vitamin d insufficiency and deficiency disease definition scaled

ขาดวิตามินดี พร่องวิตามินดี ภัยเงียบเกิดได้โดยไม่รู้ตัว

วิตามินดีมีบทบาทในการดูแลสุขภาพกระดูกและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย การขาดวิตามินดีไปอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยเจอแสงแดด อายุมาก หรือมีปัญหาในการดูดซึมสารอาหาร

มีคำถามเกี่ยวกับ วิตามินดี? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากสงสัยว่าตัวเองกำลังขาดวิตามินดีหรือไม่ ขาดวิตามินดีแล้วอันตรายแค่ไหน เสี่ยงโรคอะไรบ้าง เมื่อขาดวิตามินดีแล้ว ดูแลตัวเองอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

วิตามินดีสำคัญอย่างไร 

วิตามินดี (Vitamin D) มีหน้าที่หลักช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากอาหาร และรักษาระดับแร่ธาตุดังกล่าวในเลือดให้เป็นปกติ ซึ่งเป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และช่วยสร้างกระดูกให้แข็งแรง   

นอกจากนี้ ยังมีความสําคัญต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ หากระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำเกินไป อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่างได้ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับกระดูก 

รู้ได้อย่างไรว่า ร่างกายเริ่มขาดวิตามินดี

อาการขาดวิตามินดีอาจสังเกตได้ยาก เพราะไม่ค่อยมีอาการเฉพาะเจาะจง เช่น เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกไม่สบายตัวบริเวณกระดูกส่วนต่าง ๆ หรือปวดกระดูก แผลหายช้ากว่าปกติ  ผมร่วง ป่วยง่าย อารมณ์แปรปรวน หรือบางคนอาจไม่แสดงอาการใด ๆ 

อย่างไรก็ตาม การวัดระดับวิตามินดีในร่างกายทำได้ด้วยการตรวจเลือด เพื่อวัดระดับไฮดรอกซีวิตามินดี (25-hydroxyvitamin D) หรือ 25(OH)D ซึ่งเป็นค่าบอกระดับวิตามินดีในร่างกาย แบ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

มีคำถามเกี่ยวกับ วิตามินดี? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ระดับวิตามินดีในเลือด (นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร / ng/mL) ประเภท
มากกว่า 30 ng/mL  ปกติ มีระดับวิตามินดีเพียงพอ 
อยู่ในช่วง 20–30 ng/mL มีภาวะพร่องวิตามินดี (Vitamin D insufficiency)
ต่ำกว่า 20 ng/mL  มีภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D deficiency)

เช็กให้ชัวร์ขากวิตามินดีไหม คลิกดู แพ็กเกจตรวจสุขภาพกระดูก เสริมวิตามินดี

ทำไมร่างกายขาดวิตามินดี

วิตามินดีที่พบในร่างกายมีอยู่ 2 แบบ คือ วิตามินดี 3 (Cholecalciferol) ได้จากการสังเคราะห์ที่ผิวหนังจากแสงแดด (UVB) และวิตามินดี 2 (Ergocalciferol) ที่ได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม

การขาดวิตามินดีเกิดจากได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

  • ร่างกายได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ วิตามินดีในร่างกายส่วนใหญ่มาจากการสังเคราะห์ผ่านผิวหนังเมื่อเจอแสงแดด หากใช้ชีวิตในที่ร่ม ไม่ค่อยออกแดด ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ส่งผลให้การสังเคราะห์วิตามินดีจากผิวหนังลดลง
  • โภชนาการอาหารไม่เหมาะสม อาหารบางประเภทเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดี เช่น ตับ ไข่แดง ปลาที่มีไขมันสูง (แซลมอน แมคเคอเรล ทูน่า) และอาหารเติมวิตามินดี หากอาหารที่กินในแต่ละวันมีปริมาณวิตามินดีน้อยอาจเสี่ยงต่อการขาดวิตามินดี 
  • อายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น กลไกการสังเคราะห์วิตามินดีของร่างกายเสื่อมลง ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมวิตามินดีที่ทำงานได้ไม่ดีเหมือนวัยหนุ่มสาว แม้จะได้รับแสงแดดเพียงพอก็มีโอกาสขาดวิตามินดีได้มาก
  • น้ำหนักตัวมาก หรือมีไขมันสะสมเยอะ คนผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (ค่า BMI) สูงกว่า 30 จะมีการสะสมวิตามินดีในไขมันแทน ส่งผลให้ระดับวิตามินดีในเลือดต่ำ
  • ปัญหาของระบบย่อยอาหารและการดูดซึม โรคหรือการรักษาบางอย่าง อาจกระทบต่อการดูดซึมวิตามินดีจากอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (IBD) โรคช่องท้องอักเสบ หรือการผ่าตัดกระเพาะอาหาร 
  • ปัญหาการทำงานของตับและไต ตับหรือไตจะช่วยเปลี่ยนวิตามินดีให้อยู่ในรูปที่ร่างกายนำไปใช้ได้ เมื่อมีปัญหาในอวัยวะเหล่านี้ ระดับวิตามินดีอาจลดลง เช่น โรคตับเรื้อรัง หรือโรคไตเรื้อรัง 

ขาดวิตามินดีอันตรายไหม

การขาดวิตามินดีสามารถส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของกระดูก และระบบภูมิคุ้มกัน หากร่างกายขาดวิตามินดีเป็นเวลานาน อาจทำให้กระดูกอ่อนแอและเปราะบาง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ทำให้กระดูกหักง่าย เกิดโรคกระดูกน่วม (Osteomalacia) ที่กระดูกอ่อนลงและผิดรูป ในเด็กอาจเกิดโรคกระดูกอ่อน (Rickets) 

อีกทั้งการขาดวิตามินดียังสัมพันธ์กับโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer) มะเร็งเต้านม (Breast cancer) มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer)  โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และกลุ่มโรคที่มีการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

ไม่อยากขาดวิตามินดีแล้ว ควรดูแลตัวเองอย่างไร

ร่างกายได้รับวิตามินดีจากหลายทาง หากมีปัญหาขาดวิตามินดีหรือพร่องวิตามินดี สามารถทำได้ตามคำแนะนำ ดังนี้

  • ออกไปเจอแสงแดดอ่อน ๆ อย่างน้อย 15 นาที ในช่วงเช้า (06.00 – 08.00 น.) หรือช่วงเย็น (16.00–18.00 น.) ซึ่งเป็นเวลาที่รังสี UVB จะไม่แรงเกินไป จะช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย
  • เลือกกินอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น ปลาที่มีไขมันสูง (ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์ ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล) ตับ เห็ด ไข่แดง นมเสริมวิตามินดี น้ำมันตับปลา 
  • กินวิตามินดีเสริมตามแพทย์แนะนำ มีทั้งวิตามินดี 2 (Ergocalciferol) และวิตามินดี 3 (Cholecalciferol) แพทย์จะเป็นคนเลือกวิตามินดีเสริมให้เหมาะกับสภาวะแต่ละคน และป้องกันการรับวิตามินดีมากเกินความจำเป็นจนอาจเป็นอันตราย
  • ตรวจเช็กระดับวิตามินในเลือดเป็นระยะ เพื่อให้แพทย์ติดตาม และปรับการรักษาตามความเหมาะสม

อย่าปล่อยให้วิตามินดีต่ำจนเสี่ยงกระดูกพรุน! แพ็กเกจตรวจสุขภาพกระดูก เสริมวิตามินดี ราคาดี จองได้ที่ HDmall.co.th จองเลย!

มีคำถามเกี่ยวกับ วิตามินดี? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ