การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือเมื่อการคุมกำเนิดหลักไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจเกิดความกังวลเมื่อพบว่า หลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนยังไม่มาหรือมาช้ากว่าปกติ ทำให้สงสัยว่าจะท้องหรือไม่ แม้ยาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้น หากประจำเดือนไม่มาตามกำหนด ควรสังเกตอาการและตรวจสอบด้วยวิธีการที่เหมาะสมเพื่อความมั่นใจ
กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง กินยาต่อได้ไหม แล้วทำไมประจำเดือนไม่มา เมนส์มาช้ากว่าปกติ เหตุผลที่ตัวยาคุมที่ทานใช่ไหม กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเมนไม่มาภายใน 7 วัน แก้ปัญหาอย่างไร ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเรื่องยาคุมฉุกเฉินกันก่อน
สารบัญ
กินยาคุมฉุกเฉินแล้ว ทำไมเมนไม่มา ?
ยาคุมฉุกเฉิน คือ ยาคุมกำเนิดชนิดหนึ่ง ใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินอย่างการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ปกติเกิดความผิดพลาด เช่น ถุงยางอนามัยเกิดรั่วหรือฉีกขาด ลืมรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดตั้งแต่ 2 เม็ดขึ้นไป หรือในกรณีที่ผู้หญิงถูกข่มขืน
คู่ที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำไม่ควรใช้วิธีนี้เป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด เพราะจะเกิดผลข้างเคียงสูง และทำให้ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดลดลง จนไม่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
วิธีทานยาคุม ให้ได้ประสิทธิภาพ
- รับประทานเม็ดที่ 1 ให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างน้อยที่สุดคือไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง สามารถทานหลังจากนั้นได้ แต่โอกาสป้องกันการตั้งครรภ์จะลดลงตามเวลา
- รับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง
- ไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน
ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียว ประสิทธิภาพ 2 เท่า ผลข้างเคียงสองเท่า
ปัจจุบัน มีการผลิตยาคุมฉุกเฉินแบบปริมาณสูงเป็นสองเท่าของแบบดั้งเดิม ให้รับประทานเพียงเม็ดเดียว ครั้งเดียว เพื่อให้สะดวกขึ้นและลดการลืมรับประทานยาเม็ดที่ 2 แต่ทั้งนี้ผลข้างเคียงก็สามารถเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ มีเลือดออกกะปริดกะปรอย อาจทำให้ประจำเดือนมาเร็วหรือช้ากว่าปกติ ซึ่งขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น การตอบสนองต่อฮอร์โมนในแต่ละคน ระดับความเครียด แต่โดยปกติแล้ว หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ประจำเดือนจะมาภายใน 7 วัน หากไม่มาอาจต้องพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ต่อไป
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อผลในการคุมกำเนิดนั้น จะไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกว่าการคุมกำเนิดได้ผลหรือไม่ จนกว่าประจำเดือนจะมาเป็นปกติ ดังนั้นจึงทำได้เพียงรับประทานให้ถูกวิธี โดยการรับประมาณเร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และไม่รับประทานเป็นประจำ เพราะประสิทธิภาพจะลดลงไปเรื่อยๆ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพด้อยลงแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก 2 %
หลังกินยาคุมฉุกเฉิน จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง
ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าท้องไม่ท้อง แล้วถ้ากินหลังมีเพศสัมพันธ์ 2 วันจะกินได้ไหม ?
กินหลังมีเพศสัมพันธ์สองวันได้ครับ กรณีรับประทานภายใน 72 ชม.ลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ ประมาณ 75% ครับ ยิ่งกินช้า ยิ่งมีโอกาสหลุดท้องครับ
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องต้องรอประจำเดือน หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 1 สัปดาห์หลังกินยา จะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ประมาณ ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีเลือดออกก็ได้ครับ ไม่ไ้ด้บอกว่าท้องหรือไม่ท้องครับ)
ส่วนประจำเดือนจริงๆจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3 สัปดาห์
- ถ้ามาเเล้วก็คือไม่ท้องครับ
- ถ้าเกิน 3 สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา ก็มีโอกาสหลุดท้องครับ ให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ
กรณีที่กังวลต้องการตรวจการตั้งครรภ์ สามารถตรวจได้เร็วที่สุด 2 สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางอนามัยไปก่อนครับ เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
ตอบโดย นพ. วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์
กินยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด เมนจะมาตอนไหน
ตอบโดย นพ. นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู
หลังกินยาคุมฉุกเฉิน จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง
กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนขาดไป 12 วันมีอาการเหมือนคนท้องแต่ตรวจแล้วขึ้น 1 ขีดจะท้องไหมคะ จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ท้อง ?
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงนักนะคะ แม้จะรับประทานครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 – 25% ซึ่งถือว่าสูงกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานหลายเท่า
แต่หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ
ดังนั้น หากผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม และกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนนะคะ
ซึ่งหากการตรวจของผู้ถามทำได้ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสม คือในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ
แต่ถ้าผู้ถามใช้ชุดทดสอบไม่ถูกวิธี หรือตรวจในเวลาที่ไม่เหมาะสม แนะนำให้ตรวจใหม่ให้ถูกต้องนะคะ
ตอบโดย ภกญ. จินตนา แสงโพธิ์
บทความที่เกี่ยวข้อง
คำถามสุขภาพที่พบบ่อย
ก่อนหน้านี้กินยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด ติดต่อกัน 3-4 วัน เเล้วเดือนที่แล้วเมนส์ไม่มา ตรวจแล้วไม่ท้อง ต้องทำไงให้เมนมาคะ ?
โดยปกติ รอบเดือนของเรา จะคลาดเคลื่อนอยู่ระหว่าง 21-35 วัน (บวกลบเจ็ดวันจากรอบก่อนๆ ) อยู่แล้วครับ ถ้ายังอยู่ในช่วงนี้ ก็ยังถือว่าปกติครับ แต่ถ้ามีความเครียด วิตกกังวล ซึ่งเกิดขึ้นได้ในคนทั่วไป ก็อาจทำให้คลาดเคลื่อนไปได้อีกครับ
ในกรณีประจำเดือนไม่มาตามปกติ หรือ ประจำเดือนขาดไป
ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัย หรือการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆไม่ถูกต้อง หรือ ผิดพลาด เล่น ถุงยางอนามัยรั่วซึม ก็อาจตั้งครรภ์ได้ เบื้องต้นแนะนำว่า ให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะครับ โดยการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยตนเอง สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ครับ (การตรวจนั้น ต้องตรวจถุกต้องตามคำแนะนำและระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยนะครับจึงจะเชื่อถือได้ครับ)
ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์. ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างครับ ตัวอย่าง เช่น
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 ครั้ง ก็ให้รอดูอาการก่อนได้ครับ หากเกิน 3 เดือนประจำเดือนไม่มา แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ