มะยม เป็นพรรณไม้ที่พบได้ทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนไทยนิยมปลูกต้นมะยมไว้ในบ้าน เนื่องจากให้ร่มเงา ให้ผลที่รับประทานได้ และยังสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ได้
ลักษณะของมะยม
มะยมเป็นไม้ยืนต้น สูง 3-10 เมตร เปลือกต้นขรุขระ ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่เบี้ยว หรือรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบแหลม ใบออกเรียงสลับ ดอกเป็นช่อเล็ก ๆ ออกที่ซอกใบหรือกิ่งก้าน กลีบดอกสีแดง ดอกแยกเพศบนต้นเดียวกัน ลักษณะผลเป็นผลกลมแป้น มี 6-8 พู สีเขียว เมื่อสุกจะมีสีเหลืองอ่อน
มะยมเป็นไม้ที่ดอกไม้สมบูรณ์เพศ หมายถึง ดอกมีเพศเดียวเท่านั้น เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่คนละดอก มะยมบางต้นมีเฉพาะดอกเกสรตัวผู้ทั้งต้น จึงไม่ติดผล เรียกกันว่า มะยมตัวผู้
ต้นตัวเมีย คือ ต้นที่ติดผล และ ต้นตัวผู้ คือ ต้นที่ไม่ติดผล หรือติดผลน้อยมาก
มะยม มีพันธุ์อะไรบ้าง?
มะยมสายพันธุ์ที่พบทั่วไปในประเทศไทย มีสายพันธุ์เปรี้ยว และสายพันธุ์หวาน แต่ในปัจจุบันมีมะยมแดง หรือมะยมฝรั่ง ที่เริ่มมีการปลูกแพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นพืชที่มีลักษณะรูปร่างของผลและรสชาติคล้ายมะยม แต่ไม่ได้จัดเป็นพืชวงศ์เดียวกัน
ประโยชน์ของมะยม
ผลมะยมมีรสเปรี้ยว คนทั่วไปนิยมนำผลของมะยมตัวเมียมารับประทาน สามารถรับประทานสด นำไปดอง แช่อิ่ม เชื่อม กวน หรือทำเป็นแยม
ส่วนมะยมตัวผู้ จะนิยมนำมาใช้เป็นยารักษาโรค
สรรพคุณของมะยม
ส่วนต่างๆ ของมะยมมีประโยชน์ดังนี้
- ราก นำมาต้มดื่ม แก้ไข้ รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน
- ใบ ต้มอาบ แก้ไข้ เหือด หัด อีสุกอีใส แก้ผื่นคัน ตำรายาพื้นบ้าน ใช้ใบมะยม ผสมกับยาเขียว แก้ไข้ หรือผสมใบมะเฟือง ใบหมากผู้หมากเมีย ต้มอาบเพื่อรักษาอาการคันจากผื่น หรือตุ่ม
- ผล ประกอบด้วยแร่ธาตุและวิตามินหลายชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย บรรเทาอาการจากหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยให้ชุ่มคอ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ
ข้อควรระวัง
การรับประทานผลมะยมปริมาณมากอาจทำให้ท้องเสียได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระบาย
น้ำยางจากเปลือกรากมะยมเป็นพิษเล็กน้อย อาจทำให้มีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะได้
เขียนบทความโดย พทป. บุญศิริ คณะภักดิ์