Mirtazapine ข้อมูล วิธีใช้ ผลข้างเคียง


Mirtazapine เป็นยาสามัญของยาชื่อการค้าว่า Remeron ซึ่งในการรักษาอาการซึมเศร้าและภาวะอื่น ๆ ในผู้ป่วยบางรายนั้นพบว่า อาการซึมเศร้าอาจเกี่ยวข้องกับระดับของสารสื่อประสาทในสมองที่ผิดปกติ Mirtazapine ซึ่งเป็นยาต้านเศร้าในกลุ่ม tetracyclic antidepressant สามารถรักษาอาการซึมเศร้าได้ด้วยการปรับระดับของสารสื่อประสาทในสมองให้กลับมาสมดุล ยาต้านเศร้า เช่น mirtazapine นี้ มักใช้รักษาภาวะอื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุอยู่บนฉลากยา เช่น โรค post-traumatic stress disorder (PTSD) โรคย้ำคิดย้ำทำ และกลุ่มอาการวิตกกังวลอื่น ๆ

ยานี้ยังนำมาใช้กระตุ้นความอยากอาหารอีกด้วย (เนื่องจากผลข้างเคียงที่พบบ่อยของการใช้ยานี้คือการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น) Mirtazapine ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาในการใช้รักษาอาการซึมเศร้าในปี ค.ศ. 1995 ปัจจุบัน มียาในรูปแบบยาสามัญวางขายในท้องตลาดแล้ว


คำเตือนในการใช้ยา Mirtazapine

องค์การอาหารและยาออกประกาศเตือนเกี่ยวกับการใช้ยานี้เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงขึ้นเช่นเดียวกับยาต้านเศร้าตัวอื่น ๆ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้ยานี้ ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติโรคในครอบครัว ซึ่งรวมถึงความผิดปกติทางจิตหรือประวัติการพยายามฆ่าตัวตายด้วย

หากคุณกำลังใช้ยานี้อยู่ ต้องแจ้งแพทย์ทันทีหากคุณสังเกตว่าอาการซึมเศร้านั้นแย่ลงหรือเกิดภาวะอื่น ๆ ทางจิตเวช หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ โดยเฉพาะหากคุณอายุน้อยกว่า 25 ปี ซึ่งรวมถึงความคิดอยากฆ่าตัวตาย อาการวิตกกังวลครั้งใหม่หรือรุนแรงกว่าเดิม หรือการเกิดอาการหวาดระแวง

นอกจากนั้น ควรแจ้งแพทย์หากคุณมีปัญหาในการนอน กระสับกระส่ายง่าย หรือเริ่มมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น สังเกตอาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเมื่อเริ่มต้นใช้ยาหรือเปลี่ยนขนาดยาที่รับประทาน แพทย์ยังต้องระวังการใช้ยานี้หากคุณมีโรคตับ โรคไต หรือโรคชักไม่ว่าประเภทใด ๆ มี cholesterol สูง เป็นโรคหัวใจ หรือเคยเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือโรคเส้นเลือดสมองมาก่อน

การรับประทานยา Mirtazapine กับการนอนหลับ

แพทย์บางคนใช้ยานี้หรือยาต้านเศร้าตัวอื่น ๆ เพื่อช่วยรักษาความผิดปกติในการนอนหลับ เช่น โรคนอนไม่หลับ รายงานเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 ของวารสาร Annals of Clinical Psychiatry ระบุว่า mirtazapine ช่วยให้นอนหลับได้ และการใช้ยานี้จะต้องระมัดระวังผลของยาที่อาจทำให้เกิดอาการสลบได้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยานี้หรือยาตัวอื่น ๆ ในการรักษาความผิดปกติของการนอน

การใช้ยา Mirtazapine เพื่อการเสพติด

มีรายงานที่ระบุว่า มีบางคนใช้ยานี้เพื่อให้รู้สึกมีความสุข เนื่องจากยาให้ผลกล่อมประสาทได้ การนำยานี้มาใช้เพื่อการเสพติดนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาที่รุนแรงและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์หรือยาอื่น ๆ ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์สั่งเท่านั้นและเก็บยาทุกตัวให้พ้นจากมือเด็ก วัยรุ่น และทุกคนที่ไม่จำเป็นต้องรับประทานยานี้

การถอนยา Mirtazapine

อย่าหยุดใช้ยานี้เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ เนื่องจากหากหยุดใช้ยากะทันหันจะทำให้เกิดอาการถอนยาได้ ซึ่งอาจทำให้มีอาการมึนหัว ปวดหัว คลื่นไส้ และอารมณ์เปลี่ยนแปลง คุณอาจมีอาการถอนยาได้แม้ว่าคุณจะลืมรับประทานยาเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้น คุณควรค่อย ๆ ลดขนาดของยาที่ใช้ลงเรื่อย ๆ เมื่อสิ้นสุดการรักษา

การใช้ยา Mirtazapine ในหญิงตั้งครรภ์

ไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับผลของยา mirtazapine ต่อหญิงตั้งครรภ์ และไม่ทราบว่ายาสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ มีการศึกษาหลายชิ้นที่เชื่อมโยงการใช้ยาต้านเศร้าในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์เข้ากับความเสี่ยงของการแท้งและเสียชีวิตของทารกแรกเกิดที่สูงกว่าปกติ

ในขณะที่การศึกษาชิ้นใหม่ ๆ แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงดังกล่าวนั้นอาจจะไม่เป็นความจริง หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แพทย์จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจว่าประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้ยานั้นมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหรือไม่

การใช้ยา Mirtazapine ในสุนัขและแมว

สัตวแพทย์อาจสั่งจ่ายยานี้เพื่อช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร โดยเฉพาะในสุนัขและแมวที่เป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ คลื่นไส้ หรือมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เบื่ออาหาร

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยในสัตว์เลี้ยง คือ อาการง่วงนอน ควรใช้ยานี้ตามที่สัตวแพทย์สั่งเท่านั้น และให้แจ้งยาที่สัตว์เลี้ยงของคุณกำลังรับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง

ผลข้างเคียงของการใช้ยา Mirtazapine

Mirtazapine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้รุนแรงหรือเรื้อรังหลังเริ่มใช้ยาควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

  • ง่วงนอน
  • มึนศีรษะ
  • กระสับกระส่าย
  • สับสน
  • ท้องผูก
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • น้ำหนักเพิ่ม
  • อยากอาหารมากขึ้น
  • ปากแห้ง
  • กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง

ผลข้างเคียงที่รุนแรงของการใช้ยา Mirtazapine

ผลข้างเคียงบางอย่างจากการใช้ยานี้อาจรุนแรง หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันทีหรือเข้ารับการรักษาโดยฉุกเฉิน

  • อาการคล้ายไข้หวัด มีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บคอ เจ็บปาก หรืออาการอื่น ๆ ที่แสดงถึงการติดเชื้อ
  • เจ็บหน้าอก
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ชัก

นอกจากนั้น หากคุณมีอาการแพ้ซึ่งประกอบไปด้วย ผื่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้า ลิ้น ริมฝีปาก หรือคอบวม ควรเข้ารับการรักษาทันที

ปฏิกิริยาระหว่างยา Mirtazapine กับยาอื่น ๆ

ยาที่ใช้รักษาโรคหวัด ภูมิแพ้ ยากล่อมประสาท ยาแก้ปวดที่ทำให้ติด ยานอนหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาที่ใช้รักษาโรคลมชัก หรือโรควิตกกังวลนั้น สามารถทำให้อาการง่วงนอนที่เกิดจากยานี้รุนแรงขึ้นได้ ดังนั้น หากคุณมีการใช้ยาเหล่านี้อยู่เป็นประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบ นอกจากนั้น ยังมียาอีกหลายตัวที่สามารถทำปฏิกิริยากับ mirtazapine ได้ ควรแจ้งแพทย์หากคุณกำลังรับประทานยาดังต่อไปนี้

  • ยาปฏิชีวนะเช่น Biaxin (clarithromycin) หรือ E-Mycin (Erythromycin)
  • ยาฆ่าเชื้อรา เช่น Nizoral (ketoconazole)
  • ยาต้านไวรัส HIV
  • ยาละลายลิ่มเลือด เช่น Coumadin (warfarin)
  • Eskalith (lithium)
  • ยารักษาโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง
  • Isoniazid (ใช้สำหรับรักษาวัณโรค)
  • ยาที่ใช้รักษาอาการปวดหัวไมเกรน
  • ยาต้านเศร้าอื่น ๆ เช่น Prozac (fluoxetine) หรือ Zoloft (sertraline)
  • ยากันชัก
  • Tagamet (cimetidine)
  • Ultram (tramadol)

ตัวอย่างนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มียาอีกหลายตัวที่อาจส่งผลต่อการใช้ยา mirtazapine ได้ ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณกำลังรับประทานไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่ง ยาที่รับประทานเอง วิตามิน และยาสมุนไพร

การใช้ยา Mirtazapine กับแอลกอฮอล์

หากคุณดื่มแอลกอฮอล์ขณะที่รับประทานยานี้ อาจยิ่งส่งผลให้ง่วงได้ เนื่องจาก mirtazapine อาจทำให้คุณรู้สึกง่วงนอนหรือมึนหัว ดังนั้น จึงไม่ควรรับประทานแอลกอฮอล์หรือขับรถหลังจากที่ทานยา แพทย์จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหากคุณรับประทานยา OxyContin (oxycodone), Valium (diazepam), Xanax (alprazolam) หรือยาในกลุ่มเดียวกัน

นอกจากนั้น การสูบบุหรี่ระว่างที่ใช้ยานี้ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ และหากคุณสูบบุหรี่ต่อเนื่อง แพทย์อาจต้องปรับขนาดยา mirtazapine ที่ใช้ ยานี้อาจส่งผลต่อความคิดหรือปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ดังนั้น ควรระมัดระวังหากคุณกำลังทำอะไรที่จะต้องมีการตื่นตัว

ขนาดของยา Mirtazapine ที่ใช้ในการรักษา

ยานี้มีในรูปแบบเม็ด ขนาดของยาที่แนะนำให้ใช้เริ่มต้นอยู่ที่ 15 มิลลิกรัมต่อวัน ควรรับประทานยาในช่วงเย็น หรือหากเป็นไปได้ ควรรับประทานก่อนนอน หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหลังจากเริ่มยาในระดับแรก แพทย์อาจปรับยาขึ้นได้สูงสุดที่ 45 มิลลิกรัมต่อวัน ยานี้ออกฤทธิ์อยู่ในร่างกายได้ 20-40 ชั่วโมง และอาจต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนที่ร่างกายของคุณจะเคยชินกับขนาดยาที่แพทย์สั่ง

การรับประทานยา Mirtazapine เกินขนาด


อาการของการได้รับยา mirtazapine เกินขนาดประกอบด้วย

  • หัวใจเต้นเร็วมากหรือเต้นผิดจังหวะ
  • มึนหัวรุนแรง
  • เป็นลม
  • สับสน

หากสงสัยว่ามีการได้รับยาเกินขนาด ให้ติดต่อทางโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา

การลืมรับประทานยา Mirtazapine

หากคุณลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากกำลังจะถึงการรับประทานยามื้อถัดไป ให้คุณข้ามยามื้อทื่ลืมแล้วรับประทานยามื้อถัดไปตามปกติ อย่ารับประทานยาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเพื่อชดเชยมื้อที่ลืมไปเด็ดขาด


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพ


บทความแนะนำ


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

@‌hdcoth line chat