การตัดกรามเป็นการศัลยกรรมเพื่อแก้ไขหรือเพื่อเสริมบุคลิกภาพและเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันการตัดกรามช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนชวนมอง สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงและได้ผลลัพธ์ถาวร โดยปัจจุบันการตัดกรามได้พัฒนาเทคนิควิธีการผ่าตัดที่ประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเป็นที่พอใจเป็นอย่างมาก วันนี้ HDmall.co.th ได้รวบรวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจตัดกรามมาฝากกัน
สารบัญ
- ตัดกรามคืออะไร?
- ตัดกรามวีไลน์(V Line)คืออะไร?
- ตัดกรามวีไลน์(V Line)ดีอย่างไร?
- ตัดกรามเหมาะกับใคร?
- ตัดกรามแผลภายนอกกับแผลภายในต่างกันยังไง?
- การเตรียมตัวก่อนตัดกราม
- ตัดกรามสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
- การดูแลตัวเองหลังตัดกราม
- ตัดกรามพักฟื้นกี่วัน?
- ตัดกรามแล้วเมื่อไหร่หน้าจะเรียวเข้าที่?
- จัดฟันอยู่สามารถตัดกรามได้ไหม?
- ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดกราม
ตัดกรามคืออะไร?
ตัดกราม (Jaw Chin and Jaw Reduction) คือการตัดแต่งเหลี่ยมกรามให้ใบหน้าดูเล็กเรียวและได้รูปสมส่วนโดยไม่ต้องจัดฟัน ผู้มีปัญหากรามใหญ่หรือเป็นสันหนาและรูปหน้าไม่สมส่วนไม่จำเป็นต้องจัดฟัน สามารถตัดกรามได้เลย
ตัดกรามวีไลน์(V Line)คืออะไร?
ตัดกรามวีไลน์ (V Line) คือการศัลยกรรมปรับโครงหน้าให้เรียวเล็กซึ่งกำลังนิยมในเกาหลี ด้วยการตัดกรามให้ใบหน้าเดิมที่เป็นรูปตัว U ให้ได้รูปตัว V โดยอาศัยวิธีการผ่าตัดกรามแบบแผลภายใน โดยรูปแบบการผ่าตัดมี 2 วิธี คือ
1. การแต่งปลายคาง
เป็นการผ่าตัดที่ทำให้ปลายคางดูไม่เหลี่ยมและดูเรียวแหลมขึ้น ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดกระดูกเป็นรูปตัว T โดยตัดกระดูกตรงกลางออกและเลื่อนกระดูกส่วนด้านข้างทั้งสองเข้ามาชิดกันมากขึ้น เพื่อให้คางดูแคบและเรียวขึ้น แล้วใช้เหล็กไททาเนียมยึดกระดูกที่เลื่อนมาชิดกันโดยใช้สกรูตรึงไว้ โดยตำแหน่งการผ่าตัดต้องไม่ส่งผลกระทบต่อรากฟัน การจัดฟัน และรูของเส้นประสาทรับความรู้สึกของริมฝีปากล่าง
2. การตัดแต่งขอบกระดูกทางด้านข้างยาวไปถึงส่วนมุมคางใต้หู
เป็นการผ่าตัดที่ทำให้กระดูกทางด้านข้างยาวไปถึงส่วนมุมคางใต้หูดูสวยงามด้วยอุปกรณ์ตัดกระดูก ซึ่งการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ต้องระวังเส้นประสาท โดยต้องดูภาพ x-ray ก่อนการผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งจะมีโอกาสทำให้เกิดอาการชาที่ริมฝีปากล่างอย่างถาวร ทั้งยังอาจเกิดอันตรายต่อรากฟันอีกด้วย
ตัดกรามวีไลน์(V Line)ดีอย่างไร?
ตัดกรามวีไลน์คือการศัลยกรรมผ่าตัดที่แตกต่างกับการตัดกรามเฉยๆ เพราะการตัดกรามเฉยๆ ตัดแค่กรามเพื่อลดมุมกรามและความบานของใบหน้า แต่ตัดกรามวีไลน์การที่จะทำให้ใบหน้าเรียวสมบูรณ์ โดยแพทย์จะพิจารณาองค์รวมทั้งกรามและคางไปพร้อมๆกันเพื่อประเมินการตัดแต่งให้ได้รูปหน้าที่เรียวสวย
ตัดกรามเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีรูปหน้าและโครงหน้าใหญ่กว่าปกติ เช่น คางเบี้ยว คางสั้น คางใหญ่
- ผู้ที่มีมุมกรามใต้หูหรือเห็นแนวกรามชัดเมื่อมองจากด้านข้าง
- ผู้ที่มีกรามโดยรวมขนาดใหญ่
- ผู้ที่มีใบหน้าไม่สมมาตรฐาน ใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน
- ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าความอ่อนเยาว์และดูอ่อนโยนขึ้น
ตัดกรามแผลภายนอกกับแผลภายในต่างกันยังไง?
การตัดกรามนั้นมีเทคนิคในการเปิดแผล 2 วิธีซึ่งแตกต่างกันดังนี้
- การตัดกรามแผลใน เป็นการผ่าตัดในช่องปากที่มีพื้นที่แคบจึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ การผ่าตัดวิธีนี้เป็นที่นิยมกันมากกว่าเพราะไม่เห็นแผลเป็น นอกจากนี้กระดูกกรามที่ได้จะโค้งเนียนสวยกว่าเพราะสามารถตัดแต่งได้ตลอดกระดูกขากรรไกร
- ส่วนตัดกรามแผลนอกเป็นการผ่าที่มุมกรามด้านนอกโดยทำการตัดกระดูกกรามออก ดังนั้นจึงสามารถเห็นรอยแผลเป็น เพราะเป็นการผ่าจากภายนอก
การเตรียมตัวก่อนตัดกราม
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจดูโครงสร้างของกระดูกขากรรไกรอย่างละเอียด เช่น ความหนา ความสูง ความสมดุลของกระดูกกรามทั้งสองข้าง เพื่อประเมินความเหมาะสมการตัดแต่งเหลี่ยมมุมให้รับกับใบหน้า และไม่ให้กระทบรากฟัน โดยต้องคำนึงถึงความแข็งแรงของกระดูกกรามหลังผ่าตัดด้วย
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องรับการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด พร้อมทั้งแจ้งประวัติสุขภาพโรคประจำตัว การแพ้ยา ยาที่รับประทานเป็นประจำกับแพทย์
- พักผ่อนให้เพียงพอ และเตรียมสภาพร่างกายให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะช่องปาก และระบบทางเดินหายใจ
- งดวิตามินที่มีส่วนผสมของน้ำมันประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- เนื่องจากการผ่าตัดจะต้องทำโดยการวางยาสลบ ดังนั้นผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องงดอาหารและน้ำ 6-8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
ตัดกรามสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
1. ตัดกรามแบบแผลภายในช่องปาก
การผ่าตัดกรามแบบแผลภายในช่องปาก เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง และต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่ทันสมัย เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์
ขั้นตอนการผ่าตัดกรามแบบแผลภายในช่องปาก
- แพทย์วางยาสลบผู้เข้ารับการผ่าตัด
- ผ่าตัดเปิดแผลตามซอกเหงือกด้านหลังฟันกรามไปยังมุมกระดูกขากรรไกร
- ตัดแต่งกรามตามต้องการด้วยเครื่องมือพิเศษที่สามารถเลื่อย หรือเหลากระดูกได้ในซอกแคบๆ
- เย็บปิดปากแผล
หลังผ่าตัด จะมีอาการบวมประมาณ 5-10 วัน
ข้อดีของการผ่าตัดกราม แบบแผลภายในช่องปาก
- ไม่มีรอยแผลเป็น
- สามารถตัดแต่งกรามได้ตามต้องการ
- โอกาสกระทบกระเทือนเส้นประสาทน้อยกว่าการผ่าแบบแผลภายนอก
ข้อเสียของการผ่าตัดกราม แบบแผลภายในช่องปาก
- มีอาการบวมมากกว่าการผ่าตัดกรามแบบเปิดแผลภายนอก
- มีความยุ่งยากในการรักษาความสะอาดภายในช่องปากขณะผ่าตัด เนื่องจากผ่าในพื้นที่จำกัด
2. ตัดกรามแบบแผลภายนอกช่องปาก
การผ่าตัดกรามแบบแผลภายนอกช่องปาก เป็นเทคนิคที่ง่ายกว่าการผ่าตัดกรามแบบเปิดแผลภายใน เพราะพื้นที่ในการปฏิบัติการมากกว่า แต่ไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ขั้นตอนการผ่าตัดกรามแบบแผลภายนอกช่องปาก
- แพทย์วางยาสลบผู้เข้ารับการผ่าตัด
- ผ่าตัดเปิดแผลที่มุมกรามด้านนอก โดยผ่านผิวหนังบริเวณมุมกรามโดยตรง และตัดกระดูกกรามออก
- กรอเก็บมุมกราม ให้เล็กและได้รูปทรงด้วยอุปกรณ์พิเศษซึ่งเป็นเลื่อยเล็กๆ ตัดตามตำแหน่งที่ต้องการ
- เย็บปิดแผลโดยผ่าตัดเข้าไปในช่องปากโดยซ่อนแผลไว้ บริเวณซอกเหงือกด้านหลังฟันซี่สุดท้ายในปาก
ข้อดีของการผ่าตัดกรามแบบแผลภายนอกช่องปาก
- สามารถทำง่ายกว่าวิธีผ่าตัดจากในช่องปาก
- อาการบวมน้อยกว่าการผ่าตัดจากในช่องปาก
ข้อเสียของการผ่าตัดกรามแบบแผลภายนอกช่องปาก
- เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนเส้นประสาทได้ง่าย
- อาจมีอาการปากเบี้ยวได้ชั่วคราว
- มีรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัด
การผ่าตัดกรามทั้งแบบแผลภายในช่องปากและแบบแผลภายนอกช่องปากโดยปกติใช้เวลาในการผ่าประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังตัดกราม
- ระยะ 2-3 วันแรกหลังผ่าตัดให้ประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวมบริเวณแผลผ่าตัดในปากและบริเวณกระดูกกรามที่ผ่าตัด อาจมีอาการหูอื้อเล็กน้อยจากแรงสั่นสะเทือนระหว่างการเหลาหรือตัดกระดูกกราม
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรลางานอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อพักฟื้น
- หลังจากหายบวมให้ประคบด้วยน้ำอุ่น 7-14 วัน และหลังจากผ่านช่วงนี้อาการหูอื้อจะหายไปเอง
- งดอาหารแข็งหรืออาหารที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยว อาหารช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 1 เดือนหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้แผลหายช้า
- ทำความสะอาดของช่องปากด้วยการแปรงฟันเบาๆ เพื่อขจัดเศษอาหารตกค้างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ และบ้วนปากด้วยน้ำยาล้างปากทุกครั้งหลังการรับประทานอาหาร
- อ้าปากบ่อยๆ เพื่อช่วยขยับข้อต่อขากรรไกรไม่ให้ติดหรือฝืดในระยะที่มีอาการบวม โดยปกติจะยังอ้าปากไม่ได้มาก แต่หลังจากอาการบวมทุเลาลงจะอ้าปากได้มากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับจนสามารถอ้าได้ตามปกติ
ตัดกรามพักฟื้นกี่วัน?
ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 2 วัน และพักฟื้นต่อที่บ้านอีก 1-2 สัปดาห์ อาการบวมที่บริเวณกรามทั้งสองอาจไม่เท่ากันทำให้ดูใบหน้าไม่เท่ากัน แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ และรูปทรงใบหน้าจะเริ่มสวยเข้าที่ในสัปดาห์ที่ 2 เป็นต้นไป
ตัดกรามแล้วเมื่อไหร่หน้าจะเรียวเข้าที่?
หลังการตัดกรามผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องพักฟื้นเพื่อรอให้ใบหน้าหายบวมและเข้ารูปโดยมีระยะเวลาดังนี้
- ช่วงสัปดาห์ที่ 2 หลังการผ่าตัดรูปหน้าจะเริ่มเปลี่ยนแปลง อาการบวมและอาการชาลดลง
- ช่วงสัปดาห์ 4-6 หลังการผ่าตัดกระดูกจะเชื่อมกันสนิท
- เดือนที่ 6 หลังผ่าตัดใบหน้าเข้าที่สมบูรณ์ อาการบวมและอาการชาหายสนิท
จัดฟันอยู่สามารถตัดกรามได้ไหม?
จัดฟันอยู่สามารถตัดกรามได้แต่จะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ โดยจะพิจารณาว่าฟันที่จัดเริ่มเข้ารูปหรือต้องจัดฟันมาแล้วเกิน 1 ปีขึ้นไปจนแพทย์สามารถมั่นใจว่าใบหน้าผู้ขอเข้ารับการตัดกรามหลังฟันที่จัดเข้ารูปเรียบร้อยอยู่ในลักษณะไหนเพื่อนำประกอบการตัดสินใจในการตัดแต่งกรามเพื่อให้ได้ใบสวยหน้าเรียวและได้สัดส่วนที่สมมาตร โดยผู้ขอเข้ารับการผ่าตัดกรามจะต้องให้ทันตแพทย์ปรับลวดดัดฟันให้เรียบร้อยก่อนผ่า เพราะหลังตัดกรามจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนจึงจะปรับลวดดัดฟันได้
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดกราม
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นการตัดกรามนั้นอาจเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับทุกๆ การผ่าตัด
- การเสียเลือดมาก เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดกราม
- มีโอกาสแผลติดเชื้อระหว่างผ่าตัดและหลังผ่าทั้งแบบแผลภายในช่องปากและแผลภายนอกช่องปาก
- เส้นประสาทอาจได้รับความเสียหาย ส่งผลให้รู้สึกชาบริเวณปากชั่วคราวอาจนานถึงประมาณ 6 เดือน มีอาการปากเบี้ยว เป็นต้น
- มีโอกาสกระดูกบริเวณที่ถูกผ่าแตกเพราะการตัดแต่งกรามทำให้กระดูกเล็กและบางลง
- อาจเกิดผลข้างเคียงด้านจิตใจหลังการผ่าตัด กับผู้เข้ารับการตัดกรามที่ไม่พอใจกับผลลัพธ์หรือยังไม่คุ้นชินกับลักษณะรูปกรามใหม่ โดยจำเป็นต้องปรึกษาขอคำแนะนำจากศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดถึงปัญหาดังกล่าว
ปัจจุบันการตัดกรามเป็นที่นิยมกันมากในประเทศไทย และโรงพยาบาลหรือสถาบันที่เปิดให้บริการตัดกรามมีมากมายให้เลือกใช้บริการ ดังนั้นเราควรพิจารณาเลือกโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างแท้จริง และมีเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อมให้บริการ