หากพูดถึงกายภาพบำบัด หลายคนคงนึกถึงการทำกายบริหารให้กับผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียงผู้ป่วยอยู่เสมอ แต่ความจริงแล้วการทำกายภาพบำบัดไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มผู้สูงอายุอย่างที่หลายคนเข้าใจ
เพราะวัยทำงานเองก็สามารถทำเพื่อคลายปวดจากออฟฟิศซินโดรมได้ และยังไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วยเท่านั้น แต่ยังสามารถทำเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในอนาคตให้คนที่เราห่วงใยได้อีกด้วย
สารบัญ
การทำกายภาพบำบัดคืออะไร?
กายภาพบำบัด (Physical therapy: PT) เป็นการฟื้นฟู และเสริมสร้างความสามารถในการใช้ร่างกายด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การดึง นวด ประคบ ร่วมกับการบริหารร่างกายสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ มีอาการปวด หรือได้รับผลข้างเคียงจากอาการเจ็บป่วยจนทำกิจวัตรประจำวันได้ไม่เต็มที่
เทคนิคและวิธีการต่างๆ ของกายทำกายภาพบำบัดจะปฎิบัติตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถแบ่งการทำกายภาพบำบัดได้หลายสายงาน เช่น
- กายภาพบำบัดระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
- กายภาพบำบัดด้านระบบประสาท
- กายภาพบำบัดด้านระบบทรวงอกหลอดเลือดและหัวใจ
- กายภาพบำบัดด้านกีฬา
- กายภาพบำบัดในชุมชน
- งานกายภาพบำบัดด้านอื่นๆ
โดยการทำกายภาพบำบัดแต่ละสายงานนี้ ก็จะมีวิธีการทำ อุปกรณ์ และจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการ ซึ่งนักกายภาพบำบัดจะเป็นผู้แนะนำให้นั่นเอง
การทำกายภาพบำบัดช่วยอะไรได้บ้าง?
การทำกายภาพบำบัดมีจุดประสงค์หลักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย และเสริมสร้างความสามาถในการใช้ร่างกาย เพื่อให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ดังนั้นการทำกายภาพบำบัดจะมุ่งเน้นที่การบรรเทาอุปสรรคที่ส่งผลต่อการใช้ร่างกายของคุณ อาจมีดังนี้
- บรรเทาอาการปวด
- ป้องกัน หรือฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บ
- ป้องกันความพิการ หรือลดโอกาสที่จะต้องผ่าตัด
- ป้องกันการล้มหรือลื่น โดยทำให้ร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น
- มีส่วนช่วยให้ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้มากขึ้น
- มีส่วนช่วยประคองอาการจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน
- มีส่วนช่วยให้ใช้แขนขาเทียมได้ดีขึ้น
- มีส่วนช่วยให้ใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น ไม้เท้า ได้ดีขึ้น
- เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกาย
- ฟื้นฟูร่างกายหลังจากผ่าตัด
- ฟื้นฟูร่างกายของผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง
- ฟื้นฟูร่างกายหลังจากให้กำเนิดบุตร
โดยนักกายภาพบำบัดจะเป็นผู้ให้คำแนะนำว่า ผู้ใช้บริการเหมาะกับการทำกายภาพบำบัดส่วนไหน และควรใช้เทคนิคใด
นักกายภาพบำบัดคืออะไร?
นักกายภาพบำบัด (Physical therapist) คือผู้ที่ได้รับการศึกษาเฉพาะทางด้านการทำกายภาพบำบัด เช่น กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิวิทยา ประสาทวิทยา และการทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยภาวะต่างๆ
โดยนักกายภาพบำบัดที่ผ่านการศึกษาเหล่านี้ จะมีสิทธิ์สอบใบประกอบวิชาชีพ เพื่อทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดตามสถานที่ต่างๆ ได้
การไปพบนักกายภาพบำบัดมักทำได้โดยไม่ต้องรอให้แพทย์เป็นผู้ระบุว่าจำเป็นต้องใช้การกายภาพบำบัด แต่หากคุณมีอาการป่วยรุนแรง หรือได้รับบาดเจ็บหนัก นักกายภาพบำบัดอาจไม่ใช่ทางเลือกหลักในการรักษา และไม่สามารถทำหน้าที่แทนแพทย์ได้
กรณีนี้ แพทย์อาจเป็นผู้แนะนำให้ทำการรักษาด้วยกายภาพบำบัดเมื่อร่างกายพร้อม และนักกายภาพบำบัดจะทำการรักษาร่วมกับแพทย์
ระหว่างที่นักกายภาพบำบัดให้บริการ พวกเขาจะคอยประเมินอาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแผนการรักษาของคุณ ในบางท่าทางนักกายภาพบำบัดอาจใช้มือช่วยในการทำกายภาพบำบัดให้ผู้ใช้บริการด้วย
การทำกายภาพบำบัดจะช่วยให้คุณใช้ร่างกาย หรืออวัยวะที่ทำการรักษาในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะฟื้นฟูกลับมาได้ไวกว่าการทำด้วยตัวเองโดยไม่มีนักกายภาพบำบัดให้คำแนะนำ
กายภาพบำบัดทำอะไรบ้าง?
ในการทำกายภาพบำบัดแต่ละครั้ง จะแบ่งช่วงเวลาให้บริการออกเป็น 2 ช่วงหลักๆ
1. ประเมินอาการก่อนทำกายภาพบำบัด
ในการทำกายภาพบำบัดครั้งแรก นักกายภาพบำบัดอาจต้องประเมินอาการก่อน เพื่อให้สามารถกำหนดปัญหา และแผนการรักษาได้
โดยอาจถามคำถามทั่วไป เช่น ส่วนไหนที่มีอาการปวด อาการผิดปกติเป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไร การนอนหลับดีไหม รวมไปถึงประวัติการรักษา
นอกจากนี้นักกายภาพบำบัดอาจให้ทำการทดสอบเล็กน้อย ดังนี้
- ทดสอบความสามารถในการเคลื่อนไหวไปมา การหยิบจับ การโค้งงอตัว
- ทดสอบความสามารถการเดิน การปีนป่าย
- ทดสอบการเต้นของหัวใจ หรือจังหวะการเต้นระหว่างออกกำลังกาย
- ทดสอบความสามารถในการทรงตัว และความสมดุล
แม้ผู้ที่เคยทำกายภาพบำบัดไปแล้วก็อาจได้รับการสอบถามและทดสอบเช่นกันในบางกรณี เพื่อติดตามอาการและปรับแผนการรักษา
2. ทำกายภาพบำบัดตามแผนการรักษา
การทำกายภาพบำบัดในผู้ใช้บริการแต่ละคน อาจมีใช้จำนวนครั้ง ระยะเวลา และเทคนิคในการทำกายภาพบำบัดต่างกัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ แต่การทำกายภาพบำบัดหลักๆ ที่อาจพบในเบื้องต้น อาจมีดังนี้
- การออกกำลังกาย บริหารร่างกาย หรือการยืดกล้ามเนื้อตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด
- การนวด ประคบร้อน หรือประคบเย็น อาจมีการใช้อัลตราซาวด์กล้ามเนื้อเพื่อบรรเทาอาการปวดและอาการกระตุก
- บำบัดร่างกายเพื่อการใช้แขนขาเทียม
- ฝึกใช้อุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
นักกายภาพบำบัดจะคอยดูความเปลี่ยนแปลงของคุณ และปรับเปลี่ยนแผนการรักษาหากจำเป็น
นอกจากนี้คุณยังสามารถนำท่าบริหาร่างกาย หรือออกกำลังกาย ที่นักกายภาพบำบัดแนะนำไปปฎิบัติที่บ้านได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณติดตามการปฎิบัติและปรับปรุงสภาพร่างกายได้สม่ำเสมอ
โดยสรุปแล้ว การทำกายภาพบำบัดไม่จำเป็นต้องรอให้แพทย์เป็นผู้สั่ง หากมีอาการปวดจากการใช้งานอวัยวะต่างๆ ผิดท่า ก็สามารถมาใช้บริการกายภาพบำบัดได้เช่นกัน
แต่หากมีอาการป่วยรุนแรง หรือบาดเจ็บหนัก ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาก่อน และอาจทำกายภาพบำบัดควบคู่กันเพื่อฟื้นฟูได้เมื่อแพทย์อนุญาต