แม้ส่วนใหญ่ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกมักจะไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรง และไม่เป็นเนื้อร้าย แต่ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจเสี่ยงเกิดการติดเชื้อ และทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมา มาดูกันว่า การรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก มีวิธีไหนบ้าง แต่ละวิธีเป็นอย่างไร รวมทั้งมีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไรบ้าง
สารบัญ
การรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก มีวิธีไหนบ้าง
การรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูกมีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนของติ่งเนื้อ รวมไปถึงอาการของผู้ป่วย โดยวิธีการรักษาที่พบได้บ่อย ได้แก่ การเฝ้าระวัง การใช้ยา และการผ่าตัด
1. การเฝ้าระวัง
ผู้ป่วยบางรายตรวจพบติ่งเนื้อที่ปากมดลูก ในขณะที่ติ่งเนื้อยังมีขนาดเล็กมาก และไม่มีอาการใดๆ ที่น่ากังวล แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าระวังและตรวจติดตามอาการเป็นระยะๆ โดยแพทย์มักจะนัดตรวจภายในหรือ Pap Smear เป็นประจำ เพื่อตรวจหาว่า ติ่งเนื้อมีการเจริญเติบโตหรือไม่ และตรวจดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์หรือไม่
ข้อดี
- ไม่มีผลข้างเคียงจากการรักษา
- ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด หรือการใช้ยา
ข้อจำกัด
- ไม่สามารถแก้ปัญหาติ่งเนื้อได้ทันที หากติ่งเนื้อเจริญเติบโตขึ้น หรือมีอาการมากขึ้น อาจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น
- ต้องเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ
- อาจรู้สึกกังวลใจ ว่าติ่งเนื้อจะแสดงอาการผิดปกติหรือไม่
2. การใช้ยา
การใช้ยา เป็นวิธีที่ช่วยควบคุมอาการของติ่งเนื้อปากมดลูกได้ส่วนหนึ่ง แต่เป็นวิธีที่ไม่ค่อยนิยมสำหรับการรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เนื่องจากติ่งเนื้อเป็นเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ต้องผ่าตัดออกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการติดเชื้อ แพทย์อาจใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อควบคุมการติดเชื้อและลดการอักเสบในบริเวณปากมดลูก ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ ด้วย เช่น การผ่าตัดเพื่อเอาติ่งเนื้อออก โดยเฉพาะเมื่อติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ หรือก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ
ข้อดี
- ช่วยควบคุมการติดเชื้อและลดการอักเสบได้
- ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด
ข้อจำกัด
- ไม่สามารถกำจัด หรือทำให้ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกหายไปได้
- อาจต้องใช้ยารักษาในระยะยาว
3. การผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
การผ่าตัดเป็นวิธีการหลักในการรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เนื่องสามารถกำจัดติ่งเนื้อได้ทันทีและมีประสิทธิภาพสูง
การผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูก เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องใช้ยาสลบ เจ็บปวดน้อย และไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล มีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ การผ่าตัดติ่งเนื้อแบบทั่วไป และการใช้ห่วงไฟฟ้า (LEEP) ซึ่งมีขั้นตอนและวิธีการแตกต่างกัน
3.1 การผ่าตัดติ่งเนื้อแบบทั่วไป (Cervical Polypectomy)
การผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกแบบทั่วไป เป็นกระบวนการที่ใช้เครื่องมือแพทย์ในการตัดติ่งเนื้อออกจากปากมดลูก ในกรณีที่ติ่งเนื้อมีขนาดเล็ก สามารถตัดออกได้เลยที่ห้องตรวจ แต่หากติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ แพทย์จะย้ายไปที่ห้องผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกแบบทั่วไป
- เตรียมตัวผู้ป่วย: ผู้ป่วยนอนหงายบนเตียงตรวจ จากนั้นแพทย์จะใช้อุปกรณ์ถ่างขยายช่องคลอด (Speculum) เปิดช่องคลอด เพื่อให้เห็นปากมดลูกได้ชัดเจน
- ทำความสะอาดบริเวณปากมดลูก: แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณปากมดลูกและบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และฉีดยาชาบริเวณปากมดลูก
- ผ่าตัดติ่งเนื้อ: แพทย์จะใช้เครื่องมือสำหรับตัดเนื้อเยื่อในการตัดติ่งเนื้อออก หากติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่ แพทย์อาจต้องผูกที่ขั้วของติ่งเนื้อก่อนผ่าตัด
- ห้ามเลือด: หลังจากตัดติ่งเนื้อแล้ว แพทย์อาจใช้ยา หรือจี้ไฟฟ้าที่ขั้วติ่งเนื้อ เพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหล
- เก็บชิ้นเนื้อ: ชิ้นเนื้อที่ตัดออกจะถูกส่งไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ หากเป็นมะเร็งอาจต้องวางแผนการรักษาต่อไป
- พักสังเกตอาหารและพักฟื้น: ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง หากไม่มีอาการผิดปกติ สามารถกลับบ้านได้เลย
ข้อดี
- ผ่าตัดง่ายและสามารถทำได้ในห้องตรวจ ในกรณีที่ติ่งเนื้อมีขนาดเล็ก
- ใช้เพียงยาชา ไม่ต้องใช้ยาสลบ
- เจ็บปวดน้อยและไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
- อาการข้างเคียงน้อยมาก
ข้อจำกัด
- อาจมีเลือดออกมากหลังการผ่าตัด
- ต้องใช้เวลาในการห้ามเลือด
3.2 การใช้ห่วงไฟฟ้า (LEEP – Loop Electrosurgical Excision Procedure)
การใช้ห่วงไฟฟ้า (LEEP) เป็นการตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกและห้ามเลือดไปพร้อมกัน โดยใช้กระแสไฟฟ้าผ่านห่วงลวดขนาดเล็ก ถือเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูก โดยใช้ห่วงไฟฟ้า
- เตรียมตัวผู้ป่วย: ผู้ป่วยนอนหงายบนเตียงตรวจ จากนั้นแพทย์จะใช้อุปกรณ์ถ่างขยายช่องคลอด (Speculum) เปิดช่องคลอด เพื่อให้เห็นปากมดลูกได้ชัดเจน
- ทำความสะอาดบริเวณปากมดลูก: แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณปากมดลูกและบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และฉีดยาชาบริเวณปากมดลูก
- ตัดติ่งเนื้อด้วยห่วงไฟฟ้า: แพทย์จะใช้ห่วงลวดขนาดเล็กที่มีกระแสไฟฟ้าในการตัดติ่งเนื้อออก ห่วงลวดนี้จะทำให้เนื้อเยื่อถูกตัดและห้ามเลือดไปพร้อมกัน
- ตรวจสอบบริเวณที่ตัด: แพทย์จะตรวจสอบบริเวณที่ตัด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเลือดออกและไม่มีเนื้อเยื่อที่ผิดปกติเหลืออยู่
- เก็บชิ้นเนื้อ: ชิ้นเนื้อที่ตัดออกจะถูกส่งไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ หากเป็นมะเร็งอาจต้องวางแผนการรักษาต่อไป
- พักสังเกตอาหารและพักฟื้น: ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง หากไม่มีอาการผิดปกติ สามารถกลับบ้านได้เลย
ข้อดี
- สามารถตัดติ่งเนื้อและห้ามเลือดได้พร้อมกัน ทำให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็ว
- ลดความเสี่ยงของการมีเลือดออกหลังการผ่าตัด
ข้อจำกัด
- ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการผ่าตัด
- แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญในการใช้เครื่องมือ
ผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกด้วยวิธีไหนดี ยังลังเลใช่ไหม? ปรึกษาแอดมิน หาแพ็กเกจราคาดีใกล้คุณได้ ที่นี่
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูก
แม้การผ่าตัดติ่งเนื้อที่ปากมดลูกจะเป็นการผ่าตัดเล็กที่ค่อนข้างปลอดภัย ไม่ซับซ้อน แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน แต่มีความเสี่ยงน้อยมาก
- การติดเชื้อ แพ้ยาชา บวมช้ำ ซึ่งเป็นความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการผ่าตัด
- อาการเจ็บปวดหรือไม่สบายบริเวณที่ผ่าตัด
- การมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย ในช่วง 2-3 วันแรก
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง มีเลือดออกทางช่องคลอดมากผิดปกติ ตกขาวมากผิดปกติหรือมีกลิ่น/สีผิดปกติ มีอาการปวดท้องน้อย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
จะเห็นได้ว่า การรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูกมีหลากหลายวิธี ซึ่งมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมนั้นจำเป็นต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน
ทางที่ดี ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อขอคำแนะนำและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล
อยากรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูกให้หายขาด นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare ได้เลย สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจรักษาติ่งเนื้อที่ปากมดลูก จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย