ปวดหัวแบบไหนเรียก ไมเกรน เช็กอาการ สาเหตุ ความเสี่ยง วิธีรักษาและค่ารักษาเบื้องต้น
![](https://static.hd.co.th/system/redactor2_assets/images/9575/content_Mobile_syndrome.jpg)
ปวดหัวตุ้บๆ ปวดหัวข้างเดียว อาจรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ถ้าคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ ต้องระวัง เพราะคุณอาจป่วยด้วยโรคไมเกรน!
ไมเกรน อาการยอดฮิตของคนวัยทำงาน ถ้าเริ่มป่วยอาจเรื้อรังและร้ายแรง แถมต้องจ่ายค่ารักษาแพงอีกด้วย ถ้ายังไม่ป่วยควรรู้สาเหตุ จะได้จำกัดความเสี่ยง หลีกเลี่ยงสาเหตุได้อย่างเหมาะสม หรือถ้าเริ่มมีอาการ แต่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองป่วยเป็นไมเกรนหรือเปล่า มาทำความรู้จักไมเกรนในเบื้องต้น เช็กอาการ สาเหตุและความเสี่ยงกันได้เลย
ไมเกรนคืออะไร อาการเป็นอย่างไร?
โรคไมเกรน (Migraine) เป็นอาการปวดศีรษะเรื้อรังชนิดหนึ่ง พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงาน โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ประมาณ 1 ใน 5 ของผู้หญิง และ 1 ใน 15 ของผู้ชาย โดยอาการของไมเกรนจะมีลักษณะเฉพาะตัว สามารถสังเกตได้ ดังนี้
- ปวดศีรษะรุนแรง โดยปวดตุ้บๆ ต่อเนื่องเกิน 20 นาที
- ส่วนใหญ่มักปวดข้างเดียว แต่บางคนอาจปวด 2 ข้าง หรือถ้าเป็นมากอาจปวดทั่วทั้งศีรษะ
- ตำแหน่งที่ปวดไม่คงที่ อาจย้ายไปมา สลับซ้าย ขวา
- บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
- อาการปวดจะเริ่มจากน้อยๆ แล้วมากขึ้นเรื่อยๆ จนรุนแรงเต็มที่แล้วค่อยๆ บรรเทาลง
ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วย จะมีอาการเตือนก่อนเป็นไมเกรน เรียกว่า ออร่า (Aura) จะเป็นก่อนมีอาการไมเกรนประมาณ 5 นาที - 1 ชั่วโมง มีอาการดังนี้
- มองเห็นแสงไฟกระพริบ เส้นซิกแซกไปมา
- รู้สึกชาหรือเจ็บเหมือนถูกเข็มตำ โดยมักเริ่มจากมือแล้วค่อยๆ ลามไปยังใบหน้า ริมฝีปาก และลิ้น
- รู้สึกเวียนศีรษะ หรือทรงตัวไม่อยู่
- พูดลำบากกว่าปกติ
สาเหตุของไมเกรน
ปัจจุบันยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและสมองที่ทำงานผิดปกติ โดยสิ่งที่คาดว่าเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ระบบประสาทและสมองทำงานผิดปกติคือ
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ความเครียด วิตกกังวล
- ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย นอนหลับไม่เพียงพอ
- การอดอาหาร
- การสูบบุหรี่
- อาการถอนคาเฟอีน
- การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับบางชนิด ยาคุมกำเนิด ฮออร์โมนทดแทน
- สภาพแวดล้อม เช่น แสงจ้า เสียงดัง อากาศเปลี่ยนแปลง กลิ่นรุนแรง
- การใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากรังสีจากอุปกรณ์เหล่านี้อาจกระทบต่อระบบประสาทได้
วิธีการรักษาและค่ารักษาในเบื้องต้น
ไมเกรนเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นเพียงการประคับประคองและป้องกันอาการเท่านั้น แต่หากมีอาการบ่อยและรุนแรง สามารถบรรเทาด้วยหลายวิธี ได้แก่
ใช้ยารับประทาน
กลุ่มยาที่ใช้รักษาอาการไมเกรนได้มีดังนี้
- กลุ่มยาบรรเทาอาการปวดศีรษะ ควรรับประทานทันทีก่อนที่จะมีอาการไมเกรน หรือรับประทานเมื่อเริ่มมีอาหารเตือน เพราะถ้ารับประทานตอนที่มีอาการแล้ว ยาจะออกฤทธิ์ได้น้อยลง ตัวอย่างยา เช่น
- ยากลุ่มพาราเซตามอล (Paracetamol) แต่บางรายอาจใช้ยานี้ไม่ได้ผล
- ยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน (Naproxen)ไดโคลฟินแนก (Diclofenac) เป็นต้น
- ยาแก้ปวดสำหรับไมเกรน (สำหรับการปวดรุนแรง) เช่น ยากลุ่มทริปแทน (Triptans) ยาที่มีส่วนผสมของเออร์โกทามิน (Ergotamine)
- กลุ่มยาสำหรับป้องกันอาการ การใช้ยาประเภทนี้ จำเป็นต้องรับประทานอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยลดความรุนแรง และความถี่ของอาการปวดศีรษะไมเกรน ตัวอย่างยา เช่น ยากลุ่มเออร์กอต อัลคาลอยด์ (Ergot Alkaloids) เบต้า บล็อกเกอร์ (Bata Blocker) ยาต้านเซโรโทนิน (Serotonin Antagonist) เป็นต้น
ยากลุ่มนี้เป็นยาอันตรายและมีผลข้างเคียงทุกชนิด จำเป็นต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งและรับประทานตามระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น
ค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยวิธีรับประทานยา หากต้องพบแพทย์เพื่อสั่งจ่ายยาต่อครั้งประมาณ 1,000 - 1,500 บาทขึ้นไปขึ้นอยู่กับตัวยา ค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
กายภาพบำบัด หรือฝังเข็ม
เป็นอีกทางเลือกที่ใช้ในการบรรเทาอาการไมเกรน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กายภาพบำบัด คือการใช้เทคนิคทางกายภาพ เช่น การประคบร้อน นวดด้วยคลื่นอัลตราซาวน์ ไปตามตำแหน่งที่มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ บริเวณต้นคอ บ่า ไหล่ ให้คลายตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้
- ฝังเข็ม คือการใช้เข็มเล่มเล็กๆ ฝังไปตามจุดต่างๆ ของร่างกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดอาการเลือดคั่งต่างๆ
ค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัด หรือฝังเข็ม ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา ค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
ทั้งนี้วิธีที่สุดที่ช่วยรักษาอาการไมเกรนคือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้งานโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
แต่ถ้าชีวิตเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะป่วยตอนไหน ต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไร สามารถจำกัดความเสี่ยงด้วยประกันสุขภาพ Mobile Syndrome จากเมืองไทยประกันภัย คุ้มครอง 11 โรคฮิตจากการใช้โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ได้แก่
- โรคไมเกรน
- อาการนิ้วล็อค
- โรคเอ็นข้อมืออักเสบ
- อาการอักเสบของกล้ามเนื้อมือหรือข้อมือ
- กระดูกสันหลังเสื่อม
- โรควุ้นสายตาเสื่อม
- หมอนรองกระดูกเสื่อม
- ภาวะกระดูกคอเสื่อม
- กระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท
- การอักเสบของกล้ามเนื้อคอ
- การปวดศีรษะเรื้อรัง
จ่ายเริ่มต้นเพียง 999 บาทต่อปี คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท! พิเศษ ซื้อที่ HDmall.co.th วันนี้ รับแคชแบ็กสูงสุด 150 บาท หมดเขต 31 ธ.ค.64
ประกันแผน 1 IPD จ่ายปีละ 999.- รับแคชแบ็ก 50 บาท คลิกเลย
ประกันแผน 2 OPD+IPD จ่ายปีละ 3,150.- รับแคชแบ็ก 150 บาท คลิกเลย
![](https://static.hd.co.th/system/image_attachments/images/000/124/383/original/Email_Size.png)
ไมเกรนเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด และถ้าเป็นหนักจำเป็นต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ฉะนั้นถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดไมเกรนได้ ไม่อยากป่วยเรื้อรัง ไม่อยากใช้เงินเก็บทั้งหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ก็สามารถเลือกจำกัดความเสี่ยงด้วยประกันสุขภาพ Mobile Syndrome
หากสงสัยเกี่ยวกับประกันและความคุ้มครองทักหาแอดมินสอบถามเพิ่มเติม คลิกเลย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไข ก่อนตัดสินใจซื้อประกันทุกครั้ง
ที่มาของข้อมูล
- โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณ, รู้ได้อย่างไร ปวดไมเกรน, (https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/migraine) 29 มิถุนายน 2564.