ศัลยกรรมจมูก จัดเป็นหนึ่งในการทำศัลยกรรมตกแต่งที่คนนิยมทำกัน เพราะจมูกเป็นจุดที่อยู่ส่วนกลางของใบหน้า การปรับเปลี่ยนที่ส่วนนี้จะทำให้ใบหน้าโดยรวมเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย แบ่งเป็นหลายวิธี เช่น การเสริมจมูก การตัดปีกจมูก หรือการตกแต่งกระดูกสันจมูก
อย่างไรก็ตามผู้ที่ต้องการเข้ารับการทำศัลยกรรมจมูก ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเสริม แพทย์ที่จะทำ สถานที่ที่เข้ารับบริการ หรือการเตรียมตัวก่อน-หลังการผ่าตัด เพื่อการทำศัลยกรรมบนพื้นฐานของความปลอดภัย
ในบทความนี้จะเน้นไปที่การศัลยกรรมจมูกด้วยวิธีการเสริมจมูก ซึ่งเป็นวิธีการศัลยกรรมจมูกที่นิยมมากที่สุด
สารบัญ
- วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก มีอะไรบ้าง?
- รูปทรงจมูกมีกี่แบบ?
- 1. จมูกทรงหยดน้ำ
- 2. จมูกทรงปลายพุ่ง
- 3. จมูกทรงปลายเชิด
- การตัดปีกจมูก หนึ่งในเทคนิคศัลยกรรมจมูกที่สำคัญไม่แพ้กัน
- การตกแต่งกระดูกสันจมูก สำหรับผู้ที่จมูกโด่งแต่ไม่เข้ารูป
- ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
- ข้อควรระวังของการศัลยกรรมจมูก
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการศัลยกรรมจมูก
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก มีอะไรบ้าง?
- การใช้เนื้อเยื่อตัวเองในการเสริมจมูก เช่น กระดูกซี่โครง ไขมัน หรือกระดูกอ่อนหลังหู ข้อดีคือมีความปลอดภัยสูง เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้น้อย เพราะเป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวเอง แต่มีราคาแพงกว่าการศัลยกรรมจมูกอื่นๆ
- การใช้ซิลิโคน จัดแต่งรูปทรงที่ต้องการได้มากกว่าเนื้อเยื่อ มีหลายรูปแบบ เช่น แบบแท่ง แบบบล็อก แบบนิ่ม หรือแบบแข็ง โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกชนิดของซิลิโคนที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการ ซึ่งต้องเป็นซิลิโคนเกรดทางการแพทย์ (Medical grade) เท่านั้น
- การฉีดสารเติมแต่ง เป็นวิธีที่แพทย์ไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ อาการบวมแดงจากการอักเสบ ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
รูปทรงจมูกมีกี่แบบ?
รูปทรงจมูกมีหลายรูปแบบ การเลือกรูปทรงจมูกเป็นสิ่งที่ผู้เข้ารับการศัลยกรรมจมูกให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะใบหน้าของแต่ละคนมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน การเลือกรูปทรงจมูกให้เหมาะกับใบหน้าของตัวเอง จะช่วยให้การศัลยกรรมจมูกเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินร่วมกับผู้เข้ารับการเสริมจมูกเพื่อเลือกรูปทรงจมูกที่เหมาะสมที่สุด
รูปทรงจมูกที่นิยมในปัจจุบัน มีดังนี้
1. จมูกทรงหยดน้ำ
จมูกทรงหยดน้ำ หากมองจากด้านหน้าตรงๆ อาจไม่เห็นเด่นชัด แต่ถ้าดูจากด้านข้างจะเห็นชัดเจนว่า เป็นจมูกที่ส่วนปลายจะเป็นทรงเหมือนน้ำกำลังหยด เป็นทรงที่ดูเข้ากับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ จัดเป็นทรงที่คนส่วนมากนิยมทำมากที่สุด
อย่างไรก็ตามผู้ที่ต้องการทำจมูกทรงนี้ จะต้องเป็นคนที่มีสันจมูกค่อนข้างยาว มีเนื้อปลายจมูกที่เยอะพอสมควร หากมีเนื้อปลายจมูกน้อยเกินไป อาจทำให้เกิดการรั้ง และมีความเสี่ยงที่ซิลิโคนส่วนปลายทะลุได้
2. จมูกทรงปลายพุ่ง
ซิลิโคนของจมูกทรงปลายพุ่ง จะเริ่มตั้งแต่ส่วนสันจมูกพุ่งลงมาจนถึงปลาย เป็นทรงที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีดั้ง หรือมีดั้งแต่ไม่พุ่ง หรือมีดั้งไม่สมส่วน
จมูกทรงปลายพุ่งจะทำให้ดูมีสันจมูกที่คมสวยได้รูป ส่วนปลายจมูกที่พุ่งจะทำให้ปลายจมูกดูเรียวเล็กลง ดูสวยคมขึ้น
3. จมูกทรงปลายเชิด
เป็นทรงจมูกที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเนื้อตรงปลายจมูกมากนัก มีดั้งอยู่แล้ว หรือไม่มีก็ได้ จมูกทรงปลายเชิดที่ไม่สูงมากนักจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
การตัดปีกจมูก หนึ่งในเทคนิคศัลยกรรมจมูกที่สำคัญไม่แพ้กัน
การศัลยกรรมเสริมจมูกไม่ได้มีเพียงการเสริมสิ่งใหม่เข้าไปอย่างเดียว แต่ยังสามารถตัดส่วนเกินออกให้ดูพอดีได้อีกด้วย เรียกว่า การตัดปีกจมูก เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกบาน หรือปีกจมูกหนามาก
การตัดปักจมูก สามารถทำพร้อมกับการศัลยกรรมเสริมจมูกได้ หรือสำหรับผู้ที่มีสันจมูกสวยอยู่แล้ว การตัดปีกจมูกอย่างเดียวก็อาจทำให้ได้รูปทรงจมูกตามที่ต้องการแล้ว
การตกแต่งกระดูกสันจมูก สำหรับผู้ที่จมูกโด่งแต่ไม่เข้ารูป
การตกแต่งกระดูกสันจมูก เป็นการศัลยกรรมจมูกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสันจมูกคด เบี้ยว นูน ไม่เรียบ หรือไม่เข้ารูป โดยแพทย์จะทำตกแต่งกระดูกสันจมูกให้เข้ารูปด้วยการเหลาจมูกส่วนเกินออก แต่ไม่ได้ทำการใส่ซิลิโคนเสริมเข้าไป
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
- จมูกเบี้ยว เกิดจาการเสริมแท่งซิลโคนที่มีขนาดใหญ่เกินไป หรือเกิดจากการบกพร่องของการติดเทปในช่วงสัปดาห์แรก
- ซิลิโคนทะลุ เกิดจากการเสริมแท่งซิลิโคนที่มีขนาใหญ่เกินไป หรือซิลิโคนอยู่ในช่องที่ไม่มั่นคง ทำให้เลื่อนไปมาและเกิดการทะลุได้ หากเริ่มมีตุ่มน้ำ หรือผนังเริ่มบางใสจนมองเห็นแท่งซิลิโคน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการศัลยกรรมจมูก สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดใหม่ ซึ่งแพทย์จะต้องนำซิลิโคนเดิมออกก่อน และใช้เวลาพักฟื้น 2-3 เดือนก่อนที่จะเข้ารับการศัลยกรรมจมูกใหม่อีกครั้ง
ข้อควรระวังของการศัลยกรรมจมูก
การศัลยกรรมเสริมจมูกอาจดูเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน มีหลายรูปแบบ หลายราคา มีทั้งคลินิกในไทยและต่างประเทศให้เลือก
ทั้งนี้การเสริมจมูกก็คงมีข้อควรระมัดระวังกันอยู่บ้าง หากประมาท ไม่ตรวจตราคลินิกให้ดีเสียก่อน อาจจะต้องรักษาโดยการผ่าตัดใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าหลายเท่า
- ควรเลือกคลินิก หรือโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการทำศัลยกกรรม ป้องกันการใช้ซิลิโคนปลอม หรือไม่ได้มาตรฐานทางการแพทย์
- เลือกทรงจมูกให้เหมาะกับรูปหน้าและเนื้อจมูก เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน อย่างซิลิโคนทะลุ หรือจมูกเบี้ยว
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูก (แคะ แกะ เกา ขยี้) และสถานที่ที่มีมลภาวะ เช่น ฝุ่น ควัน เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเกิดการติดเชื้อได้
- หลังการผ่าตัด ควรประคบเย็น 4-5 วัน เพื่อให้เลือดหยุดไหล ป้องการการเกิดเลือดออก และลดความเสี่ยงในการเกิดพังผืดในระดับรุนแรง ซึ่งส่งผลให้จมูกเบี้ยวได้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ หรืออาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารร้อนจัด เผ็ดจัด รวมไปถึงงดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอลด์ด้วย
- ในช่วงเวลา 1 เดือนหลังการผ่าตัด ห้ามให้เกิดการกระแทกบริเวณจมูกโดยเด็ดขาด
- สำหรับผู้ที่จัดฟัน ควรจัดฟันให้เสร็จก่อน เพราะการจัดฟันมีส่วนทำให้จมูกดูโด่งขึ้นจากการที่แนวฟันถูกบีบให้เล็กลง
- การรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อตัวเองหรือเนื้อเยื่อเทียม จะทำให้ซิลิโคนไม่สัมผัสกับเนื้อจมูกโดยตรง ทำให้ปลายจมูกดูเหมือนเนื้อธรรมชาติ และป้องกันซิลิโคนทะลุได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการศัลยกรรมจมูก
1. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open camoflage) คืออะไร มีข้อดีอย่างไร?
คำตอบ: การเสริมจมูกแบบเปิด คือ การที่ศัลยแพทย์เปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูก กรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก และแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูก
วิธีนี้จะทำให้ศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การปรับแต่ง หรือแก้ไขรูปร่างจมูกทำได้อย่างตรงจุด เช่น ตัดแต่งกระดูกจมูกเดิมที่เบี้ยว หรือการตะไบสันจมูกนูน หรือฮัมพ์ (Hump) เป็นต้น
การเสริมจมูกด้วยวิธีนี้ สามารถเสริมได้ทั้งซิลิโคน และโครงกระดูกอ่อนของร่างกายผู้เข้ารับบริการ นอกจากจะช่วยปรับโครงสร้างจมูกแล้ว ผู้เข้ารับบริการยังสามารถใช้กระดูกอ่อนเนื้อเยื่อมารองปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุได้ในคราวเดียวกันอีกด้วย
การเสริมจมูกแบบเปิดจึงเหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการเสริมจมูกเป็นครั้งแรก หรือผู้ที่ต้องการแก้ไขจมูกที่เคยเสริมมาก่อนนั่นเอง
2. ซิลิโคนจากประเทศเกาหลีกับสหรัฐอเมริกา อันไหนนิ่มกว่ากัน?
คำตอบ: ความจริงแล้วทั้งซิลิโคนจากประเทศเกาหลี และสหรัฐอเมริกาจะมีความนิ่มอยู่แล้ว เพียงแต่ซิลิโคนจากประเทศสหรัฐอเมริกาจะสามารถยืดหยุ่น นิ่ม และดูเป็นเนื้อจมูกธรรมชาติกว่าของประเทศเกาหลี
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรับแต่ง และการพูดคุยปรึกษากับแพทย์ด้วยว่า ควรใช้ซิลิโคนแบบไหน
จมูกมีหลายรูปทรง แต่ละรูปทรงก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป การศัลยกรรมจมูกที่ดี คือการเลือกทรงจมูกที่รับกับใบหน้ามากที่สุด มีความสมส่วนอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป รวมถึงต้องอาศัยฝีมือและประสบการณ์ของแพทย์ร่วมด้วย
ดังนั้นก่อนเข้ารับการศัลยกรรมจมูก ควรศึกษาข้อมูลจนมั่นใจ และเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้