snoring and obstructive sleep apnea disease faq scaled

ตอบ 7 ข้อสงสัย นอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภัยใกล้ตัวตอนหลับ!

หลายคนอาจรู้สึกนอนกรนเป็นเรื่องปกติ ใคร ๆ ก็เป็นกัน นอกจากสร้างความรำคาญใจให้คนใกล้ตัวแล้ว ก็อาจไม่ได้อันตรายมากนัก แต่รู้หรือไม่ว่า บางคนอาจนอนกรนแล้วมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยโดยไม่รู้ตัว และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้  

มีคำถามเกี่ยวกับ นอนกรน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

วันนี้เรารวบรวมข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการนอนกรน และการหยุดหายใจขณะหลับมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย

1. ทำไม “นอนกรน” ไม่ใช่เรื่องปกติ? อันตรายจริงไหม? 

นอนกรนเกิดจากการที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นลิ้นไก่ เพดานอ่อน คอหอย โคนลิ้น ทำให้ทางเดินหายใจถูกปิดกั้น ลมที่ออกมาเลยเกิดแรงสั่นสะเทือนมากกว่าปกติจนเกิดเป็นเสียงกรน 

นอกจากเสียงกรนแล้ว คนที่นอนกรนจะนอนหลับได้ไม่ต่อเนื่อง นอนไม่เต็มอิ่ม คุณภาพการนอนไม่ดี จนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพทางร่างกายและจิตใจ เช่น อ่อนเพลียตลอดวัน สมาธิและความจำไม่ดี อารมณ์แปรปรวน ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดี เสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง อย่างโรคอ้วนและโรคเบาหวาน

นอกจากนี้ เมื่อมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจมาก ๆ จะทำให้หายใจไม่เป็นจังหวะ การหายใจ หยุดเป็นช่วง ๆ ขณะนอนหลับ หรือหายใจเฮือกขึ้นมาตอนหายใจอีกครั้ง ร่วมกับอาการนอนกรน ลักษณะนี้จะเรียกว่า โรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (OSA) 

หรือคนมักรู้จักในชื่อ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งส่งผลเสียกับสุขภาพร่างกายในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

2. นอนกรนจะมีอาการหยุดหายใจขณะหลับเสมอไปหรือไม่? 

การนอนกรนไม่ได้ส่งผลให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับเสมอไป แต่ถ้ามีอาการนอนกรน แล้วไม่ได้รับการรักษาตามสาเหตุอย่างถูกต้อง ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อบริเวณทางเดินหายใจหย่อนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ 

ท้ายที่สุดทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบมากขึ้นจนอุดกั้นทางเดินหายใจ จนเป็นสาเหตุหลักของโรคหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (OSA) นั่นเอง

3. ใครบ้างเสี่ยงเกิดอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ?

นอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเฉพาะคนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้

  • น้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วนจะทำให้ไขมันสะสมในทางเดินหายใจส่วนบนมากขึ้น เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณช่องคอหนากว่าปกติ โดยพบ 60% ของคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับมักมีภาวะอ้วนร่วมด้วย 
  • ผู้ชายมีโอกาสนอนกรนและมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับมากกว่าผู้หญิง 610 เท่า เพราะฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ช่องทางเดินหายใจมีความตึงตัวได้ดีกว่าหรือกว้างมากกว่า แต่ผู้หญิงจะมีอาการนอนกรนได้มากขึ้นเมื่อเข้าวัยหมดประจำเดือน เพราะร่างกายมีฮอร์โมนเพศหญิงลดลง
  • อายุมากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อช่องคอเริ่มหย่อนยาน โดยเฉพาะช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป 
  • ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะก่อนนอน จะทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อช่องคอหย่อนคล้อยมากกว่าปกติ 
  • คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องจมูก ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบจะยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น เช่น เป็นโรคภูมิแพ้อากาศ มีริดสีดวงจมูก มีสันจมูกคด 
  • คนที่มีต่อมทอมซิลโต ต่อมอะดีนอยด์ หรือลิ้นโตกว่าปกติ ทำให้ไปปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนมากขึ้น 
  • กรรมพันธุ์ คนที่มีประวัติครอบครัวนอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าคนปกติ

4. รู้ได้อย่างไรว่านอนกรนแบบไหนอันตราย? สังเกตอย่างไร?

แน่นอนว่าอาการนอนกรนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน เช่น วันที่รู้สึกเหนื่อยล้ามาก ๆ มีการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน การนอนในบางท่าอย่างท่านอนหงาย 

แต่การนอนกรนที่อันตรายคือ การนอนกรนที่มีภาวะการหยุดหายใจร่วมด้วย เบื้องต้นสามารถสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ ดังนี้ 

  • นอนกรนเสียงดังมากเป็นประจำ หรือสม่ำเสมอทุกวัน
  • เสียงกรนมักขาดหาย หยุดเป็นบางช่วง ไม่สม่ำเสมอ อาจมีลักษณะเหมือนคนหายใจติดขัด มีอาการหายใจเฮือก
  • สะดุ้งตื่นกลางคืนบ่อย และในช่วงที่สะดุ้งตื่นอาจมีอาการเหนื่อยหอบ คล้ายอาการหลังกลั้นหายใจ 
  • มีอาการปวดศีรษะหลังตื่นนอน รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ง่วงนอนระหว่างวัน 
  • มีความต้องการทางเพศลดลง 
  • มีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ เป็นต้น 
  • มีคนสังเกตเห็นว่านอนกรนเสียงดัง แต่หยุดหายใจเป็นช่วง ๆ และหายใจไม่สม่ำเสมอ

5. นอนกรนจำเป็นต้องทำ Sleep test ไหม? เหมาะกับใคร?

การตรวจการนอนหลับหรือ Sleep test เป็นการตรวจการทำงานของระบบต่าง ๆ  ในร่างกายขณะนอนหลับ เพื่อหาสาเหตุและประเมินความรุนแรงของอาการหรือโรคต่าง ๆ เช่น นอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือโรคภาวะขากระตุกขณะหลับ  

มีคำถามเกี่ยวกับ นอนกรน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

คนที่นอนกรนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจ Sleep test เสมอไป ปกติแล้วจะแนะนำให้คนที่สงสัยว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเข้ารับการตรวจ เช่น กรนเป็นประจำ กรนทุกท่าที่นอน สะดุ้งตื่นกลางคืนบ่อย ตื่นนอนแล้วมักจะปวดหัว อ่อนเพลีย หรือคอแห้ง 

หรือกรณีที่เคยได้รับการรักษาโรคเฉพาะทางอื่น ๆ ก่อนแล้ว แต่ยังมีอาการนอนกรนอยู่ แพทย์อาจแนะนำให้รับเข้ารับการตรวจ Sleep Test เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

6. นอนกรน รักษาได้ไหม รักษาเหมือนกันทุกคนหรือเปล่า? 

การรักษาอาการนอนกรน หรือนอนกรนร่วมกับมีภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ จะขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการนอนกรน การรักษามีอยู่หลายวิธีดังนี้ 

การรักษาจากสาเหตุที่ทำให้เกิดการนอนกรน
คนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ และส่งผลให้เกิดอาการนอนกรน เช่น โรคภูมิแพ้เรื้อรัง เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ แพทย์จะแนะนำให้รักษาโรคที่เป็นต้นเหตุก่อน

การใช้อุปกรณ์ช่วยรักษาอาการนอนกรน
อุปกรณ์ที่ช่วยรักษาอาการนอนกรนมีอยู่หลายแบบ เหมาะกับความรุนแรงของอาการแตกต่างกัน จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ และตรวจการนอนหลับหรือ Sleep test ประเมินอาการก่อน เช่น

  • การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เป็นเครื่องเป่าลมเข้าทางจมูกและปาก ช่วยให้เกิดแรงดันที่เหมาะสม เพื่อเปิดทางเดินหายใจขณะหลับ เหมาะกับคนที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง
  • ที่ครอบฟันแก้กรน (Oral appliance) เป็นเครื่องมือทางทันตกรรมที่ช่วยเปิดทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น โดยจัดตำแหน่งของลิ้น ขากรรไกร และเนื้อเยื่อในลำคอไม่ให้ไปอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ เหมาะกับคนที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง

การรักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดแก้ไขทางเดินหายใจส่วนที่ตีบแคบหรือหย่อนให้กว้างขึ้น หรือผ่าตัดเอาสิ่งที่กีดขวางทางเดินหายใจออก เช่น 

  • การใช้คลื่นความถี่วิทยุจี้เยื่อบุจมูก (Radiofrequency) เพื่อรักษาเยื่อบุจมูกบวมหรืออักเสบ 
  • การผ่าตัดเลื่อนกรามหรือขากรรไกรมาด้านหน้า (Maxillo-mandibular advancement: MMA) เพื่อให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น
  • การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่และเพดานอ่อน (Uvulopalatopharyngoplasty: UPPP) สำหรับคนที่มีเพดานหย่อนหรือลิ้นไก่ยาวกว่าปกติ 
  • การผ่าตัดช่องจมูกและหลังโพรงจมูก เช่น การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นช่องจมูกคด การผ่าตัดริดสีดวงจมูก การผ่าตัดต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์

7. อุปกรณ์แก้นอนกรน ช่วยได้จริงไหม? รักษาหายขาดไหม?

การรักษาอาการนอนกรนนั้น จำเป็นต้องทราบก่อนว่า เสียงกรนที่เกิดขึ้นในแต่ละคนนั้น มีที่มาหรือสาเหตุมาจากอะไร เช่น เสียงกรนเกิดจากเพดานอ่อนหย่อน หรือระบบทางเดินหายใจถูกรบกวนจากโรคภูมิแพ้เรื้อรัง 

อุปกรณ์แก้นอนกรนที่ขายกันทั่วไป เช่น คลิปหนีบจมูกแก้นอนกรน สายรัดคางแก้นอนกรน หรือนาฬิกาลดการนอนกรน บางครั้งอาจแค่ช่วยลดเสียงกรนลงในบางคน ทำให้เข้าใจว่าช่วยรักษาอาการนอนกรนได้ 

แท้จริงแล้วปัญหาสุขภาพยังคงมีอยู่ การใช้อุปกรณ์แก้นอนกรนโดยไม่รู้สาเหตุก่อน จึงไม่ได้เป็นการรักษาที่ต้นตอ และไม่ได้ช่วยให้อาการนอนกรนหายขาด 

การรู้ถึงสาเหตุได้ จำเป็นต้องไปหาแพทย์ด้านการนอนกรนหรือความผิดปกติด้านการนอน เพื่อตรวจหาสาเหตุก่อน แล้วถึงวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาการนอนแต่ละคนมากที่สุด 

“เสียงกรน” ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับคนใกล้ตัว แต่อาจเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายมีบางอย่างผิดปกติ ถ้าสงสัยว่ามีอาการนอนกรน สะดุ้งตื่นบ่อย รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่มเวลาตื่น รีบมาพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างตรงจุด

อย่าปล่อยให้นอนกรน กลายเป็นปัญหารักษายาก HDmall.co.th มีแพ็กเกจดูแลทุกปัญหาการนอน เปรียบเทียบราคา ดูแพ็กเกจตรวจรักษานอนกรน

มีคำถามเกี่ยวกับ นอนกรน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ