่อให้เกิดสิว เหมาะกับสิวอุดตัน และสิวอักเสบระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง

ยาทาที่ใช้ในการรักษาสิวมีหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น

  • ยากลุ่มเรตินอยด์ หรืออนุพันธ์วิตามินเอ ช่วยลดการอุดตัน ผลัดเซลล์ผิว ป้องกันการเกิดสิวใหม่
  • ยาปฏิชีวนะชนิดทา ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการผลิตน้ำมัน มักใช้ร่วมกับยาทาเฉพาะที่ชนิดอื่น อย่างเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เพื่อป้องกันการดื้อยา
  • กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ช่วยสลายสิวอุดตัน ต้านเชื้อแบคทีเรีย

การใช้ยาทาบางครั้งอาจทำให้ผิวแห้งลอกเป็นขุย รู้สึกระคายเคือง หรือแสบร้อนบริเวณที่ทาได้ จึงควรเริ่มใช้ในปริมาณน้อย ๆ ก่อน และทาบาง ๆ หากมีอาการระคายเคืองให้หยุดใช้ยาทันที

2. ยารับประทาน

เหมาะกับคนเป็นสิวอักเสบปานกลางถึงรุนแรง หรือใช้ยาทาแล้วไม่ได้ผล เป็นการรักษาที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น ริมฝีปากแห้ง ผิวแห้ง หรือตาแห้ง และไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม อย่างคุณแม่ตั้งครรภ์ 

ตัวอย่างยารักษาสิวชนิดรับประทาน เช่น

  • ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบทั่วร่างกาย
  • ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในผู้หญิงที่เป็นสิวจากฮอร์โมน
  • ยาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน (Anti-androgen agents) ช่วยลดผลกระทบของฮอร์โมนแอนโดรเจนในผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนนี้ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง
  • ยากลุ่มเรตินอยด์หรืออนุพันธ์วิตามินเอชนิดรับประทาน จะใช้รักษาสิวรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น

ทรีตเมนต์และหัตถการทางการแพทย์

เป็นวิธีแก้ปัญหาสิวหลายแบบได้พร้อมกัน ผลข้างเคียงน้อย บางครั้งอาจใช้รักษาร่วมกับการใช้ยา จึงเหมาะกับคนที่ต้องการจัดการสิวเฉพาะจุด เห็นผลไว ทำให้สิวเม็ดใหญ่ยุบได้เร็ว หรือไม่สามารถใช้ยาบางชนิดได้ 

อย่างไรก็ตาม ทรีตเมนต์และหัตถการเหล่านี้ ต้องทำในคลินิกหรือโรงพยาบาล ที่มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญดูแลเท่านั้น หากทำไม่ถูกวิธีอาจเกิดการอักเสบ หรือรอยแผลเป็นตามมาได้ 

ตัวอย่างทรีตเมนต์และหัตถการช่วยรักษาสิวยอดนิยม เช่น

  • การกดสิว แพทย์จะใช้เครื่องมือที่สะอาดกำจัดสิวอุดตันออกจากรูขุมขน เพื่อลดโอกาสที่กลายไปเป็นสิวอักเสบ
  • การฉีดสเตียรอยด์ เป็นการฉีดยาเข้าไปที่สิวอักเสบเม็ดใหญ่โดยตรง เพื่อลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว ทำให้สิวยุบไว
  • การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี เช่น กรดซาลิไซลิก หรือกรดไกลโคลิก โดยนำไปทาบนผิว เพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า และลดการอุดตัน
  • แสงบำบัด (Light therapy) แพทย์จะฉายไฟสีต่าง ๆ บนผิว เพื่อแก้ปัญหาสิวแต่ละแบบ เช่น แสงสีฟ้า มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P. acnes ที่เป็นต้นเหตุของสิว แสงสีแดง ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมของผิว หรือการใช้ผสมกัน
  • เลเซอร์รักษาสิว (Laser) เป็นการใช้พลังงานแสงความเข้มสูงในการรักษาสิว มีอยู่หลายแบบ เช่น IPL ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการทำงานของต่อมไขมัน Pulsed dye laser ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว หรือ Infrared laser ยิงลงไปที่ต่อมไขมัน เพื่อยับยั้งการผลิตน้ำมัน

สิวแต่ละแบบมีวิธีรักษาสิวที่แตกต่างกันไป หากลองรักษาสิวด้วยตัวเองแล้วไม่เห็นผล ควรพบแพทย์ผิวหนัง เพราะสิวบางประเภทอาจต้องใช้หลายวิธีผสมผสานกัน หากรักษาผิดวิธีจะยิ่งอันตราย และยังช่วยป้องกันการกลับมาเป็นสิวซ้ำวนลูปเดิม

บอกลาสิวอย่างถูกวิธี สิวหาย หน้าใส ผิวไม่พัง เปรียบเทียบโปรโมชันรักษาสิว ได้ที่คลินิกใกล้บ้าน จองผ่าน HDmall.co.th รับราคาพิเศษ

Scroll to Top