HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- การผ่าคลอด หรือการผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง (Cesarean section) คือ การผ่าตัดเปิดช่องท้องและผนังมดลูกของคุณแม่เพื่อนำทารกออกจากถุงน้ำคร่ำ ปัจจุบันมีการผ่าคลอด 2 แบบ ได้แก่ การผ่าคลอดแนวขวางที่มดลูกส่วนล่าง และการผ่าตัดแนวตั้งที่มดลูกส่วนล่าง
- โดยปกติแล้ววิธีผ่าคลอดจะเหมาะสมกับคุณแม่ที่แพทย์ผู้ดูแลลงความเห็นแล้วว่า การคลอดด้วยวิธีธรรมชาติจะทำให้คุณแม่ หรือลูกมีความเสี่ยงมากเกินไป เช่น อุ้งเชิงกรานแคบ รกเกาะต่ำ ครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง อยู่ในภาวะคลอดยาก หรือคลอดเนิ่นนาน
- ระยะเวลาที่เหมาะสมในการคลอดก็คือ ตั้งแต่ 38-39 สัปดาห์ขึ้นไปเพราะทารกจะโตเต็มที่ มีพัฒนาการต่างๆ ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะปอดที่สามารถหายใจได้เอง เสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืดน้อย
- การผ่าคลอดไม่จำเป็นต้องรอให้เจ็บท้องคลอดหนักๆ หรือไม่ต้องรอให้มีอาการน้ำเดิน มูกเลือดไหลออกจากช่องคลอด รวมทั้งไม่ต้องรอปากมดลูกเปิด เพียงแต่จะเกิดขึ้นในกรณีฉุกเฉิน จำเป้นต้องช่วยชีวิตแม่และทารกในครรภ์ หรือมีการวางแผนผ่าคลอดมาก่อนแล้ว
- เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดบุตร หรือแอดไลน์ @hdcoth
การผ่าคลอดเป็นวิธีคลอดแบบหนึ่งที่คุณแม่บางส่วนให้ความสนใจ เพราะส่วนหนึ่งสามารถกำหนดวันและเวลาการคลอดได้ตามต้องการ ระยะเวลาเจ็บท้องน้อยกว่า ลูกอาจมีความปลอดภัยมากกว่า นั่นจึงทำให้สถิติผ่าคลอดในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม การที่คุณแม่จะตัดสินใจคลอดแบบใดนั้น คุณแม่เองควรมีความรู้ ความเข้าใจถึงขั้นตอนการคลอดแต่ละแบบก่อน ความเหมาะสมกับตัวคุณแม่ รวมทั้งข้อดี-ข้อเสียในการคลอดแต่ละวิธีจึงจะถูกต้อง
HDmall.co.th จะพาไปหาคำตอบแบบชัดๆ เพื่อให้คุณแม่นำไปประกอบการตัดสินใจก่อนถึงกำหนดคลอด
เลือกหัวข้อเกี่ยวกับการผ่าคลอดที่สนใจได้ที่นี่
ปิด
ปิด
การผ่าคลอด คืออะไร?
การผ่าคลอด หรือการผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง (Cesarean section) คือ การผ่าตัดเปิดช่องท้องและผนังมดลูกของคุณแม่เพื่อนำทารกออกจากถุงน้ำคร่ำ จากนั้นแพทย์จะนำรกออกจากครรภ์ให้หมด แล้วจึงเย็บปิดมดลูกและหน้าท้องของคุณแม่ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการภายในเวลา 45 นาที - 1ชั่วโมง
โดยปกติแล้ววิธีนี้จะเหมาะสมกับคุณแม่ที่แพทย์ผู้ดูแลลงความเห็นแล้วว่า การคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ จะทำให้คุณแม่ หรือลูกมีความเสี่ยงมากเกินไปจึงจะแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดคลอด
การผ่าคลอด มีกี่แบบ?
การผ่าคลอดส่วนมากจะมี 2 แบบ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
1.การผ่าคลอดแนวขวาง หรือแนวบิกีนี่ที่มดลูกส่วนล่าง (Tranverse) การผ่าตัดแบบนี้จะมีบาดแผลแนวยาวตามรอยพับของหน้าท้องส่วนล่าง ทำให้เวลาขยับตัวจะเจ็บแผลไม่มาก ส่วนแผลเป็นที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเล็กและมองเห็นไม่ชัดนัก
ในเรื่องเทคนิคการผ่าวิธีนี้ใช้เวลานานกว่าปกติเพราะผ่าตัดได้ยากกว่า ต้องใช้อุปกรณ์ช่อยคลอดศีรษะทารกเพิ่มเติม จึงไม่เหมาะกับการผ่าตัดในกรณีฉุกเฉิน การผ่าวิธีนี้มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีพังผืดในช่องท้อง และไม่เหมาะหากต้องการผ่าตัดอวัยวะอื่นๆ ของคุณแม่ไปพร้อมๆ กัน
อย่างไรก็ตาม การผ่าคลอดแนวขวางนั้นได้รับความนิยมมากกว่าการผ่าตัดในแนวตั้งที่จะกล่าวถึงต่อไป
2.การผ่าตัดในแนวตั้งที่มดลูกส่วนล่าง (Vertical Midline incision)การผ่าตัดแบบนี้จะมีบาดแผลยาวตามแนวตั้งของหน้าท้องส่วนล่าง ทำให้เวลาขยับตัวลำบาก เจ็บแผลมาก และฟื้นตัวช้ากว่าแบบแรก
ในเรื่องเทคนิค การผ่าตัดวิธีนี้ใช้เวลาไม่นานก็สามารถนำทารกออกมาจากถุงน้ำคร่ำได้ง่าย โดยแทบไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยคลอดอื่นๆ เลย จึงเหมาะสำหรับการคลอดในกรณีร่งด่วน ฉุกเฉิน และหากทารกตัวใหญ่ก็ไม่มีปัญหาติดขัดแต่อย่างใด เพราะสามารถขยายความกว้างของแผลได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม การผ่าคลอดแนวตั้งจะมีแผลเป็นมากกว่าการผ่าตัดแนวขวาง
คุณแม่จะใช้เวลาตั้งครรภ์จนถึงกำหนดคลอดราว 37-40 สัปดาห์ โดยระยะเวลาที่เหมาะสมในการคลอดก็คือ ตั้งแต่ 38-39 สัปดาห์ขึ้นไปเพราะทารกจะโตเต็มที่ มีพัฒนาการต่างๆ ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะปอดที่สามารถหายใจได้เอง เสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืดน้อย
แต่หากคุณแม่เจ็บท้องคลอดก่อนหน้านั้น มีอายุครรภ์ไม่น้อยกว่า 33 สัปดาห์ อีกทั้งแพทย์ผู้ดูแลตรวจพบว่า ทารกในครรภ์สุขภาพแข็งแรงดี ก็สามารถผ่าคลอดก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ได้เช่นกัน
กรณีไหนบ้างที่ควรผ่าคลอด?
องค์การอนามัยโลก (WHO) ส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์ คลอดตามธรรมชาติก่อนเพราะเชื่อว่า เป็นวิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับแม่และลูกน้อย อย่างไรก็ตาม หากหญิงตั้งครรภ์มีข้อบ่งชี้ทางสุขภาพต่อไปนี้ก็เหมาะสมที่จะเข้ารับการผ่าคลอด
- คุณแม่มีอุ้งเชิงกรานแคบเกินไป ทำให้ทารกไม่สามารถคลอดออกมาทางช่องคลอดได้
- คุณแม่ตั้งครรภ์แฝด แต่ร่างกายไม่พร้อมคลอดธรรมชาติ
- มีความผิดปกติของรก เช่น รกเกาะต่ำขวางทางออกของทารก (Placenta Previa) หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental Abruption) ทำให้คุณแม่มีเลือดออกทางช่องคลอดในระหว่างตั้งครรภ์และมีโอกาสตกเลือดในขณะคลอดได้
- เกิดภาวะวิกฤติ เช่น เสียงหัวใจลูกเต้นช้าผิดปกติ คุณแม่มีความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง มดลูกแตก
- คุณแม่อยู่ในภาวะคลอดยาก (Obstructed labor) หรือคลอดเนิ่นนาน (Prolong of Labor) ทำให้ทั้งทารกและคุณแม่อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น คุณแม่ช่องคลอดฉีกขาด เสียเลือดมาก และเสี่ยงต่อการตกเลือด มดลูกแตก ส่วนทารกเสี่ยงมีความพิการทางสมอง ร่างกายชอกช้ำจากการคลอดยาก มีโอกาสเสียชีวิตได้ หากเป็นการคลอดติดไหล่อาจทำให้เส้นประสาทแขนของทารกได้รับความเสียหายได้
- คุณแม่เคยผ่าตัดคลอดมาก่อน (Previous Uterine Scare) ซึ่งเสี่ยงต่อการแตกของมดลูกหากมีการคลอดเองเกิดขึ้น
- การติดเชื้อของมารดา เช่น มารดาเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศขณะเข้าสู่ระยะคลอด ซึ่งสามารถติดต่อสู่ลูกน้อยผ่านการคลอดทางช่องคลอด
- ทารกมีความผิดปกติ เช่น ตัวใหญ่เกินไป ศีรษะใหญ่เกินไป ทำให้ทารกไม่สามารถคลอดออกมาทางช่องคลอดได้ ทารกขาดออกซิเจนไปเลี้ยง
- ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าขวาง ท่าก้น หรือครรภ์แฝด
แต่ทั้งนี้การผ่าตัดคลอดขึ้นอยู่กับความพร้อมของแพทย์ บุคลากร และเครื่องมือในแต่ละโรงพยาบาลด้วย
ต้องรอให้เจ็บท้องก่อนไหมจึงผ่าคลอด?
การผ่าคลอดไม่จำเป็นต้องรอให้เจ็บท้องคลอดหนักๆ หรือไม่ต้องรอให้มีอาการน้ำเดิน มูกเลือดไหลออกจากช่องคลอด รวมทั้งไม่ต้องรอปากมดลูกเปิดให้ได้ระยะกว้างเพียงพอเหมือนการคลอดธรรมชาติ แต่สามารถทำได้ทันทีในกรณีต่อไปนี้
กรณีแรก “ผ่าคลอดฉุกเฉิน” หากแพทย์พิจารณาแล้วว่า มีความจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของแม่และทารก คุณแม่จึงไม่ต้องคอยนานเพื่อที่จะเห็นหน้าลูกน้อย โดยการผ่าตัดคลอดนั้นอาจใช้เวลาเพียงแค่ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก็ได้เห็นหน้าลูกแล้ว
กรณีที่ 2 “วางแผนผ่าคลอด” หากแพทย์ตรวจพบแต่เนิ่นๆ ว่า คุณแม่ หรือทารกในครรภ์มีข้อบ่งชี้ทางสุขภาพ ไม่สามารถคลอดด้วยวิธีธรรมชาติได้แน่นอน กรณีนี้แพทย์จำเป็นต้องวางแผนผ่าคลอดไว้ก่อนล่วงหน้า
ทั้งการเตรียมทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับข้อบ่งชี้ทางสุขภาพของคุณแม่และทารกเพิ่มเติม เช่น แพทย์ด้านโรคหัวใจ วิสัญญีแพทย์ บุคลากร เวชภัณฑ์ต่างๆ เลือดสำรอง และห้องผ่าตัดให้พร้อม
ไม่ว่าคุณแม่จะตัดสินใจเลือกการคลอดวิธีไหน สุดท้ายแล้วแพทย์ผู้ดูแลครรภ์จะเป็นผู้ตัดสินใจ เพื่อการคลอดที่ปลอดภัยทั้งคุณแม่และเจ้าตัวน้อยที่สุด
ว่าที่คุณแม่สามารถ เปรียบเทียบราคาล่าสุดและแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดบุตร ที่ตรงใจ คุ้มค่ากับงบประมาณได้ที่นี่เลย หรือที่ไลน์ @hdcoth โดยมีจิ๊บใจดี เสียงใสคอยให้บริการข้อมูล สั่งซื้อแพ็กเกจ และจองคิวนัดหมายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึงตีหนึ่ง! แอดเลยไม่ต้องรอ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- การคลอดธรรมชาติ คืออะไร
- ข้อดี-ข้อเสียของการผ่าคลอดคืออะไร
- ผ่าคลอดได้กี่ครั้งจึงปลอดภัย ไม่เสี่ยง
- คลอดธรรมชาติ ทำให้ช่องคลอดหลวมจริงหรือ?
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- Brian Krans, C-Section (Cesarean Section) (https://www.healthline.com/health/c-section), 26 March 2021.
- Hedwige Saint Louis, MD, MPH, FACOG, Cesarean Delivery (https://emedicine.medscape.com/article/263424-overview), 26 March 2021.
- MedlinePlus, Cesarean Section (https://medlineplus.gov/cesareansection.html), 26 March 2021.
- NHS, Caesarean section (https://www.nhs.uk/conditions/caesarean-section/), 26 March 2021.