การควบคุมพลังงานที่ได้จากอาหารแต่ละมื้อโดยเฉพาะน้ำตาล คาร์โบไฮเดรต และไขมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อป้องกันให้ระดับน้ำตาลในเลือดพอดี ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป และร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นในปริมาณที่พอเหมาะ
ดังนั้น การศึกษาเมนูอาหารที่ให้พลังงานและสารอาหารที่พอเหมาะจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยได้กะปริมาณอาหารแต่ละมื้อได้ รวมถึงส่วนประกอบของอาหารว่าสามารถรับประทานอะไรได้บ้าง นอกจากนี้ ยังเป็นการให้ตัวเลือกอาหารที่หลากหลายแก่ผู้ป่วย ไม่ทำให้มื้ออาหารซ้ำซากจำเจ
สารบัญ
สูตรอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่อร่อยและเหมาะสมใน 1 วัน
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แพทย์จะแนะนำให้รับประทานอาหารที่ให้พลังงานประมาณ 1,200-1,800 หรือโดยเฉลี่ยที่ 1,600 กิโลแคลอรี โดยพลังงาน 50% มาจากคาร์โบไฮเดรต และอีก 25% มาจากไขมัน ซึ่งหากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าในแต่ละมื้อจะมีทั้งสารอาหารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันในปริมาณที่พอเหมาะ
ตัวอย่างต่อไปนี้ จะเป็นการยกตัวอย่างมื้ออาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเย็น และขนมคบเคี้ยว ซึ่งมีแบบทั้งของไทยและแบบตะวันตก
มื้ออาหารเช้า
มื้ออาหารเช้าแบบไทย
- ข้าวต้มไก่
- ไข่ลวก 1 ฟอง
- มะละกอสุก 8 ชิ้น
- น้ำส้มคั้น 1 แก้ว
ตัวเลือกมื้ออาหารเช้าแบบไทยอื่นๆ
- โจ๊กหมูล้วนใส่ไข่ลวก 1 ชาม กับแตงโม 3 ชิ้น
- แซนวิชทูน่าใส่ไข่ต้มครึ่งฟอง
- ต้มจืดเต้าหู กับข้าวกล้อง 100 กรัม
มื้ออาหารเช้าแบบตะวันตก
- แซนด์วิชผักโขม ไข่ และชีส
- มัฟฟินทอดแบบอังกฤษ 1 ชิ้น
- ผักโขมลวก ½ ถ้วย
- ไข่ดาว 1 ฟอง
- ชีสสวิส 1 แผ่น
- เมล่อน 1 ถ้วย
- กาแฟ ใส่นมและน้ำตาลที่ไม่มีไขมันย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
มื้ออาหารกลางวัน
มื้ออาหารกลางวันแบบไทย
- ข้าวสวย 2 ทัพพี
- แกงเขียวหวานปลากรายมะเขือยาว
- สัปปะรด 6 ชิ้น
ตัวเลือกมื้ออาหารกลางวันแบบไทยอื่นๆ
- กระเพาะปลาน่องไก่
- เกาเหลาลูกชิ้นน้ำใส กับข้าวกล้อง 100 กรัม
- ผัดบร็อคโคลี กับข้าวกล้อง 100 กรัม
มื้ออาหารกลางวันแบบตะวันตก
- สลัดไก่และสตรอว์เบอร์รีพร้อมน้ำสลัด
- แป้งพิตา (Pita) อบในเตาอบ 1 แผ่น
- องุ่น 15-20 ลูก
- น้ำเย็นหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล 8-12 ออนซ์
มื้ออาหารเย็น
มื้ออาหารเย็นแบบไทย
- ข้าวสวย 2 ทัพพี
- ต้มจับฉ่ายหมู
- ปลาทูทอด 1 ตัว
- น้ำปลาพริกมะนาว
- กล้วยน้ำว้า 1 ผล
ตัวเลือกมื้ออาหารเย็นแบบไทยอื่นๆ
- ปลาเผาหรือปลานึ่ง กับผักต้ม
- สเต็กปลาดอลลี่ กับสลัดผัก
- ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
มื้ออาหารเย็นแบบตะวันตก
- สเต็กเนื้อที่ไม่ติดมัน (เช่นเนื้อสัน) ย่าง 3 ออนซ์
- มันหวานอบ 1 ที่
- ถั่วและเห็ดลวก 1 ถ้วย
- ซอสแอปเปิลแบบไม่หวาน ½ ถ้วย
- น้ำเย็นหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล 8-12 ออนซ์
ขนมคบเคี้ยว (ให้พลังงานประมาณ 80-150 กิโลแคลอรี)
- ชีสปราศจากไขมัน 1 แผ่น
- แครกเกอร์โฮลวีต 4 ชิ้น
- น้ำเย็นหรือเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล 8-12 ออนซ์
- ฟักทองนึ่ง 1 ชิ้นใหญ่
- แก้วมังกร 8 ชิ้น
- ส้มเขียวหวาน 1 ผล
- กล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้า 1 ลูก
- น้ำเต้าหู้หวานน้อย หรือไม่ใส่น้ำตาล
วิธีวางแผนมื้ออาหารสำหรับโรคเบาหวาน
การนับคาร์โบไฮเดรต
วิธีนี้จะทำการนับปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานในแต่ละวัน เมนูอาหารเบาหวานส่วนมากจะมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 45-60 กรัมต่อมื้อ และควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเกี่ยวกับปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่สามารถรับประทานได้ในแต่ละวัน ซึ่งคุณอาจต้องการการจดบันทึกเพื่อจดปริมาณที่รับประทานตลอดทั้งวัน
วิธีการใช้จาน
วิธีนี้สะดวกกว่าการจดปริมาณคาร์โบไฮเดรต โดยประเมินจากสัดส่วนอาหารใน 1 จานอาหารทั่วไป
สำหรับอาหารเช้า ควรรับประทานอาหารจากแป้งประมาณ ½ จาน และที่เหลือเป็นโปรตีนไม่ติดมันและผลไม่อย่างละครึ่ง
ส่วนอาหารกลางวันและอาหารเย็น จะแบ่งครึ่งหนึ่งของจานสำหรับผักที่ไม่มีแป้ง และอีกครึ่งจากสำหรับแป้งและโปรตีนไม่ติดมัน วิธีนี้จำเป็นต้องรู้ว่าอาหารประเภทไหนมีแป้งเป็นส่วนประกอบบ้าง สำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นอาจเพิ่มนมไม่มีไขมัน นมไขมันต่ำ หรือแป้งอื่นๆ และผลไม้อีก 1 ที่ได้
อีกเคล็ดลับสำหรับการวางแผนมื้ออาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวานก็คือ “ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม” เพราะน้ำตาล ไขมัน โซเดียม ล้วนเป็นสารอาหารที่มีส่วนให้อาการของโรคเบาหวานรุนแรงขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น ฉะนั้นเมื่อคุณเลือกเมนูอาหาร หรือวางแผนมื้ออาหารในแต่ละวัน ให้คำนึงถึงความหวาน ความมัน และรสชาติเค็มของอาหารว่ามีปริมาณเหมาะสมหรือไม่ หรืออาจปรึกษาร่วมกับแพทย์หรือนักโภชนาการอาหารก็ได้ เพื่อให้มื้ออาหารของคุณมีสารอาหารที่เพียงพอกับร่างกาย
นอกจากนี้สมาคมโรคเบาหวานแห่งสหราชอาณาจักรแนะนำว่าไม่มีอาหารใดที่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานไม่ได้ เพียงแต่รับประทานด้วยความระมัดระวังมากขึ้น และให้เข้มงวดกับการนับพลังงานที่ได้ในแต่ละวัน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้อีกด้วย
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล