Default fallback image

ไม่อยากให้ลูกป่วยต้องรู้ วัคซีนทางเลือกคืออะไร ทำไมเด็ก ๆ ถึงควรฉีด?

การได้รับวัคซีนเป็นเสมือนเกราะป้องกันโรคให้ลูกเติบโตได้อย่างแข็งแรง นอกจากวัคซีนพื้นฐานที่จำเป็นต้องฉีดแล้ว วัคซีนทางเลือกหรือวัคซีนเสริม ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกมากขึ้น 

เชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนเสริมให้ลูกมากขึ้น มาทำความรู้จักกับวัคซีนทางเลือกในเด็กกัน จำเป็นต้องฉีดไหม และวัคซีนทางเลือกมีอะไรบ้าง

วัคซีนทางเลือก คืออะไร ลูกต้องฉีดไหม

วัคซีนทางเลือกหรือวัคซีนเสริม (Optional vaccine) เป็นวัคซีนที่ไม่ได้อยู่ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข คุณพ่อคุณแม่สามารถตัดสินใจให้ลูกฉีดหรือไม่ฉีดก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงต่อโรคนั้น ๆ ของลูก หรือความต้องการของแต่ละครอบครัว 

วัคซีนเสริมจะช่วยป้องกันโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ปัญหาสำคัญของประเทศไทย บางชนิดเป็นวัคซีนพื้นฐานที่พัฒนาให้มีผลข้างเคียงน้อยลง คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่แน่ใจว่าควรฉีดวัคซีนเสริมตัวไหน สามารถปรึกษาคุณหมอถึงชนิดวัคซีนเสริมที่เหมาะกับลูกได้ 

วัคซีนทางเลือกป้องกันโรคได้อย่างไร

วัคซีนเป็นการนำเชื้อโรคที่ตายแล้ว เชื้อโรคที่อ่อนแรงจนก่อโรคไม่ได้ หรือพิษของเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคนั้น ๆ ตามแต่ชนิดของวัคซีน 

เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว โอกาสการเป็นโรคนั้น ๆ จะลดน้อยลง กรณีติดเชื้อแล้ว วัคซีนจะช่วยลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงจากโรค การฉีดวัคซีนทางเลือกจึงเปรียบเสมือนเสริมเกราะป้องกันลูกน้อยไม่ให้ป่วยง่าย 

วัคซีนทางเลือกสำหรับเด็ก

วัยเด็กเป็นช่วงวัยที่ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ และต้องใช้ชีวิตร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งต่อเชื้อและเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคตามฤดูกาล หรือโรคติดต่อง่ายในเด็กที่พบได้บ่อย 

ตัวอย่าง 5 วัคซีนทางเลือกที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกฉีดเพิ่มเติมให้ลูกน้อยได้มีดังนี้ 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีหลายสายพันธุ์ พบได้ตลอดทั้งปี ติดต่อผ่านละอองฝอยการพูดคุย ไอจามรดกัน เมื่อติดเชื้อจะมีไข้ขึ้นสูง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ และเจ็บคอ 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และภาวะแทรกซ้อนรุนแรง อย่างปอดบวมในเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

  • วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันเชื้อได้ทั้ง 4 สายพันธุ์
  • เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป จำนวน 1 เข็ม/ปี 
  • แนะนำให้ฉีดก่อนเข้าฤดูฝนหรือฤดูหนาว และฉีดกระตุ้นภูมิเป็นประจำทุกปี 

วัคซีนโรต้า

วัคซีนโรต้าช่วยป้องกันไวรัสโรต้าที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรงในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 2 ปี เด็กจะมีอาการอาเจียน ไข้ขึ้น ปวดท้อง ถ่ายเป็นน้ำ หากอาการรุนแรงอาจเกิดภาวะขาดน้ำ จนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้  

เชื้อไวรัสโรต้าติดต่อได้ผ่านทางการกิน หรือได้รับเชื้อจากมือที่ปนเปื้อนจากการหยิบของเล่น หรือสิ่งของเข้าปาก โดยพบว่าเด็กทุกคนมีโอกาสติดเชื้อไวรัสโรต้าอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงอายุน้อยกว่า 5 ปี 

การฉีดวัคซีนโรต้า

  • วัคซีนโรต้ารูปแบบหยอดทางปากมี 2 ชนิด คือ ชนิดหยอด 2 ครั้ง และชนิดหยอด 3 ครั้ง
  • เริ่มหยอดวัคซีนได้ตั้งแต่ 2 เดือน และหยอดครั้งสุดท้ายไม่ควรเกินอายุ 8 เดือน
  • ชนิดหยอด 2 ครั้ง เริ่มให้ได้ในเดือนที่ 2 และ 4 (เว้น 2 เดือน)
  • ชนิดหยอด 3 ครั้ง เริ่มให้ได้ในเดือนที่ 2, 4 และ 6 (เว้น 2 เดือน)

วัคซีนตับอักเสบเอ

วัคซีนตับอักเสบเอช่วยป้องกันโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัสตับอักเสบเอที่ติดต่อผ่านการกินอาหารและน้ำดื่มปนเปื้อนเชื้อ ทำให้ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลืองตาเหลือง หรือไม่มีอาการเลยก็ได้ กรณีติดเชื้อจนตับอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคมะเร็งตับได้ 

การฉีดวัคซีนตับอักเสบเอ

  • เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป 
  • ฉีด 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 6–12 เดือน

วัคซีนอีสุกอีใส

วัคซีนอีสุกอีใสช่วยป้องกันไวรัสวาริเซลลา (Varicella zoster) ที่ก่อโรคอีสุกอีใส โดยเชื้อแพร่กระจายผ่านละอองฝอยในอากาศ และการสัมผัสกับผื่นโดยตรง จึงติดต่อได้ง่าย ระบาดเร็ว ส่งผลให้เกิดผื่นแดงคัน ตุ่มน้ำตามร่างกาย และเป็นไข้ 

การฉีดวัคซีนอีสุกอีใส

  • เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป 
  • ฉีด 2 เข็ม เข็มแรกฉีดช่วงอายุ 12–15 เดือน และฉีดเข็มสองในช่วงอายุ 18 เดือน–4 ปี กรณีเกิดการระบาดอาจฉีดก่อนอายุ 4 ปีได้ โดยให้ห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
  • ถ้าอายุมากกว่า 13 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน 

วัคซีนนิวโมคอคคัส (วัคซีนไอพีดี)

วัคซีนนิวโมคอคคัสช่วยป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumoniae) ที่แพร่กระจายผ่านละอองฝอยในอากาศ ซึ่งเชื้อก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็กเล็ก รองจากเชื้อฮิป รวมถึงโรคปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ และภาวะติดเชื้อในเลือด

การฉีดวัคซีนนิวโมคอคคัส

  • เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป 
  • วัคซีนนิวโมคอคคัสสำหรับเด็กมี 2 ชนิดตามจำนวนสายพันธุ์ของเชื้อ คือ ชนิด 10 สายพันธุ์ และ 13 สายพันธุ์
  • ฉีด 4 เข็ม ในช่วงอายุ 2, 4, 6 เดือน และฉีดกระตุ้นในช่วง 12–15 เดือน

นอกจากวัคซีนในข้างต้น วัคซีนทางเลือกสำหรับเด็กยังมีอีกหลายชนิด คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์ถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเสริมเพิ่มเติมได้

หลังจากการรับวัคซีน เด็ก ๆ อาจมีอาการไข้ และงอแง ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงทั่วไปที่มักไม่รุนแรง แต่หากมีไข้สูงต่อเนื่อง ไข้ไม่ลด ไม่ยอมดื่มนม หรืออาการผิดปกติอื่น ควรพาไปพบคุณหมอทันที

ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนพื้นฐาน หรือวัคซีนทางเลือก คุณพ่อคุณแม่ควรวางแผนและเช็กตารางวัคซีนอยู่เสมอ เพื่อการเข้ารับวัคซีนแต่ชนิดให้ตรงตามกำเนิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งจะช่วยให้เขาเติบโตได้อย่างสมวัย และมีความสุข หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามคุณหมอที่ดูแลได้

เพราะสุขภาพของลูกน้อยสำคัญที่สุด เปรียบเทียบแพ็กเกจวัคซีนเสริมสำหรับเด็ก ราคาโปรโมชันแบบไม่ต้องใส่โค้ดได้ที่ HDmall.co.th

Scroll to Top