6 สาเหตุที่ทำให้คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้น


คลิตอริสใหญ่ขึ้น

คลิตอริส (Clitoris) หรือบางคนอาจเรียกว่า ปุ่มกระสัน เป็นอวัยวะเพศของผู้หญิงที่ตั้งอยู่เหนือท่อปัสสาวะ โดยไม่มีขนาดที่เป็นมาตรฐาน แต่จะขยายใหญ่ขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นทางเพศ

นอกจากนี้การมีระดับฮอร์โมนที่ผันผวน หรือมีโรคประจำตัวอื่นๆ ก็สามารถทำให้คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้นได้

ทางการแพทย์เรียกขนาดของคลิตอริสที่มีขนาดใหญ่ หรือคลิตอริสที่มีความยาวมากกว่า 10 มิลลิเมตรในผู้ใหญ่ หรือ 9 มิลลิเมตรในเด็กแรกคลอดว่า คลิตอโรมีการี่ (Clitoromegaly) หรือมาโครคลิตอริส (Macroclitoris) หมายถึง 

การมีคลิตอริสขนาดใหญ่ในผู้ใหญ่มักไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวล แต่หากเกินในเด็ก หรือทารกแรกเกิดจะต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาอย่างทันท่วงที

6 สาเหตุที่ทำให้คลิตอริส (Clitoris) มีขนาดใหญ่ขึ้น

1. การตื่นตัวทางเพศ

คลิตอริสของผู้ใหญ่มักมีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะมีการตื่นตัวทางเพศ หรือการถูกกระตุ้น ในระหว่างที่ถูกกระตุ้นนั้น เลือดจะไหลไปยังอวัยวะเพศมากขึ้น ทำให้คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และมันจะกลับคืนสู่ปกติหลังจากที่ได้สัมผัสกับจุดสุดยอดทางเพศ

แต่หากคุณไม่ได้ถึงจุดสุดยอดทางเพศหลังจากถูกกระตุ้น อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หรือเป็นวัน ที่คลิตอริสจะหดตัวกลับคืนสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม การมีคลิตอริสที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไม่ได้ทำให้เกิดอันตราย แต่ถ้ายังคงบวม และถูกับเสื้อผ้าตลอดเวลา ก็สามารถทำให้เกิดการระคายเคือง หรือทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้

2. ฮอร์โมนผิดปกติ

ปกติแล้ว คนทั่วไปจะมีทั้งฮอร์โมนเพศหญิง หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนเพศชาย หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) อยู่ในตัว ซึ่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ก็คือหนึ่งในฮอร์โมนกลุ่มแอนโดรเจนที่เรารู้จักกันดี

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงบางคนอาจมีฮอร์โมนแอนโดรเจนมากเกินไป จึงทำให้คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งมักเกิดจากระดับของฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลกัน

3. ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovary syndrome: PCOS)

ผู้ที่กำลังตกอยู่ในภาวะนี้จะมีซีสต์ (Cyst) เล็กๆ ก่อตัวขึ้นในรังไข่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเอง ซึ่งการรับประทานฮอร์โมนตามที่แพทย์สั่ง และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สามารถรักษาภาวะดังกล่าวได้

ปัจจัยที่บ่งบอกว่ามีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ เช่น

  • การมีขนตามใบหน้าหรือลำตัวมากขึ้น
  • มีสิว
  • น้ำหนักเพิ่ม
  • ประจำเดือนมาผิดปกติ ปั
  • ปัญหาการมีบุตรยาก

4. การอักเสบภายนอกของอวัยวะเพศ

การมีคลิตอริสที่ใหญ่ขึ้นอาจเกิดจากการอักเสบของอวัยวะเพศ หรือปากช่องคลอดอักเสบ (Vulvitis) ซึ่งสาเหตุของภาวะดังกล่าว ประกอบไปด้วย

  • การแพ้ผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น น้ำยาซักผ้า สบู่ ครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) หรือสารหล่อลื่น
  • การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อยีสต์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • การเสียดสีที่มากเกินไประหว่างมีเซ็กส์ หรือช่วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม บริเวณอวัยวะเพศจะมีเส้นเลือดมาบรรจบอยู่มาก และการไปกระตุ้นบริเวณนี้มากเกินไปก็สามารถทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บ หรือบวมได้ ถ้าคุณลดการใช้ความรุนแรง ความรู้สึกไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นก็ควรจะลดลงภายใน 1 หรือ 2 วัน

ในขณะที่อาการของการติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอด หรือการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความคล้ายกัน เมื่อเกิดอาการคลิตอริสมีขนาดใหญ่ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ และไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ อย่าลังเลที่จะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือปากช่องคลอดอักเสบด้วย

5. เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต

ต่อมหมวกไตมีหน้าที่หลั่งฮอร์โมน ถ้ามีเนื้องอกก่อตัวขึ้นในต่อมชนิดนี้ก็จะทำให้ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ ผู้ป่วยก็จะมีระดับฮอร์โมนที่เสียสมดุล และมีขนาดของคลิตอริสที่ใหญ่ขึ้นตามมา นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น น้ำหนักเพิ่ม รอบระดูเปลี่ยนไป หรือมีขนขึ้นตามร่างกายมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม การรักษาต่อมหมวกไตขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของเนื้องอก และเกี่ยวข้องกับมะเร็งหรือไม่

6. อะนาโบลิกสเตียรอยด์ (Anabolic steroids)

สเตรียรอยด์ชนิดนี้ได้ถูกนำมาใช้สร้างกล้ามเนื้อ และทำให้ร่างกายของนักกีฬามีความอึดมากขึ้น แต่การใช้สารดังกล่าวก็สามารถนำไปสู่การมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติได้

นอกจากจะทำให้ขนาดของคลิตอริสใหญ่ขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณมีขนตามใบหน้ามากผิดปกติ มีเสียงทุ้มลึก มีสิว มีปัญหาสุขภาพที่สามารถส่งผลต่อหัวใจ ตับ และไต ดังนั้นการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดนี้จึงควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น

เมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์?

หากลักษณะภายนอกของคลิตอริส (Clitoris) หรืออวัยวะเพศส่วนอื่นๆ มีการเปลี่ยนแปลง คุณควรไปพบแพทย์เมื่อมีอาการดังนี้

  • รู้สึกเจ็บ แดง หรือรู้สึกร้อน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
  • รู้สึกเจ็บขณะที่ปัสสาวะ
  • มีแผลพุพองที่อวัยวะเพศ
  • มีเลือดออกที่อวัยวะเพศ
  • คลิตอริสยังคงมีขนาดใหญ่ และอาการไม่หายไปภายใน 2-3 วัน
  • มีของเหลวผิดปกติออกมาจากช่องคลอด
  • รู้สึกคัน

เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจระดับฮอร์โมน


บทความแนะนำ


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

@‌hdcoth line chat