กายภาพบำบัด อีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน


กายภาพบำบัด คืออะไร? มีอะไรบ้าง? ใครที่ควรทำ?

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • กายภาพบำบัด คือ การรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ
  • กายภาพบำบัดจะเน้นการบำบัดฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ร่วมกับการออกกำลังกาย หรือใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดต่างๆ
  • ตัวอย่างเครื่องมือทางกายภาพบำบัด เช่น อัลตราซาวด์ เลเซอร์ การประคบร้อนและเย็น วารีบำบัด การนวด การออกกำลังกาย เครื่องกระตุ้นแม่เหล็ก หรือ Ice Lab
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจทำกายภาพบำบัดรูปแบบต่างๆ

รู้ไหมว่า...การทำกายภาพบำบัด ไม่ได้ทำได้แค่เฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคอัมพฤกษ์-อัมพาต ผู้สูงอายุ หรือนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

กายภาพบำบัด เป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ใช้ฟื้นฟู และดูแลสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากคุณมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตึง ขาอ่อนแรง ปวดหลังมาก หรือมีอาการยอดฮิตอย่างออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) ลองให้นักกายภาพบำบัดช่วยประเมินอาการ และรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัด รับรองว่า จะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน!

กายภาพบำบัด คืออะไร?

กายภาพบำบัด (Physical Therapy) คือ การรักษาด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด โดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ 

กายภาพบำบัดจะไม่เน้นการรับประทานยา หรือผ่าตัด แต่เน้นการบัดบำฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมกับการออกกำลังกาย หรือใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดที่เหมาะสมสำหรับอาการนั้นๆ

การกายภาพบำบัดมีหลายวิธี เช่น อัลตราซาวด์ เลเซอร์ ประคบร้อน ประคบเย็น วารีบำบัด การนวด หรือการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง

แนะนำ 5 เครื่องมือกายภาพบำบัดยอดฮิตจาก HDmall แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

ใครเคยเข้าใจว่าการไปกายภาพบำบัดน่าจะคล้ายๆ จับเส้น บีบๆ นวดๆ บอกเลยว่าไม่ใช่ ในความเป็นจริงแล้ว กายภาพบำบัดมีเครื่องมือหลายอย่างที่ช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อได้ ตัวอย่างเช่น 5 เครื่องมือนี้

  1. กายภาพบำบัดโดยการนวดเพื่อการรักษา มีหลายเทคนิค เช่น การลูบตามผิวหนัง กดจุด คลึง เคาะ หรือทุบ ช่วยบรรเทาอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ระบบน้ำเหลือง และการเคลื่อนไหวของข้อต่อได้เป็นอย่างดี
  2. การบำบัดด้วยความร้อนโดยใช้เครื่องกระตุ้นแม่เหล็ก rPMS ช่วยรักษาอาการเจ็บปวดต่างๆ ของกระดูกและกล้ามเหนือในบริเวณกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น อาการปวดหลัง หรือใช้เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเหนือเฉพาะจุดได้
  3. อัลตราซาวด์ (Ultrasound) คือการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปสร้างความร้อนในเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นกล้ามเนื้อและกระดูก (การนวดธรรมดาไม่สามารถช่วยได้) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ การไหลเวียนเลือด ลดอาการอักเสบและปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. วารีบำบัด (Hydrotherapy) เป็นการใช้คุณสมบัติของน้ำ เช่น แรงลอยตัว แรงต้านของน้ำ แรงดันน้ำ หรืออุณหภูมิของน้ำ มาใช้ในการบำบัดรักษา หรือออกกำลังกายในผู้ที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกายบนบก เช่น ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ หรือนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บ
  5. การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) ด้วย Ice Lab คือการเข้าไปอยู่ในห้องที่ส่งไอเย็น -10, -60 และ -110 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 นาที ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในได้พร้อมกันทั่วทั้งร่างกาย หยุดการอักเสบในระยะเวลาสั้นๆ และสร้างความผ่อนคลายทำให้การนอนหลับดีขึ้น

การทำกายภาพบำบัดสามารถทำได้ทั้งก่อน-หลังมีอาการผิดปกติต่างๆ เพราะเป็นการดูแลและฟื้นฟูระบบการทำงานในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก การไหลเวียนเลือด ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่า อีกทั้งนักกายภาพบำบัดยังสามารถช่วยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสมตั้งแต่พื้นฐาน เช่น ท่าทางการนั่ง การเดิน การยืน รวมไปถึงแนะนำท่ากายบริหารที่ควรทำในแต่ละวัน เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย

สนใจทำกายภาพบำบัด ไม่ว่าจะเป็นการนวดเพื่อการรักษา การทำวารีบำบัด การใช้เครื่องกระตุ้นแม่เหล็ก rPMS หรืออื่นๆ เปรียบเทียบราคาและแพ็กการทำกายภาพในรูปแบบต่างๆ ได้ที่ HDmall เลย

ที่มาของข้อมูล

med.cmu.ac.th, เครื่องมือทางกายภาพบำบัด (https://w1.med.cmu.ac.th/rehab/images/Study_guide/10_1%20Physical%20modalities_PK.pdf).

europepmc.org, Effects of Repetitive Peripheral Magnetic Stimulation on Patients With Acute Low Back Pain: A Pilot Study (https://europepmc.org/article/PMC/5940599).

@‌hdcoth line chat